เอี๊ยดดดด เสียงยางรถหรูบดบล็อกปูพื้นเสียงดังจากด้านหน้าประตูเป็นเหตุให้คนในบ้านที่กำลังกินมื้อเย็นให้ความสนใจในทันที
“นั่นใช่เสียงรถคุณพ่อหรือเปล่า” คุณแขไขเอ่ยกับหััสวีร์ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอและคุณหาญรัช
แต่คำถามของเธอไม่ทันที่ผู้เป็นลูกจะได้ตอบ คำตอบก็เดินเข้ามาในห้องอาหาร ใบหน้าของผู้มาเยือนบ่งบอกชัดเจนไม่ปิดบังอำพรางอารมณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้แม้สักนิด
“ไอ้ลูกเลว!” คำทักทายแรกที่ผู้เป็นพ่อเอ่ยกับลูกชายเพียงคนเดียว คนเป็นแม่ที่รักลูกชายยิ่งถึงกับเปลี่ยนสีหน้าไปทันที
“คุณหาญรัช! ทำไมคุณถึงพูดกับตาหัสแบบนั้น” สัญชาติญาณการปกป้องในตัวผู้เป็นแม่แผ่ขยายเป็นวงกว้างในทันที
“วันนี้ผมจะไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น ผมจะเอาเลือดหัวโง่ๆ ของมันออกมาด้วย”
โอ้ย! “นี่คุณจะทำอะไร!” แขไขเข้าขวางระหว่างพ่อลูกไว้ในทันที สองมือของเธอพลักหาญรัชให้ออกห่างไปอย่างสุดแรง หาญรัชที่ไม่ทันตั้งตัวจึงเซถลาถอยหลังไปชนเก้าอี้ โครม! ดีที่สิ่งที่ล้มไปคือเก้าอี้ไม่ใช่ร่างสูงใหญ่ของเขา
แขไขยังยืนมั่นขวางร่างสูงเพรียวของบุตรชายวัยสิบหกกับบิดาของบุตรชายที่กำยำสูงใหญ่กว่าเธอและลูกชายมากนัก หากมีการลงไม้ลงมือกันจริง ทั้งเธอและบุตรชายคงไม่อาจต้านทานผู้ที่เป็นบิดาได้
“ปกป้องมัน...ดี! ถ้างั้นเธอก็ดูนี้!!” หาญรัชโยนซองเอกสารที่ถือมาโยนใส่หน้าแขไขไร้ความปราณีอย่างสิ้นเชิง แขไขก้มลงหยิบมันขึ้นมาและเมื่อเธอเห็นเอกสารดวงตาเธอก็เบิกกว้าง และหันกลับไปมองลูกชายสุดรักสุดหวงแหน
“หัส นี่ลูก...ลูกทำอะไรลงไป” แขไขกล่าวออกไปอย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ตนเห็นอยู่ในตอนนี้ “ไม่...ไม่เป็นไร” หัสวีร์ยังไม่ทันได้เอ่ยคำตอบแขไขก็เอ่ยตัดบทเขา และเธอก็หันกลับไปหาสามีทันที
“เราแจ้งทางโรงเรียนขอให้ลูกกลับไปเรียนเหมือนเดิมได้ใช่มั้ย ไม่สิ! มันต้องได้ ผู้อำนวยการโรงเรียนกับคุณเป็นเพื่อนกันนิค่ะ...”
“ผมไม่กลับไปครับ” หัสวีร์แสดงจุดยืนของตนด้วยความนิ่งสงบ จะว่าไป ณ สถาณการณ์ตอนนี้คนที่สงบที่สุดก็คงมีเพียงหัสวีร์ผู้เป็นสาเหตุของความวุ่นวายในวันนี้
“แกกล้า!” หาญรัชชี้หน้าปรามาสข่มลูกชาย
“ผมเป็นคน ผมมีสิทธิ์เลือกเส้นทางชีวิตของผมเอง”
“เลือก! แกตาบอดหรือไงถึงมองไม่เห็นว่าฉันพ่อแกทำมาหากินอะไรเลี้ยงดูจนแกเติบโตขึ้นมาปีกกล้าขาแข็งอวดดีกับฉันอยู่ตลอดเวลา”