บทที่ 5 ตอนที่ 2

1145 Words
ช่วงสาย... ป้าแมวก็ขึ้นมาตามเธอลงไปด้านล่าง หญิงสาวตื่นตาไม่น้อยเมื่อประตูวิลล่าเปิดกว้าง ให้เธอได้มองเห็นโลกภายนอกเป็นครั้งแรก ทำให้ยืนตะลึงอยู่อย่างนั้น ก่อนที่รถคันหรูยี่ห้อออดี้สีดำสนิทจะมาเทียบจอด บอดีการ์ดคนหนึ่งเปิดประตูด้านหลังเบาะคนขับแล้วผายมือเชื้อเชิญ หญิงสาวจึงได้รู้สึกตัว แล้วรีบเดินไปใกล้รถ “คุณ...” “ไง...” ด้วยความตื่นเต้นและหวั่นใจเมื่อได้ออกไปข้างนอก ทำให้เธอไม่ทันสังเกตว่าการันต์นั่งอยู่ด้านในสุดอีกฝั่งของประตู ใบหน้าเศร้าที่เพิ่งจะได้ผ่อนคลายพลันหุบฉับในทันควัน การคุกคามอันป่าเถื่อนในทุกๆ ค่ำคืนมันคอยหลอกหลอน เห็นเขาทีไรก็ทำให้เธอต้องนึกถึงแต่เรื่องเลวร้ายไม่มีสิ้นสุดทุกที                                                                              “เร็วสิ... หรือว่าติดใจบนห้องจนไม่อยากออกไปไหน” “...” กัดริมฝีปาก ข่มอารมณ์เคืองขุ่นในใจ แล้วเข้าไปนั่งข้างๆ เขา เมื่อบอดีการ์ดปิดประตูให้ รถก็ออกตัวทันที แอร์เย็นๆ ด้านในไม่ได้ช่วยให้ความอึดอัดผ่อนคลายลงเลย ตลอดทาง การันต์ไม่ได้พูดคุยอะไรอีก และเธอก็ยินดีที่เป็นเช่นนั้น แม้จะมีคำถามเกี่ยวกับการถูกพาตัวออกจากกรงทองครั้งนี้มากมายแค่ไหนก็ตาม เพราะแต่ละคำจากปากเขาไม่เคยจรรโลงจิตใจ มีแต่บั่นทอนให้รู้สึกให้ย่ำแย่ลงทุกที และเมื่อมาถึงจุดหมาย... เธอจึงได้รู้จุดประสงค์ของเขา ชายหนุ่มพาเธอมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล โดยมีหมอเชนคอยประสานงาน จัดการทุกอย่าง “ฉันอยากกลับบ้าน... คุณลุงกับคุณป้าคงเป็นห่วงแย่แล้ว” เธอเอ่ยขึ้นขณะนั่งอยู่ในห้องรับรองวีไอพี เพื่อรอเวลาเข้าห้องตรวจอย่างละเอียด สองมือกำแน่นเข้าหากันด้วยความตื่นเต้น บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าต้องการ หรือไม่ต้องการให้การันต์สมดั่งใจกันแน่ ในช่วงวินาทีหัวเลี้ยวหัวต่อ เธอรู้สึกอึดอัด หายใจไม่สะดวกเอาเสียเลย “เธอมีบ้านด้วยเหรอ เท่าที่รู้ก็แค่อาศัยเขาอยู่” เขายิ้มมุมปาก สายตาคมปลาบจ้องเขม็งจนหญิงสาวต้องหลบมองไปทางอื่น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่อยากเอ่ยปากสนทนาด้วย เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรออกไป สิ่งที่ตอบกลับมาคือการทิ่มแทงให้เจ็บช้ำน้ำใจอยู่เสมอ หากเลือกได้... ใครจะอยากมีชีวิตให้คนอื่นดูแคลน และตอนนี้เธอคงต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากนรกขุมนี้เสียที วาปีรู้สึกเย็นวาบไปทั้งกาย เหงื่อไหลซึมและวิงเวียนเหมือนห้องกำลังหมุนวนรอบๆ ตัว... “เฮ้ย!! วาปี...” การันต์ลุกจากเก้าอี้แล้วปรี่เข้ามาประคองเธอ ที่ฟุบลงไปกองบนพื้น ขึ้นมาพิงกับหน้าขาของเขา มือใหญ่ตบที่หน้าเบาๆ เพื่อเรียกสติ เธอได้แต่ครางฮือรับรู้ แต่ลืมตาไม่ขึ้น “ทำไมหน้าซีดขนาดนี้... เชน! ไปเรียกเชนมาดูเร็วเข้า” เขาสั่งลูกน้องที่อยู่ด้วยกันในห้องสองสามคนรีบตรงมายังที่เกิดเหตุ “บอกให้ไปตามเชนมา!” เขาอุ้มร่างเล็กไว้กับตัว แล้วรีบพากลับขึ้นไปนอนบนโซฟา แล้วพยาบาลสาวสองคนพร้อมเตียงฉุกเฉินก็วิ่งเข้ามาพาตัวเธอออกไป ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายเล็กน้อย เป็นเรื่องที่การันต์นึกไม่ถึง เขายืนมองจนกลุ่มเจ้าหน้าที่พาเธอลับตาไปแล้วจึงตั้งสติได้ “โทรบอกสิงหาให้ยกเลิกนัดช่วงเย็นด้วยนะ เลื่อนไปไม่มีกำหนด...” “ครับ!” “เธอเป็นลม... เรื่องตรวจครรภ์คงต้องรอไปก่อนจนกว่าจะหายดี” หมอเชนซึ่งอยู่ในชุดสูทสุภาพ นั่งบนโซฟาตรงกันข้ามเอ่ย เขาไม่ได้เป็นแพทย์ของโรงพยาบาลแห่งนี้ แต่มีเพื่อนเป็นผู้บริหารระดับสูง ดังนั้นจึงสามารถประสานงานให้ได้ทุกอย่าง แม้แต่การันต์เอง หากเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะใช้บริการของที่นี่ในการรักษาตัวเช่นกัน “งั้นก็พากลับบ้าน... แล้วค่อยมาใหม่” การันต์เอนตัว กางหนังสือเกี่ยวกับการบริหารฉบับภาษาอังกฤษอ่านอย่างไม่ยี่หระต่อคำบอกกล่าวของหมอเชน “ผมอยากให้เธอนอนพักที่โรงพยาบาลสักคืนสองคืน จะได้แข็งแรงเร็วขึ้น” “อาการแย่ขนาดนั้นเชียว” “ลองถูกขังอยู่แต่ในบ้าน โดนข่มขืนเกือบทุกคืนดูบ้างสิครับ จะได้เข้าใจเธอ” “เชน!” หนังสือเล่มใหญ่ถูกวางโครมลงบนโต๊ะทันที ชายหนุ่มจ้องรุ่นน้องเขม็งอย่างไม่สบอารมณ์ “แค่พูดคุณยังไม่ชอบ คิดดูก็แล้วกันว่าคนถูกกระทำจะชอบไหม ร่างกายเธอตอนนี้อ่อนแอมาก ดูภายนอกก็รู้แล้วว่าผอมลงมาก หากเทียบกับตอนที่ถูกพาตัวมาใหม่ๆ ให้เธอพักฟื้นที่นี่ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อีกอย่างก็มีหมอมีพยาบาลดูแล ผมอยากให้จิตแพทย์เข้ามาคุยกับเธอด้วย ช่วงนี้คุณเองก็งานยุ่งนี่ครับ ต้องดีลงานกับลูกค้าใหม่ๆ หลายบริษัท ให้เธออยู่ที่นี่ผมว่าดีที่สุดแล้ว” หมอเชนร่ายยาว “พูดมาขนาดนี้ ถ้าฉันไม่ตอบตกลง นายก็คงว่าฉันทำเลวกับผู้หญิงอีกสินะ... แต่ฉันจะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน เพราะสำหรับแม่นั่นกับพี่ชาย ยิ่งเลวเท่าไหร่ยิ่งดี...” สีหน้าบึ้งตึงในตอนแรกเปลี่ยนเป็นยิ้มระรื่น เหมือนคำต่อว่าของหมอเชนคือการการันตีความสำเร็จ “งั้นนายช่วยดูแลให้ด้วย อย่าลืมเรื่องตรวจครรภ์ ถ้าพร้อมก็รีบจัดการซะ ฉันอยากรู้เต็มทีแล้ว ว่าเธอ... ท้องลูกของฉันหรือยัง” “ครับ...” หมอเชนลอบถอนหายใจขณะเอ่ยรับคำ บางครั้งจรรยาบรรณกับหน้าที่มันก็ยากที่จะแยกแยะ “ต้นเดือนหน้าเราจะกลับไทย... ฉันมีประชุมใหญ่กับหุ้นส่วนทุกสาขา” “แล้วเด็กวาปีล่ะครับ” “ไม่รู้... ยังไม่ได้คิด” “แล้วพี่ชายของเธอล่ะ คุณจะไม่ให้เธอได้ไปพบสักหน่อยเหรอ” “ทำไมฉันต้องอภินันทนาการขนาดนั้นด้วยวะ... หือ ทุกวันนี้ฉันก็เลี้ยงดูอย่างดี อยู่วิลล่าหรูหรา มีคนรับใช้ มีข้าวให้กิน ส่วนไอ้โพธิ์ทองก็ปล่อยให้กฎหมายจัดการตามสัญญา ไม่จับไปถ่วงน้ำทั้งพี่ทั้งน้องก็ถือว่าใจดีมากแล้วไม่ใช่เหรอ เมียฉัน... ลูกฉันตายเพราะมันนะเว้ย!” เขายิ้มกึ่งหัวเราะ แต่แววตาวาวโรจน์อย่างไม่อาจปกปิดความรู้สึก เชนมองหน้าผู้เป็นทั้งรุ่นพี่และเจ้านาย ก่อนจะเบี่ยงเบนสายตามองพื้นอย่างจนคำพูด ความสูญเสีย... มันจะชดเชยด้วยความสูญเสียของอีกฝ่ายได้จริงๆ เหรอ... 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD