“ค่ะ”
เธอรับคำใจฝ่อ เขาเป็นคนหน้าตาดี เธอเห็นสาวๆ ยิ้มให้ก็รู้สึกหวงเขาเหมือนกันนะ
“หึงได้หวงได้ แต่ต้องมีเหตุผล ถ้าผู้หญิงมาเกาะแกะพี่แต่ไม่หึงไม่หวง อันนั้นแปลก แต่ไม่ใช่หึงแม้กระทั่งเพื่อนที่ไม่มีอะไรกัน”
เขาก้มลงมากระซิบบอก เธอซบอกเขา นอนฟังเขานิ่ง แสดงว่าเธอก็หึงหวงเขาได้น่ะสิ แต่ให้มีเหตุผลและมีขอบเขต เธอไม่เคยมีแฟน เป็นแค่ผู้หญิงเชยๆ ราเชนนั้นเป็นหนุ่มสังคมที่มีเพื่อนมาก ร่ำรวย เธอกำลังคิดว่าจะเข้ากับเขาได้ไหมหากเป็นแฟนกันจริงจัง
ตั้งแต่เสียตัวให้ราเชนในครั้งนั้น ช่อแก้วไม่กล้าแม้แต่จะโทรหาเขา เธอบอกตัวเองว่าจะไม่โทรไปหา กลัวจะโดนหาว่าจิก แต่ใจรุ่มร้อนอยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง อยากคุย
ช่อแก้วพิมพ์ไลน์แล้วก็ลบ แล้วก็พิมพ์ แล้วก็ลบ ลบๆ พิมพ์ๆ อยู่แบบนั้นไม่กล้ากดส่ง
เธออยากกรีดร้องให้กับความอึดอัดที่เป็นอยู่ จะมีใครเข้าใจเธอบ้างไหมว่าอยากส่งข้อความหาเขาแทบขาดใจ แต่กลัวเขารำคาญ
“เป็นอะไรยัยช่อ นั่งพิมพ์ๆ ลบๆ”
พิไลพรรณคว้าโทรศัพท์ไปอ่านข้อความที่เพื่อนสาวพิมพ์ค้างเอาไว้ แต่ยังไม่ได้ส่ง
“เอามานี่เลยนะไล”
“พิมพ์ว่าอะไรนะ ดูหน่อยสิ อ้อ... คิดถึงจังค่ะ ทำอะไรอยู่คะ”
“พิมพ์ๆ ลบๆ ตั้งนาน แค่นี้เองเหรอ ต้องเพิ่มเติมประโยคให้สมบูรณ์กว่านี้”
พิไลพรรณกดส่งข้อความของเพื่อนไปแล้ว ก่อนจะพิมพ์ต่อไปอีก เธอวิ่งหนีไปพิมพ์ไป โดนยื้อแย่งโทรศัพท์ก็เรียกให้เพื่อนคนอื่นมาจับตัวช่อแก้วเอาไว้
“พิมพ์ว่าอะไรดีนะ อันนี้ดีกว่า อยากเห็นหน้ามากๆ เลยค่ะ เย็นนี้ไปกินข้าวกันนะคะ”
“ยัยเพื่อนบ้า ไปพิมพ์แบบนั้นได้ยังไงกัน”
ช่อแก้วหน้าแดง แย่งโทรศัพท์ไปถือเอาไว้ เห็นข้อความที่เพื่อนส่งแล้วอีกฝ่ายก็อ่านแล้วแต่ไม่ตอบเธอก็แทบลมจับ
“ทำไมจะส่งไม่ได้”
พิไลพรรณพยักหน้าให้เพื่อนคนอื่นอย่างขอบคุณเพื่อให้อีกฝ่ายปล่อย ก่อนจะเดินกลับไปนั่งใกล้เพื่อนที่ไปทรุดนั่งที่ม้าหินอ่อนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“คืนนั้นอย่านึกว่าไม่รู้นะว่าหายไปไหน ตอนเช้าพี่เชนมาส่ง”
“ก็...” คนถูกจับได้ทำท่าเขิน
“ที่ฉันไม่พูดเพราะเห็นว่าโตแล้ว เธอก็บอกเองว่าตกลงเป็นแฟนกับพี่เชนแล้ว ส่งข้อความไปหาแค่นี้ต้องคิดหนักเชียวเหรอ คนจะเป็นแฟนกันต้องคุยกันได้ทุกเรื่องสิ คิดถึงก็บอกว่าคิดถึง ถ้าบอกว่าคิดถึงแล้วไม่ชอบ ก็ไม่ต้องเป็นแฟนกันแล้ว”
“แต่ฉันกลัวพี่เชนรำคาญ หาว่าตามจิก”
“ก็เลยไม่โทรหาพี่ ไม่ส่งข้อความมาหาเลย”
เสียงของคนที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้เธอหันขวับไปมอง เธอมองเขาแล้วอ้าปากค้าง ตาโต หัวใจเต้นแรงแทบจะโลดออกมานอกอก ก่อนจะหน้าแดง เธอหันมามองหน้าของเพื่อนรักที่ทำท่าจะเก็บของหนี ก็พยายามหาพวก
“ไปก่อนนะคะพี่เชน ฝากจัดการยัยเพื่อนปากแข็งของไลด้วยค่ะ”
“ไล เดี๋ยวก่อนสิ”
