“พ่อครับก้าวแรกของผมได้เริ่มต้นแล้ว” ชายหนุ่มผิวขาวร่างสูงโปร่งยืนเท้าชิดแขนทั้งสองเหยียดตรงแนบชิดลำตัว ยืดอกที่ตอนนี้ยังบอบบางตามวัยเพียงสิบหกปี แต่อีกไม่นานร่างกายนี้จะถูกเปลี่ยนไปจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ดวงตาคมกล้าแน่วแน่จดจ้องไปยังภาพถ่ายในชุดเครื่องแบบที่แถบด้านล่างมีข้อความกำกับไว้ว่าพันตำรวจโทธณัฎฐ์ ทรัพย์โภคิน
แม้ตอนนี้คนในภาพจะเหลือไว้เพียงความทรงจำและเกียรติยศที่น่าภาคภูมิใจแล้วเท่านั้นก็ตามที แต่ธาราไม่เคยเลยสักครั้งที่จะลืมเลือนสิ่งต่างๆ ที่ชายในภาพปฎิบัติกับเขาเพราะท่านคือพ่อแท้ๆของเขานั่นเอง พ่อที่เสียสละชีวิตในหน้าที่ พ่อที่ยึดมั่นต่อคำปฎิญาณ
“พี่ชาย...” เสียงเล็กๆ ที่ดังขึ้นทำให้ธาราผ่อนพักร่างกายและย่อเข่าเพื่อที่จะคุยกับน้องสาววัยเก้าขวบ
“ลำธารถืออะไรมานะ” ธารามองสิ่งที่อยู่ในมือน้องสาว มันคือการ์ดทำมือเด็กน้อยยื่นส่งให้เขาพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“ให้พี่ชายค่ะ แม่สอนน้องทำค่ะ” ธารารับการ์ดมาและเปิดออก ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาทันที เป็นการ์ดที่ด้านในมีข้อความเขียนด้วยมือว่า ‘ยินดีด้วยค่ะพี่ธารา’ ด้วยลายมือของเด็กวัยเก้าขวบและด้านในยังตกแต่งด้วยกลีบดอกไม้แห้ง ที่ถูกตัดแต่งเป็นดาวแปดแฉก
“•สังคหวัตถุ ๔ •มรรค ๘ •อิทธิบาท ๔ •พรหมวิหาร ๔ •โลกธรรม ๘ •ทิศ ๖ •อริยสัจ ๔ •ความกตัญญู” และสองเสียงก็ท่องความหมายของดาวแปดแฉกที่ผู้เป็นพ่อมักเอ่ยให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลายามที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างขึ้นใจ
“น้องพี่เก่งที่สุด”
“พี่ชายเก่งที่สุด”
“กับข้าวเสร็จแล้วจ่ะ” นางทับทิม ทรัพย์โภคิน ร้องบอกลูกๆ ทั้งสองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“น้องช่วยแม่ทำของโปรดให้พี่ชายด้วยนะคะ” ลำธารโน้มไปกระซิบข้างใบหูพี่ชาย อ้า! และเสียงเล็กๆ ก็ต้องร้องลั่นบ้านเมื่อพี่ชายที่ตัวสูงกว่าอุ้มเธอขึ้น และสองพี่น้องก็หยอกล้อกันตามประสาเสียงหัวเราะบ่งบอกถึงความสุขความอบอุ่นของครอบครัวที่แม้จะไม่สมบูรณ์ก็ตามที
“ดึกแล้วทำไมแม่ยังไม่นอน” ธาราเอ่ยกับมารดาที่ผลักประตูเข้ามา
ทับทิมยิ้มและนั่งลงที่ปลายเตียงมองบุตรชายที่กำลังเก็บของ ใจหนึ่งก็ภูมิใจแต่ใจหนึ่งก็ห่วงเศร้าที่ต้องห่างกัน ธาราเมื่อรู้สึกว่าแม่เงียบไปเขาจึงขยับมานั่งพับเพียบที่พื้นใกล้ขาแม่และวางศีรษะบนตักแม่ ทับทิมค่อยๆ ลูบศีรษะเกรียนของลูกชายดวงตาพร่าเลือน
“ผมจะพยายามกลับหาแม่ทุกวันหยุดนะครับ” ทับทิมสูดลมหายใจเข้า
“อย่าให้ตัวเองต้องลำบากกายลำบากใจ ลูกไม่ต้องห่วงแม่กับน้อง แค่ดูแลตัวเองให้ดีแม่ก็มีความสุขแล้ว”