ชีค หัวใจทระนง
ภาค กำเนิดบุรุษทระนง
บทที่ ๑
เสียงแผดร้องดังจ้าของเด็กแรกเกิด กลบสรรพเสียงเซ็งแซ่ด้านนอกเสียจนสิ้น หยุดฝีเท้าเดินวนเวียนของผู้เฝ้ารอคอยทุกผู้คน เช่นเดียวกับฝีพระบาทของชีคอับดุลรอชีด พระพักตร์อิ่มเอิบของเจ้าผู้ครองรัฐหมดซึ่งความกังวล ปัดเป่าสายพระเนตรรอคอยห่วงใย กลายเป็นปลาบปลื้มกับเสียงทารกที่ดังแว่วมาจากห้องพยาบาลด้านใน ไม่นานบานประตูก็เปิดออกพร้อมพยาบาลในชุดขาวปกปิดทั้งร่าง ไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าและเส้นผม เผยไว้แค่ช่องดวงตาแคบ ที่ออกมากราบทูลพระองค์ที่ประทับคอยอยู่
“พระโอรส เพคะ”
“โอ พระเจ้าทรงโปรด ข่าวดี ข่าวดี ลูกพ่อช่างเป็นเสมือนผู้นำข่าวดีมามอบแก่ชาวชาร์มา กาเบรียน!” พระนามของพระโอรสที่กำเนิดมาใน ณ วินาทีนี้เปล่งออกมาจากพระโอษฐ์ใต้พระมัสสุสีเข้ม โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ผู้นำศาสนาเป็นผู้นำเสนอชื่อที่เป็นมงคลให้ ทรงเชื่อมั่นในพระโอรสที่ถือกำเนิดมาเป็นองค์แรกในราชวงศ์อัลโซกียาห์ แห่งชาร์มา ผู้ที่จะมาสืบทอดอำนาจเป็นเจ้าผู้ครองรัฐองค์ต่อไปเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ด้วยแม้พระองค์จะมีพระชายาและสนมมากมาย ทว่าพวกนางต่างให้กำเนิดธิดา ไม่มีนางใดให้กำเนิดพระโอรสให้พระองค์แม้แต่คนเดียว เจ้าชายน้อยที่กำเนิดจากพระมเหสีเอกจึงเป็นรัชทายาทที่พระองค์และประชาชนชาวชาร์มารอคอย
พยาบาลสาวในชุดคลุมทั้งตัว เชิญเสด็จพระโอรสที่เพิ่งถือกำเนิดออกมาให้พระบิดาทอดพระเนตรก่อนจะทำความสะอาด ทารกน้อยตัวแดงยังมีเมือกติดตามร่างเล็กที่ห่อด้วยผ้านุ่ม เสียงแผดร้องดังก้องไปทั่วตำหนักของมเหสีเอกผู้มีพระประสูติกาลพระโอรสให้เจ้าผู้ครองรัฐสำเร็จ เสียงเด็กน้อยนั้นแฝงความแกร่งกร้าวทรงอำนาจเอาไว้ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เช่นเหตุผลของพระเจ้าที่ส่งให้เด็กชายคนแรกในราชวงศ์อัลโซกียาห์แห่งชาร์มา ภายหลังชีคอับดุลรอชีดขึ้นครองราชย์ถือกำเนิด
เจ้าชายกาเบรียน อัลชาร์มา อัลโซกียาห์ เจริญพระชันษาท่ามกลางบรรดาพระประยูรญาติและเชื้อพระวงศ์ฝ่ายหญิง ทั้งพระเชษฐภคินีและพระขนิษฐภคินี หาได้มีพระขนิษฐภาดาและพระเชษฐภาดาไม่ ในจำนวนเจ้าหญิงและท่านหญิงตามยศศักดิ์ของพระมารดาทั้งหลาย มีเพียงเจ้าหญิงบิชาเราะห์เพียงพระองค์เดียวที่มีสายพระโลหิตจากพระมารดาเดียวกัน นอกเหนือจากนั้นเป็นพระธิดาและธิดาของชีคอับดุลรอชีดกับมเหสีและสนมอื่นๆ