ช่อแก้วเรียกเพื่อนเอาไว้ แต่อีกฝ่ายโบกมือหนีไปกับแฟนตัวเองเสียแล้ว
คนที่มานั่งตรงข้ามทำให้ช่อแก้วหน้าแดง หัวใจเต้นแรงจนเธอรู้สึกว่ามันกำลังจะเด้งออกมาจากอก
“หลบหน้าหลบตาพี่ทำไมครับ”
“ช่อเหรอคะ” เธอถามชี้มาที่ตัวเอง
“ครับ หลบหน้าพี่ทำไม”
“ไม่ได้หลบนะคะ แต่ช่อไม่อยากรบกวนพี่เชน”
เธอพูดอย่างเกรงใจ ราเชนขมวดคิ้วเข้าหากัน
“รบกวนอะไรครับ” เขาทำหน้างง
“เอ่อ... ก็พี่เชนไม่ชอบให้ถามให้จิกนี่คะว่าอยู่ไหนทำอะไร ช่อเลยไม่กล้าโทรไปหา”
“อ้อ...”
เขาครางในลำคอ มองสีหน้าไร้เดียงสาของเธออย่างเอ็นดู
“ถามได้ครับ ไม่ถามนี่สิแปลก พี่มาหาที่คณะก็ไม่เจอ”
“ช่อมีเรียนน่ะค่ะ และก็ต้องทำงานด้วย”
“ทำงานอะไรครับ” เขาเลิกคิ้วขึ้นถามอย่างสงสัย
“ช่อรับทำรายงานน่ะค่ะ หาเงินเรียน”
เธอตอบตามจริง ปิดเทอมแค่ช่วงสั้นๆ เธอก็ต้องทำงาน ไม่กล้าโทรหาเขาจนเปิดเทอม มันช่างทรมาน แต่เธอไม่อยากให้เขารำคาญ อีกอย่างก็จะลองใจเขาด้วยว่าเขาเองก็คิดถึงอยากโทรหาเธอไหม
“พี่ไม่ค่อยรู้เรื่องของช่อเลย มีอะไรเดือดร้อนเล่าให้พี่ฟังได้นะ” ช่อแก้วยิ้มให้เขาก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ช่อไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยค่ะ”
“ไม่เดือดร้อนแต่ต้องหาเงินเรียนเองเหรอ”
“ช่อไม่อยากรบกวนที่บ้านมากค่ะ พ่อกับแม่ก็ต้องส่งเสียน้องๆ เรียนอีก”
เธอเป็นแค่เด็กต่างจังหวัด ฐานะยากจน ได้มาเรียนมหาวิทยาลัยดีๆ ในเมืองใหญ่แบบนี้ก็ต้องดิ้นรน ทางบ้านก็ลำบากมากพอแล้ว เธอเลยต้องหางานทำ บางทีก็ช่วยอาจารย์พิมพ์งาน พิมพ์เอกสารตำรา หรือรับจ๊อบทำรายได้ สอนเลขเด็กๆ หลังเลิกเรียน
“เล่าเรื่องช่อให้ฟังบ้างสิ”
“ช่อเหรอคะ พี่เชนอยากรู้เรื่องอะไรคะ”
“เป็นคนจังหวัดอะไร หมายถึงเล่าเรื่องครอบครัวน่ะ”
ช่อแก้วเล่าให้เขาฟังไม่ปิดบัง เขาฟังแล้วนึกชื่นชมเธอ
“ไปกินข้าวกันครับ”
“กินข้าวเหรอคะ” เธอเอ่ยถามเขา หัวใจเต้นแรง
“ก็ช่อชวนพี่ไปกินข้าว”
“อ้อ... ค่ะ”
อยากบอกว่าเธอไม่ได้ชวนแต่พิไลพรรณต่างหาก แต่ก็ช่างเถอะ เธอคิดถึงเขาแทบแย่ ได้เจอหน้าก็อยากมีเวลาอยู่ด้วยกัน
เขาถือตำราเรียนให้เธอก่อนจะพาไปขึ้นรถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณหลังตึกเรียน
พอเธอขึ้นไปบนรถ เขาก็รวบเธอไปกอดและบดจูบอย่างดูดดื่ม เธอทุบอกเขาอย่างตกใจ ก่อนจะจิกมือกับคอเสื้อของเขาด้วยความรัญจวน
“ไปกินข้าวที่ห้องพี่นะ”
เสียงของเขาทำเธอสยิว แต่เธอก็พยักหน้าตอบรับเสียงสั่นๆ
ราเชนควบรถออกจากมหาวิทยาลัย เขาแวะซื้ออาหารหลายอย่างมาที่ห้อง ทุกครั้งที่ซื้อเขาก็จะถามเธอเสมอว่าชอบกินอะไร เอาไหม เรียกว่าเขาใจดีมาก
“ไม่เอาครับ”
เธออยากช่วยแชร์ค่าอาหารแต่เขาไม่ยอม ผลักเงินที่เธอจะออกเสียทุกครั้ง
“พี่เป็นผู้ชายให้พี่เลี้ยงครับ”
เขาพูดแบบนั้นแล้วก็ซื้อของกินมากมายไปที่ห้อง เธอเข้ามาในคอนโดของเขาเป็นครั้งที่สอง
“อุ๊ย!”
