สองสาวเพื่อนซี้กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะประจำของพวกเธอทั้งสองที่บริเวณหน้าคณะบริหารในมหาลัยชื่อดังของประเทศในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรแต่กลับเป็นเรื่องที่สำคัญมากของนักศึกษาปีสุดท้ายทุกคน เพราะการฝึกงานเป็นสิ่งที่นักศึกษาทุกคนต้องพบเจอและการเลือกสถานที่ฝึกงานก็สำคัญเช่นเดียวกันเพราะถ้าเกิดเลือกผิดมีสิทธิ์ฝึกไม่ผ่านต้องมาลงฝึกงานใหม่ทำให้จบไม่ทันเพื่อนรุ่นเดียวกันหรืออาจจะโดนรุ่นพี่ในที่ทำงานกลั่นแกล้งเอาได้
นิภานั่งเท้าคางมองรักแรกเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ ทั้งสองตัวติดกันตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจนตอนนี้อยู่ที่สี่แล้วทำให้ทุกคนที่คณะเรียกพวกเธอว่าแฝดสยามเพราะถ้าที่ไหนมีนิภาที่นั่นก็ต้องมีรักแรกอยู่ด้วยตลอด นิภาแทบจะย้ายตัวเองมาอยู่ที่บ้านเดียวกับรักแรกอยู่แล้ว คอนโดของนิภาเองเธอก็ไม่ค่อยได้กลับไปนอนสักเท่าไหร่ถ้าทั้งที่อยู่ใกล้มหาลัยแถมสะดวกสบายกว่าบ้านหลังเล็กของรักแรกซะอีก
“รักแกเลือกได้หรือยังว่าจะไปฝึกงานที่ไหน”
“กำลังดู ๆ อยู่สองที่นะ อาการเหมือนรักพี่เสียดายน้องอะไรประมาณนี้เลย เหมือนคนหลายใจยังไงยังงั้นเลย แล้วภาจะไปฝึกงานที่ไหน ไปฝึกกับบริษัทที่บ้านหรือเปล่า”
“แหะ ๆ ขอไปฝึกที่เดียวกับรักได้หรือเปล่าไม่อยากไปฝึกกับที่บ้านมันเบื่อน่ะ และก็กลัวไม่ได้อะไรด้วยคงไม่มีใครกล้าใช้เราแน่เลย”
“ได้สิ งั้นภาช่วยรักเลือกหน่อยสิว่าที่ไหนดี ระหว่างบริษัทนำเข้ารถหรู L-CS กับ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ L-CO”
“โอ้โฮ นี่มันบริษัทยักษ์ใหญ่ดังระดับประเทศทั้งคู่เลยนะ แล้วแบบนี้เขาจะรับนักศึกษาฝึกงานอย่างเราเหรอ” นิภาทำหน้าทำตาตื่นเต้นเพียงแค่ได้ยินชื่อก็ตะลึงแล้วไม่มีใครไม่รู้จักบริษัทยักษ์ใหญ่แบบนี้หรอก
“รับสิ ก็อาจารย์บอกมาว่าให้รักเลือกสองที่นี่แต่เขารับจำนวนจำกัดแค่ไม่กี่คนเอง”
“งั้นภาจะได้ไปฝึกงานด้วยเหรอ ภาไม่ได้เรียบเก่งเหมือนรักนี่”
“ภาอย่าว่าตัวเองแบบนั้นสิภาก็เรียนเก่งไม่แพ้รักเลยนะ”
“ก็ที่ได้มาเพราะรักช่วยติวให้ทั้งนั้นแหละ”
“เว่อร์ไปแล้วตัวเองก็เก่งเหมือนกันถ้าคนไม่เก่งติวยังไงก็ไม่มีทางได้ขนาดนี้หรอก เชื่อรักสิมั่นใจว่าได้ยังไงก็ได้” รักแรกยิ้มให้กำลังใจนิภา ใครว่าเพื่อนเธอไม่จริงเธอเถียงขาดใจเลยเพราะนิภาเรียนเก่งแต่ติดเล่นมากไปหน่อยแค่นั้นเองส่วนเธอนักเรียนทุนยังไงก็ต้องรักษาเกรดทุกเทอมอยู่แล้ว
“อืม”
“ป่ะ... งั้นเราไปยื่นเอกสารฝึกงานกัน” อยู่ ๆ รักแรกก็ลุกขึ้นพร้อมชวนนิภาให้ไปด้วยกับจนอีกคนถึงกลับงงก็ทั้งคู่ยังไม่ได้ตกลงเลยว่าจะเลือกที่ไหน
“อ้าว!!! แล้วสรุปรักจะเลือกที่ไหนล่ะ”
“รักว่าบริษัทนำเข้ารถดีกว่าน่าจะมีอะไรให้ทำมากกว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์นะ อีกอย่างรักอยากเห็นรถนำเข้าหรู ๆ อีกด้วย” รักแรกยิ้มออกมาให้กับความคิดของตัวเองก็เธอมันคนจนใช้ชีวิตหาเช้ากินค่ำโดยช่วยยายทำขนมขายส่งร้านค้าอยู่ที่บ้านยังดีที่ทางร้านส่งคนมารับขนมเองถึงบ้านอีกอย่างยายก็แก่แล้วทำงานหนักมากไม่ได้ จึงทำให้โอกาสที่จะได้เห็นรถหรูสวย ๆ นั้นแทบไม่มีเลยนี่เป็นโอกาสให้คนแบบเธอได้เจอได้เห็นของสวย ๆ แบบนั้นบ้างบางทีอาจจะได้สัมผัสมันก็เป็นไปได้ ถึงแม้จะเคยเห็นมาบ้างตามท้องถนนแต่นั่นก็แค่ผ่าน ๆ แว๊ปเดียวเท่านั้นเองยังไม่สมใจอยาก
“โอ้โฮ... เราก็คิดว่าอยากได้ประสบการณ์จากที่นั่นแต่ที่ไหนได้อยากเห็นรถหรู ๆ ยัยรักเอ๊ย... แกนะแก” นิภาทำสีหน้าผิดหวังเพราะเธอคาดว่าเพื่อนรักจะมีความคิดอะไรดี ๆ แต่ที่ไหนได้ผิดคาด
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ภาก็อย่าจริงจังกับชีวิตมากสิ เรียนก็เหนื่อยพอแล้วหาอะไร ๆ ที่มันเป็นอาหารหูอาหารตาบ้างสิ”
“ไม่ได้จริงจังอะไรเลยแต่แค่ตามความคิดแกไม่ทันแค่นั้นเอง ก็ไอ้ความคิดแปลก ๆ เนี่ยแกคิดได้ยังไง” นิภาทำหน้าตาพิลึกพิลั่นให้ความคิดของรักแรกเพื่อนสนิทของตัวเอง
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ /ฮ่า ๆ ๆ ๆ” สองสาวมองหน้ากันก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะแบบไม่เกรงใจใครออกมาจนผู้คนแถวนั้นพากันหันมามองด้วยความสงสัยแต่ก็แค่เพียงนิดก่อนจะเลิกสนใจไปในเวลาอันรวดเร็ว
หลังจากที่สองสาวรักแรกกับนิภาทำเรื่องขอฝึกงานและได้รับการตอบรับจากบริษัทนำเข้ารถหรูสมใจเธอทั้งคู่ พวกเธอตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมากที่จะได้ไปฝึกงานที่เดียวกันและวันนี้ก็เป็นวันที่ต้องมารายงานตัวเพื่อเริ่มฝึกงานที่บริษัท รักแรกและนิภาเดินเข้ามาภายในบริษัทที่ดูใหญ่โตหรูหราสมกับเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับต้น ๆ ของประเทศเลยก็ว่าได้