ด้วยชาร์มา อันเป็นประเทศในตะวันออกกลาง มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายไร้ซึ่งความเจริญ การแต่งงานในหมู่พี่น้องร่วมสายโลหิตกระทำกันมาเป็นประเพณี และยังดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน เมื่อมกุฎราชกุมารกาเบรียนพระชนมายุได้สิบสี่ชันษา พระมารดาจึงดำริให้หมั้นหมายกับพระธิดาในพระองค์ อันเป็นพระขนิษฐภคินีร่วมสายโลหิตของมกุฎราชกุมารกาเบรียน เป็นการปูทางสู่ความยิ่งใหญ่ทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายในให้ลูกยาทั้งสองในอนาคต
“อุแหวะ! ไม่เอาหรอก ยังไงน้องก็ไม่แต่งกับพี่ชาย ดู ดู๊ ผอมเป็นไม้ซีก สูงเป็นเสาไฟ ไม่แมนสักนิด” พระสุรเสียงแหลมเล็กของเจ้าหญิงบิชาเราะห์วัยสิบชันษา ค่อนข้างดังยามออกอาการขัดพระทัยและไม่พอพระทัย เมื่อถูกบังคับให้เข้าพิธีหมั้นกับพระเชษฐาขององค์เอง
“นี่ยัยหัวแดง พี่ก็ไม่อยากได้เธอมาเป็นนางในดวงใจหรอกนะ ผู้หญิงของพี่ต้องสวยเพียบพร้อมเรียบร้อยเป็นแม่บ้านแม่เรือน ไม่ใช่แก่นเป็นม้าดีดกะโหลกแบบเธอ” ทรงขยี้พระเกศาที่เรียกว่าแดงของพระขนิษฐภคินี ซึ่งเป็นสีน้ำตาลอ่อนปนทองแปลกตาและสวยงามยามแสงแห่งวันส่องกระทบ ยามวาดฝันถึงสาวงามเพียบพร้อมที่อยากได้มาเป็นหนึ่งในดวงใจ
“อย่างนั้นก็ค้านเสด็จแม่ซีคะ พี่ชายขา” สองหัตถ์น้อยโอบรอบพระศอที่อยู่สูง จนต้องเขย่งปลายพระบาทอย่างประจบ
“เอาน่า แค่หมั้นเท่านั้น” เพราะพระองค์เองก็ไม่อาจค้านดำริของพระมารดาได้ ด้วยรับสั่งดุจประกาศิตกึ่งร้องขอนั้น
‘คงไม่อยากให้แม่กราบไหว้เมียของลูกในอนาคตหรอกนะกาเบรียน’
แล้วก็ไม่อาจคัดค้านได้จริงๆ แม้เจ้าหญิงบิชาเราะห์จะอาละวาดหนัก แต่ไม่อาจยุติงานหมั้นลงได้ สินสอดอันเป็นของหมั้นได้รับพระราชทานจากชีคอับดุลรอชีดพระบิดา เพื่อมอบแด่พระมารดาอันเป็นตัวแทนเจ้าภาพฝ่ายหญิง แหวนหมั้นสวมประทานแด่เจ้าหญิงบิชาเราะห์พระขนิษฐภคินี ที่ต่อแต่นี้พระมารดาดำรัสให้ทุกคนเรียกว่า ชีคคาบิชาเราะห์ ซึ่งเจ้าตัวบินไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษเสียในทันทีที่เสร็จพิธีหมั้น พร้อมประกาศตามประสาเด็กไว้ว่า จนตายก็ไม่กลับมา
“กาเบรียน ยินดีด้วย” เสียงยินดีเปล่งมาจากปากอิ่มสวยของหญิงวัยสิบห้า ธิดาของชีคอับดุลรอชีดกับสนมเล็กๆ ในฮาเร็ม “ถึงมันจะช้าไป” น้ำเสียงละอายอยู่ในทีเพราะวันหมั้นนั้นผ่านมาเกือบเดือน แต่เจ้าชายกาเบรียนไม่เคยเข้ามาในวังหลัง และเธอก็ไม่สามารถออกไปฝ่ายหน้าที่เชื้อพระวงศ์ฝ่ายชายประทับอยู่ได้ ถ้าไม่มีกิจจำเป็น
“มัยมูนะห์ ขอบใจนะ” รอยยิ้มบางเบาปรากฏบนใบหน้าเจ้าชายหนุ่มน้อย เมื่อรับการแสดงความยินดีจากพระเชษฐภคินีวัยสิบห้า มัยมูนะห์มีมารดาของเป็นเพียงสนมปลายแถว ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์จากสายใดสายหนึ่งของชาร์มา ประเทศที่มีตำแหน่งชีคเป็นเจ้าผู้ครองรัฐ สนมหลายคนของชีคผู้ปกครองชาร์มา เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ต่างๆ ที่รวมเป็นกลุ่มก้อน ทั้งด้วยความเต็มใจและไม่เต็มใจ การทำสงครามรบพุ่งเพื่อรวบรวมชนเผ่าทะเลทรายภายใต้การนำของชีคราชวงศ์ต่างๆ ในอดีต สิ้นสุดและควบรวมกันเป็นหนึ่ง ภายใต้การนำของชีคราชวงศ์อัลโซกียาห์แห่งชาร์มา ผู้ชนะในสงคราม และราชวงศ์อัลโซกียาห์ก็ปกครองชาร์มามาหลายชั่วอายุคน แม้จะมีแรงต่อต้าน คลื่นใต้น้ำก่อกวนอยู่เนืองๆ เพราะหวังเอกราชกลับคืนมาสู้แคว้นของตนเอง
มัยมูนะห์สาววัยสิบห้าอายุอานามนั้นเหมาะสมแก่การออกเรือน ด้วยชนเผ่าทะเลทรายนั้นแต่งงานมีครอบครัวกันแต่อายุยังน้อย สิบสามสิบสี่สำหรับฝ่ายหญิงนั้นถือว่าเริ่มการมีคู่ได้แล้ว มัยมูนะห์เป็นธิดาไร้ฐานันดรศักดิ์ใดๆ ของชีคอับดุลรอชีด มารดานั้นเป็นแค่ทาสที่ทรงไถ่ตัวมาเพราะชื่นชมความงาม แล้วนำมาเก็บไว้เป็นนางบำเรอในฮาเร็ม แม้จะอยู่อย่างสุขสบายแต่ความเปลี่ยวเหงาย่อมครอบครอง เพราะพระสวามีนั้นมีสนมต้องเสด็จไปหามากมายหลายนาง มารดาของมัยมูนะห์จึงต้องใช้ชีวิตหงอยเหงาและตรอมใจจนเสียชีวิตไป ในขณะที่มัยมูนะห์บุตรสาวอายุได้เพียงสิบขวบ
“มาเฝ้าพระมเหสีหรือ” เสียงถามของมัยมูนะห์ในชุดคลุมยาวแต่ไม่ได้ปกปิดใบหน้า ด้วยถือว่ากำลังพูดคุยกับบุรุษในครอบครัว จึงไม่จำเป็นต้องคลุมหน้าภายใต้ผ้าดำบางเบาตามระเบียบที่เคร่งครัดของราชสำนัก
“ใช่ มารับของประทานไปฝากบิชาเราะห์ ฉันจะไปอังกฤษ” รับสั่งตอบของเจ้าชายหนุ่มน้อยราบเรียบ รอยยิ้มบางๆ ประดับบนพระพักตร์เกลี้ยงเกลาเป็นนิจ
เพียงบิชาเราะห์จากไปไม่ถึงเดือนก็จะตามไปแล้วหรือ? สายตาของมัยมูนะห์นั้นไม่ส่อแววใดๆ ออกมาให้คนมองได้อ่านออก
