บทที่ 4 ตอนที่ 3

1066 Words
วาปียังคงร้องไห้กระซิก พลางยันกายลุกนั่ง มองเขาไม่คลาดสายตา “แล้วพรุ่งนี้ฉันจะให้ลูกน้องส่งตัวให้ตำรวจ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะผิดคำพูด เพราะถ้าอยู่ในมือกฎหมายแล้ว ฉันก็คงไปลากตัวออกมาไม่ได้อีก เธอเองก็ใช่ว่าจะท้องวันนี้พรุ่งนี้เสียเมื่อไหร่ มีเวลาพิสูจน์คำพูดของฉันอีกนาน...” เขาว่าขณะหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายไปยังลูกน้องที่คุมตัวโพธิ์ทอง แล้วเดินกลับไปหาวาปี ส่งเครื่องมือสื่อสารอันทันสมัยให้เธอ มือเล็กสั่นงันงก รับไว้อย่างรวดเร็ว หน้าจอโชว์หราให้เห็นว่าปลายสายกดรับแล้ว “พี่โพธิ์... เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ” ไม่รีรอที่จะถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “วาว... เกิดอะไรขึ้น น้องอยู่ที่ไหน!” “วาวไม่เป็นไร สบายดี...” เธอฝืนตอบ “พี่ก็... สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงพี่นะวาว พี่ไม่เป็นไร” อีกฝ่ายตอบ ยิ่งทำให้ผู้เป็นน้องสาวน้ำตาไหลพรากด้วยความสงสาร แต่ก็พยายามเก็บกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้พี่ชายได้ยิน ด้วยไม่อยากให้เขาเป็นห่วง “ค่ะ... อุ๊ย!” ยังไม่ทันได้คุยต่อ การันต์ก็แย่งมือถือไปแล้วกดตัดสาย โดยมีเธอมองตาค้าง ผิดหวังที่ยังไม่ทันได้พูดคุยรายละเอียดใดๆ กับโพธิ์ทองเลย “มันยังไม่ตาย... แน่ใจได้แล้วนี่” “ได้... ฉันตกลงมีลูกให้คุณ แต่พรุ่งนี้ฉันต้องรู้ความเคลื่อนไหวของพี่โพธิ์จนกว่าเขาจะถึงมือตำรวจ” “ฉันจำเป็นต้องตามใจเธอขนาดนั้นเลยเหรอ” เขามองเธอ แล้วค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามา หญิงสาวขยับตัวหนีโดยอัตโนมัติ เมื่อสัมผัสได้ถึงสัญญาณอันตราย สองมือกำแน่น “ถ้าพี่โพธิ์ไม่ได้อยู่กับตำรวจ... หรือเป็นอะไรไป ฉันฆ่าตัวตายแน่ คุณก็จะไม่ได้ลูกอย่างที่คุณต้องการ” “วาปี... ผู้หญิงเป็นร้อยที่อยากมีลูกให้ฉันโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขใดๆ ถ้าเธออยากตายก็ตายไปเลย แต่ฉันไม่รับรองหรอกนะว่าไอ้โพธิ์มันจะอยู่รอดปลอดภัยจนคดีสิ้นสุด” เขากล่าวอย่างไม่ยี่หระ ด้วยความที่ถือไพ่เหนือกว่าเธอ “แล้วคุณมายื่นข้อเสนอกับฉันทำไม!” “เพราะเธอเป็นน้องของไอ้คนที่มันทำให้ลูกเมียฉันตาย... เธอกับมันต้องชดใช้คืน ก็ถูกต้องแล้วนี่ ฉันถึงเจาะจงว่าต้องเป็นเธอ แต่ถ้าเธอเรื่องมาก สร้างเงื่อนไขโน่นนี่จนวุ่นวาย ฉันก็ไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรอีก ในเมื่อชีวิตเธอกับไอ้โพธิ์ทองไม่ได้มีค่าถึงขั้นที่ฉันจะต้องยอมทำขนาดนั้น!” “ฉันไม่ได้เรื่องมาก ฉัน...” “อย่าบังอาจเอาชีวิตเน่าๆ ของเธอมาต่อรอง ฉันคนเดียวเท่านั้นที่กำหนดได้” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด เขาแสยะยิ้ม แววตาดุดันเต็มไปด้วยประกายแห่งความอาฆาต แล้วก็หันหลัง กระทืบเท้าเดินห่างออกไป วาปีรีบลุกตามด้วยความว่องไว ชีวิตของโพธิ์ทอง... อยู่ในกำมือของเขา “เดี๋ยวคุณกันต์!” เธอดึงชายเสื้อของเขาไว้ ชายหนุ่มก็หยุดเดิน “ฉันขอร้อง ไว้ชีวิตพี่โพธิ์ด้วย แล้วฉันจะทำตามทุกอย่างที่คุณต้องการ เสียงสั่นเครือกล่าว ก้มหน้ามองต่ำ ซ่อนน้ำตาและความเจ็บช้ำที่เกินจะทนฝืน แต่ก็จำต้องทน... “ก็แค่นี้” เขาหันกลับมาอย่างไม่รีบร้อน มองเธอ จับปลายคางมนดันให้ใบหน้าเศร้าเงยขึ้นมา แล้วใช้นิ้วมือปาดไล้น้ำตาให้กลืนไปกับผิวผ่อง เลื่อนมาลูบโลมกลีบปากสั่นระริกนั้น... “ว้าย!” ร่างเล็กถูกเขายกอุ้มโดยไม่ได้ตั้งตัว ตกใจจนตัวแข็งทื่อเมื่อได้สัมผัสกับร่างใหญ่ รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของแผงอกกว้าง และวงแขนที่รั้งร่างของเธอไว้แนบชิด หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำด้วยความกังวลต่างๆ นานาที่ประเดประดังรุมเร้า                                                                                    แต่ในที่สุดแล้ว... เธอก็ไม่ได้มีสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตตัวเองอีกต่อไป ต่อให้เครียด ให้คิดมากเท่าไหร่ สุดท้ายผลลัพธ์ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอยู่ดี                                                                เขาวางเธอลงบนโซฟาตัวเดิม วาปีหลับตาแน่น กลั้นหายใจรองรับในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเขาเดินห่างออกไป แล้วเปิดประตู เธอจึงลืมตา “ฉันไม่ได้อยากพิศวาสกับเธอทุกที่ทุกเวลาหรอกนะ ทำตัวซังกะตายขนาดนั้นใครจะไปเอาลง!” แล้วร่างใหญ่ก็เดินออกไปพร้อมกับผลักประตูปิดเต็มแรง จนเกิดเสียงดังโครมใหญ่ เหมือนจะหักพังเสียให้รู้แล้วรู้รอด ร่างเล็กผุดนั่งหายใจแรงด้วยความโล่งอก อย่างน้อยๆ คืนนี้เธอก็รอด... แต่ก็หวังว่าเขาจะไม่สั่งให้ลูกน้องซ้อมโพธิ์ทองอีก เธอเป็นห่วงเหลือเกินว่าชีวิตของพี่ชายจะอยู่ถึงวันพรุ่งนี้ไหม ได้พบกับตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายหรือเปล่า คืนนั้นทั้งคืนหญิงสาวจึงไม่อาจข่มตาหลับลงได้ เธอเฝ้ารอข่าวคราวในอีกวันถัดมาทั้งวันด้วยความกังวล แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีความคืบหน้าใดๆ พยายามถามลูกน้องของการันต์ก็เหมือนเดิม คนพวกนั้นเหมือนพระอิฐพระปูน ไม่ตอบสนองต่อการสื่อสารในทุกๆ ทาง จากที่เคยเห็นการันต์เป็นคนสุดท้ายในโลกที่อยากเจอ ตอนนี้เธอกลับอยู่ไม่ติดที่ รุ่มร้อนเพราะต้องการพบกับเขาให้เร็วที่สุด “คุณกันต์จะมาคืนนี้...” ลูกน้องคนหนึ่งของเขาเดินมาบอกขณะที่เธอนั่งรออยู่หน้าบ้าน อาจเป็นคำสั่งหรืออะไรก็ช่าง แต่ก็พอทำให้อุ่นใจได้ว่า ในการรอคอยนั้น... ก็ยังมีความหวังหลงเหลืออยู่บ้าง “คุณรู้ไหม พี่ชายฉันเป็นยังไงบ้าง...” ชายชุดสูทสีดำที่เดินมาบอกเธอ หันหลังเดินกลับไปทันทีเมื่อพูดจบ เธอจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้หวายตัวใหญ่ แล้ววิ่งไปขวางหน้าไว้ แต่คำตอบคือการมองด้วยสายตาเย็นชา แล้วเดินผ่านเธอไปราวกับไม่มีตัวตน หญิงสาวเดินคอตกกลับไปนั่งตรงที่เดิม ใจของเธอ... แค่อยากให้โพธิ์ทองปลอดภัยจากมือมัจจุราช ก็พอแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD