“ต้องให้ข้าบอกกี่ครั้ง ข้าพลัดตกต้นไม้เองจริงๆ” หวงสือหลิวพยายามอธิบายกับถานเทียนสวี่มาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว บุรุษหน้านิ่งเอาแต่นั่งจ้องนางตาเขม็ง ยืนกรานจะไปเอาเรื่องกับคนที่ทำนางเจ็บ
“ท่านแม่ช่วยนก แต่ท่านย่ากับท่านป้ามาดุพวกเรา” เฉ่าเหมยที่นั่งอยู่บนตักถานเทียนสวี่โพล่งขึ้น เด็กน้อยทำหน้าบูดฟ้องบิดาไม่หยุด “ว่าท่านแม่ ท่านแม่ไม่ยอม ท่านแม่น่ะว่ากลับ ท่านย่าทำตาโต ดุเฉ่าเหมย ท่านป้าก็ดุด้วย”
ถานเทียนสวี่ตั้งใจฟังบุตรสาวพลางพยักหน้าไปด้วย แม้ว่าความเป็นจริงเขาจะไม่เข้าใจเรื่องราวที่เฉ่าเหมยตั้งใจจะสื่อก็ตาม
“พรุ่งนี้เป็นวันเกิดท่านพ่อข้า... เจ้ารู้หรือไม่”
ถานเทียนสวี่เหลือบตามอง “รู้”
“ไม่เห็นเจ้าบอกข้า”
“ปกติเจ้าจำวันเกิดบิดาตัวเองได้แม่นยำไม่ใช่หรือ รอวันที่จะได้กลับบ้านของตนอยู่ทุกวัน”
หวงสือหลิวขมวดคิ้วงุนงง “ทำไมข้าต้องอยากกลับบ้านตัวเองทุกวันด้วย ไม่มีใครที่นั่นชอบข้าไม่ใช่หรือ ข้าเอง...ก็ไม่ชอบพวกเขาเหมือนกัน”
ถานเทียนสวี่เค้นเสียงขึ้นจมูก “เจ้าอยากไปหาคนอื่นมากกว่ากระมัง คนผู้นั้นเทียวไปเทียวมาเพื่อทาบทามพี่สาวเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ”
“คนผู้นั้น? ใครหรือ”
“อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้”
“เจ้าหงุดหงิดอะไรของเจ้า ในใต้หล้านี้มีใครที่ข้าอยากอยู่ด้วยมากกว่าพวกเจ้าสองคนพ่อลูกอีกหรือไง”
ถานเทียนสวี่นิ่งอึ้งไปพักใหญ่ หากไม่เพราะได้ยินเสียงเฉ่าเหมยร้องเรียก เขาก็คงนั่งเหม่ออยู่อีกนาน
“ระ...รีบกินข้าวแล้วเข้านอนเถอะ”
มื้อนี้เป็นถานเทียนสวี่จัดการลงครัวเอง เขาไม่ยอมให้หวงสือหลิวขยับตัวทำอะไรนอกจากตักข้าวตรงหน้าเข้าปาก หลังจากเขาส่งบุตรสาวเข้านอนแล้วก็เดินกลับออกมาและคุกเข่านั่งลงข้างหวงสือหลิว
“ข้าขอดูข้อเท้าหน่อย”
หวงสือหลิวค่อยๆ เลิกชายกระโปรงของตนขึ้น “ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้คงดีขึ้น”
ถานเทียนสวี่เอื้อมมือมาบีบข้อเท้าเล็กเบาๆ ก่อนถอดถุงเท้าของนางออกอย่างเบามือ คิ้วเข้มขมวดมุ่น หรี่ตามองอย่างพิจารณาแล้วยกเท้าของหวงสือหลิวมาวางบนเข่าของตนพลางบีบนวดให้ช้าๆ
“เจ็บหรือไม่”
หวงสือหลิวรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองเห่อร้อนขึ้นมา ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยมีผู้ชายบีบนวดเท้าให้อย่างใส่ใจเช่นนี้ ทำนางรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องยิ่งนัก
“ข้าจะประคบเย็นให้เจ้า คืนนี้นอนยกเท้าสูงหน่อยเลือดจะได้ไหลเวียนได้ดี ลดอาการบวมได้”
“อืม ขะ...ขอบคุณนะ”
ถานเทียนสวี่เงยหน้ามอง ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ “พักหลังมานี้เจ้าเป็นอะไร ทำไมทำตัวแปลกพิลึก”
“อย่างไร?”