รับสั่งนุ่มนวลอันเป็นนิจเปล่งออกมาจากโอษฐ์บอบบางสีเรื่อของเจ้าชายหนุ่มน้อยตรงหน้าอีกครั้ง
“อยากได้ของอะไรบ้าง จะซื้อมาฝาก” คำถามนั้นไม่ได้แฝงความนัยอันใด ทว่าคนถูกถามตาวาวอย่างยินดีและปลาบปลื้ม หวังให้มันมีความนัยแอบแฝงอยู่บ้างแม้เพียงเศษเสี้ยวความคิดของเธอ
“จริงหรือ” มือเรียวเล็กสะอาดกำท่อนแขนของอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น ยิ้มกว้างอย่างไม่ควรเพราะขัดกับประเพณีปิดบังใบหน้าเพื่อความสำรวม นิ้วมือเล็กยังกดแรงลงไปอย่างสื่อความหมาย ทว่าคนรับสัมผัสยังไม่คิดอะไร เพราะมองหญิงสาววัยไม่แตกต่างตรงหน้าด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่เจืออารมณ์พิศวาสเหมือนหนุ่มวัยเดียวกัน พระหัตถ์ขาวเรียววางลงบนมือนั้นแล้วตบเบาๆ
“จริงสิ อยากได้อะไรก็บอก ถ้ารอให้ฉันซื้อมาฝากเองคงเลือกไม่ถูกหรอก ไม่สันทัดว่าผู้หญิงเขาอยากได้อะไรเป็นของฝาก ถ้าเป็นพวกผู้ใหญ่เช่นเสด็จแม่หรือพวกน้าๆ น้ำหอมหรือกระเป๋าหรูๆ ก็คงพอใจ แต่วัยรุ่นแบบเราฉันเดาไม่ออกหรอก”
นี่ขนาดบอกว่าไม่สันทัด มัยมูนะห์คิดในใจ ก่อนจะบอกของที่อยากได้ออกไป
“ถ้าฉันอยากได้” มัยมูนะห์หยุดแล้วขยับเข้าชิด กระซิบตรงพระกรรณ
พักตร์เจ้าชายหนุ่มแดงเรื่อทันที ก่อนรีบแหงนมองขึ้นด้านบนอันเป็นยอดไม้เขียวครึ้ม ที่เกิดจากวิวัฒนาการทันสมัย บำรุงจนต้นไม้ใหญ่เติบโตบนพื้นทรายได้ไม่แพ้ดินอุดมสมบูรณ์ เพื่อไม่ให้มัยมูนะห์ที่ขยับออกห่างหลังกระซิบบอกความต้องการแล้ว สังเกตเห็น
“ดะ...ได้ แล้วจะให้บิชาเราะห์ดูให้นะ แค่นี้ใช่ไหม” พระสุรเสียงตกพระโอษฐ์รับคำนั้นตะกุกตะกักเล็กน้อยกับของฝากที่คาดไม่ถึง ก่อนจะชิงออกตัวขอกลับฝ่ายหน้าอันเป็นที่ประทับส่วนของบุรุษ
มัยมูนะห์มองตามสายตาเต็มไปด้วยความหมาย ดวงตาสีดำสนิทตามชาติพันธุ์เป็นประกายรับแสงสะท้อนทินกรอย่างมาดหมาย
หน้าพระตำหนักใหญ่ของพระมเหสีเอก นางไมนาร่าพระนมของเจ้าชายกาเบรียนมองด้วยสายตาไม่ใคร่พอใจนัก ด้วยนางนั้นเป็นผู้อภิบาลและเสียสละน้ำนมให้เสวยจนเติบโต จึงรักและห่วงใยดุจบุตรในอุทร แม้ฮาฟาบุตรชายคนเดียวของนางเอง บางครั้งยังไม่ห่วงหวงเท่าเจ้าชายหนุ่มที่กำลังทรงพระดำเนินไปขึ้นรถพระที่นั่งเสด็จออกไปยังพระราชวังส่วนหน้า นางไมนาร่าพาร่างอวบก้าวรวดเร็วเข้าไปในตำหนัก บอกกับนางกำนัลเวรเฝ้าว่าต้องการเข้าเฝ้าพระมเหสีในทันที