รักแรกที่เพิ่งเคยเห็นความหรูหราใหญ่โตตั้งแต่หน้าบริษัทก็ยิ่งทำให้เธอตื่นตาตื่นใจจนอดไม่ได้ที่จะหันมองซ้ายมองขวาจนไม่ทันระวังตัวเดินชนแผ่นหลังของคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอจนตัวเองล้มลงก้นจ้ำเบ้าไปกองอยู่ที่พื้น ก่อนจะรีบลุกขึ้นโดยไวเพราะสภาพเธอตอนนี้คงน่าเกลียดน่าดูมาสร้างวีรกรรมตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเลย น่าอายจริง ๆ
“โอ๊ยยย ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ” รักแรกที่รู้ว่าตัวเองผิดเต็ม ๆ เพราะเธอมัวแต่ดูรอบข้างโดยไม่มองทางเดินรีบพูดพร้อมก้มหัวลงขออภัยอย่างสูงในความไม่ระวังของตัวเอง
“...” ไม่มีการตอบรับหรือพูดอะไรใด ๆ ทั้งสิ้นจากคู่กรณีก่อนอีกฝ่ายจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วไม่แม้แต่จะหันมามองคนที่เดินชนตัวเองสักนิดมีเพียงคนที่ยืนอยู่ข้างเขามันมามองแค่แว็ปเดียวเท่านั้นจริง ๆ
“รักแกเป็นอะไรหรือเปล่า” นิภาที่ยืนอยู่ใกล้พอหายจากอาการตกใจก็รีบเดินเข้ามาดูรักแรกทันที พลางจับเธอหมุนซ้ายหมุนขวาสำรวจร่างกายเพื่อนไปด้วยว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
“ไม่เป็นไรแก ขอบใจมากนะ”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วรีบ ๆ ไปรายงานตัวเถอะเดี๋ยวสาย”
“อืม ๆ” รักแรกมองตามหลังของคนที่เพิ่งเดินชนเมื่อจากไปพร้อมกับกลุ่มคนของเขาด้วยความสนใจ เธอได้กลิ่นหอมจากตัวเขาแม้เพียงแค่นิดเดียวแต่เธอจำมันได้ติดจมูกเพราะกลิ่นมันเป็นกลิ่นที่หอมชวนหลงใหลมาก ๆ แม้จะได้กลิ่นเพียงนิดก็ทำให้เธอรู้สึกใจสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมากก่อน เธอนี่ท่าจะบ้าแค่ได้กลิ่นตัวผู้ชายก็รู้สึกใจสั่นแม้แต่หน้าตาก็ยังไม่เห็น รักแรกได้แต่คิดในใจพร้อมกับอมยิ้มออกมาจนนิภาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อดถามออกมาด้วยความสงสัยไม่ได้ว่าเพื่อนเธอเป็นอะไร
“รักแกมองอะไร”
“ก็มองคนที่รักเดินชนเขาเมื่อกี้นี้ไง”
“มองทำไม คนพวกนั้นท่าทางน่ากลัวจะตายดูโหดยังไงก็ไม่รู้ นี่ขนาดแกขอโทษเขานะเขายังไม่คิดจะหันมามองหรือพูดอะไรสักคำ หึ นิสัยไม่ดี” นิภาผู้รักเพื่อนเกิดอาการโกรธแทนเพื่อนตัวเองนี่ถ้าเป็นเธอนะอาจจะโวยวายไปแล้วก็ได้
“ช่างเถอะ รักผิดเองแหละที่เดินไม่ดูทางปล่อยเขาไปเถอะ อย่าไปสนใจเลย”
“ก็ได้” พูดจบรักแรกก็ดึงมือนิภาให้เดินไปที่ประชาสัมพันธ์ด้วยกัน เพราะตอนนี้ใกล้เวลารายงานตัวของทั้งสองคนแล้ว