“เจ้าดูแลงานในบ้าน ดูแลเฉ่าเหมย วันนี้ยังปีนต้นไม้เพื่อช่วยลูกนกอีก แล้ว...ยังพูดขอบคุณข้า”
“เจ้าดีกับข้า ข้าขอบคุณเจ้าผิดตรงไหน”
แววตาบุรุษเปลี่ยนเป็นความสับสนทีละน้อย “เจ้าวางแผนอะไร บอกข้ามาตามตรง”
หวงสือหลิวถอนหายใจ นางทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วจ้องกลับดวงตาคมนั่น “นี่ผ่านมาหลายเดือนแล้ว เจ้ายังไม่เชื่อใจข้าอีกหรือไง”
“เจ้ากำลังปั่นหัวข้า”
ดูท่าบุรุษผู้นี้คงติดโรคหวาดระแวงจนแก้ไม่หายแล้วกระมัง หวงสือหลิวเหนื่อยจะคุยต่อแล้วจึงบอกว่าตนง่วงอยากพักผ่อน
ถานเทียนสวี่จึงจะพยุงหวงสือหลิวเข้าห้องนอน เขาพยายามจะเว้นระยะห่าง เพียงแตะไหล่นางเบาๆ แต่หวงสือหลิวกลับเอื้อมมือมาจับแขนของเขาไว้แน่น ขยับขาทีก็ทำหน้าเหยเกเหมือนเจ็บปวดอย่างมาก
เห็นแล้วก็รู้สึกทนไม่ได้ ถานเทียนสวี่จึงช้อนตัวหวงสือหลิวขึ้นอุ้ม ดวงตาทั้งสองมองสบกันเนิ่นนาน ก่อนถานเทียนสวี่จะค่อยๆ ขยับขาตัวเอง
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ใกล้ชิดกันเช่นนี้ กลิ่นหอมอ่อนๆ บั้นท้ายนุ่มนิ่ม และใบหน้างามที่แฝงความเขินอายนี้ราวปลุกความรู้สึกบางอย่างของบุรุษให้ตื่นขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
ถานเทียนสวี่วางร่างบางลงบนเตียง ข้างๆ กับเฉ่าเหมยที่นอนหลับและกอดตุ๊กตาตัวโปรดอยู่ ชายหนุ่มนำหมอนใบเล็กมาวางหนุนเท้าของหวงสือหลิวให้สูงขึ้นเล็กน้อย ตามด้วยประคบผ้าที่เปียกน้ำหมาดๆ
“ระวังอย่าให้ลูกดิ้นมาโดนเล่า”
หวงสือหลิวยิ้มพยักหน้า นางลอบมองบุรุษที่กระทำทุกอย่างเพื่อนางแล้วก็ตื้นตันใจนัก จังหวะที่ถานเทียนสวี่กำลังยันตัวลุกขึ้นนางก็รีบรั้งใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้และหอมแก้มของเขา
“เมื่อไรเจ้าจะกลับมานอนกับข้า”
ถานเทียนสวี่ตื่นตะลึงด้วยความตกใจ เขาไม่ตอบแต่รีบวิ่งกระโจนออกมาจากห้องทันที หัวใจเต้นรัวชุดใหญ่ราวกับมีคนกำลังตีกลองอยู่ภายในก็มิปาน เขาเดินกลับที่ห้องหนังสือ นั่งลงบนเก้าอี้ พยายามปรับลมหายใจของตนให้เป็นปกติ
อะไร... นางทำอะไร เมื่อครู่นางหอมแก้มข้าหรือ นาง...นางหอมข้าจริงหรือ!?
แค่หวงสือหลิวยอมให้เขาแตะเนื้อต้องตัว ถานเทียนสวี่ก็ดีใจแทบคลั่งแล้ว เมื่อครู่ยังถูกนางขโมยหอมแก้ม หากเขายังทำตัวปกติได้ก็แปลกเต็มที
บุรุษถอนหายใจยาว เหลือบมองมาทางตำราที่อ่านค้างไว้เมื่อคืนแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง
เห็นทีต้องจัดการกับเจ้าสิ่งที่ตื่นตัวอยู่เบื้องล่างเสียก่อน