เขากอดมาจากทางด้านหลัง ก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่
“อาบน้ำก่อนไหม จะได้สบายตัว”
“ก็ดีค่ะ”
เธอรับคำแต่ก็หันรีหันขวาง ไม่รู้จะไปต่อยังไงดี
“อาบน้ำกันครับ”
ในระหว่างที่เธอกำลังมึนงง เขาก็ดึงเธอเข้าห้องน้ำ ก่อนจะช่วยปลดกระดุมเสื้อให้
“เดี๋ยวพี่ซักชุดนักศึกษาให้ครับ”
เสื้อผ้าของเขามี เธอก็ว่าจะขอเขา ยืมใส่ไปก่อน
“งั้นช่อคงต้องยืมเสื้อผ้าพี่ใส่ไปก่อนนะคะ”
“คิดว่าจะได้ใส่เหรอ”
เขาปลดกระดุมเสื้อของเธอจนหมดรังดุม เธอตะครุบมือของเขาเอาไว้ แต่ไม่ทัน ก่อนที่เสื้อนักศึกษาจะถูกแหวกออกจากกัน
ราเชนก้มลงไปซุกหน้าที่ทรวงอกอวบอิ่มของเธอ เขาสูดดมอย่างแสนคิดถึง เลื่อนมือไปปลดตะขอบราทางด้านหลัง
“อุ๊ย!”
ตะขอบราที่โดนแกะออกทำให้ทรวงอกอวบอิ่มที่โดนรัดรึงกระเด้งออกมา เขาตรงเข้าดูดเม้มยอดอกสีสดในทันที เธอครางเมื่อโดนกดไปที่ผนัง ทำท่าจะร้องประท้วง เขาก็บดจูบลงมาแนบชิด
มือของเขาเร็วมากจนเธอตามไม่ทัน เพราะเพียงเสี้ยววินาทีกระโปรงของเธอก็ถูกถอดออกไปกองอยู่กับปลายเท้าเรียบร้อยแล้ว
เขาสอดมือเข้ามาตรงหว่างขา ถูไถเบาๆ ผ่านเป้ากางเกงในสีหวาน ไม่นานน้ำหวานหยาดเยิ้มก็เปียกชุ่มกางเกงใน
เขาคุกเข่าลงก่อนจะรูดกางเกงในของเธอลงไปกองอยู่ที่ปลายเท้า เธอยกขาให้เขานำเสื้อผ้าทั้งหมดไปลงเครื่องซัก ในขณะที่หนีเข้าห้องน้ำหาผ้าเช็ดตัวมานุ่ง
“อุ๊ย! พี่เชน”
เธออุทานเมื่อเขากอดแนบมาทางด้านหลัง เขาดึงผ้าเช็ดตัวที่เธอเพิ่งนุ่งออกไปพ้นทาง กดเธอไปกับผนังห้องน้ำ
“หิวครับ”
เธอกะพริบตาปริบๆ พอได้สบตาก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
ไม่ใช่หิวข้าว หิวขนมแต่เขาหิวเธอ มือหนาเลื่อนมาถูไถกับเกสรดอกรัก ไม่นานเธอก็หยาดเยิ้มผลิตน้ำหวานออกมาต้อนรับเขา
ราเชนยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นพาดกับแขนแกร่ง ก่อนจะสอดแทรกแก่นกายเข้าไปหา ความคับแน่นที่ได้รับทำเอาเธอครางด้วยความเสียวซี๊ด