“ปล่อยมือสกปรกของเจ้าซะ รู้หรือไม่ว่าคนผู้นี้คือใคร!” จิวเมี่ยวรีบมายืนข้างข้าแล้วตะโกนบอก หากแต่นางกลับถูกผลักจนล้มลง
“จิวเมี่ยว!”
ข้ามองใบหน้าโจรป่าอัปลักษณ์อย่างไม่พอใจ
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าเป็นองค์ชายแคว้นซื่อและตอนนี้เดินทางมาเป็นทูตแคว้นหลิง หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกข้า พวกเจ้าไม่รอดแน่”
“ฮ่าๆ ๆ พวกข้าไม่กลัว แต่เป็นถึงองค์ชายท่าทางน่าลิ้มลองกว่าเดิม” ว่าแล้วพวกมันหลายคนก็เข้ามาล้อมข้าไว้
ข้าใช้มืออีกข้างกำหมัดต่อย เเต่กลับถูกมันจับไว้ได้ ตอนนี้เเขนทั้งสองข้างของข้าไร้อิสระเเล้ว ได้ยินเสียงจิวเมี่ยวร้องจะเข้ามาช่วยแต่ก็ถูกผลักให้ล้มตามเดิม มือมากมายจากพวกมันเริ่มมาสัมผัสส่วนต่างๆ ของข้า
“อ๊ากกก”
ข้าใช้ฟันกัดมือของมันคนหนึ่งที่จับใบหน้าข้าจนเลือดอาบ
เพี๊ยะ!
“เจ้ากล้ามาก! สงสัยชอบความรุนแรง ได้! เดี๋ยวพวกข้าสนองให้!”
ข้ามองพวกมันตาขวางเมื่อถูกตบ ขณะที่กำลังจะสู้จนตัวตายก็ได้ยินเสียงรถม้าที่กำลังวิ่งมา พวกมันต่างหันไปมองก่อนจะรีบละจากตัวข้าแล้วยกดาบขึ้นพร้อมสู้
“องค์ชายเป็นอะไรหรือไม่เพคะ”
จิวเมี่ยวรีบมาหาข้าทันที พอนางเห็นแก้มที่แดงและมุมปากมีเลือดไหลก็ร้องอย่างตกใจ
“พวกมันบังอาจนักที่ทำองค์ชายขนาดนี้!”
ข้าไม่ได้พูดตอบ แต่กำลังมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า พวกโจรป่ามันกำลังต่อสู้กับคนกลุ่มหนึ่ง ข้าเพ่งตามองบุรุษผู้หนึ่งที่อยู่ไกลจากข้าพอสมควร เขาเพียงยกดาบฟันไม่กี่ครั้งก็สามารถฆ่าโจรป่าได้แทบหมดสิ้น
“อะ..อ่อกก” ทั้งข้าและจิวเมี่ยวต่างก็ก้มหน้าอาเจียน แม้จะเป็นเรื่องในนิยายก็เถอะแต่การที่เห็นการฆ่าฟันแล้วเลือดไหลไส้ทะลักตรงหน้าก็ไม่ใช่เรื่องที่ยืนดูอย่างไม่สะทกสะท้าน ข้าไม่รู้ว่าพวกที่มานั้นมาดีหรือมาร้ายจึงไปหลบซ่อนกับจิวเมี่ยวที่หลังต้นไม้ใหญ่
“องค์ชายเจ็บมากหรือไม่เพคะ” นางใช้ผ้าเช็ดเลือดให้
“ไม่เจ็บมากเท่าไร ว่าแต่พวกที่มาใหม่นั้นเจ้ารู้จักไหม”
จิวเมี่ยวส่ายหน้า “ไม่เพคะ”
“งั้นรึ”
ข้าถอนหายใจตอนนี้เสียทั้งคนทั้งรถม้าเหลือเพียงข้าและจิวเมี่ยวสองคน มองแขนตัวเองที่ถูกจับ ถูกลูบไล้แล้วรู้สึกขยะแขยงนัก ทั้งใบหน้าก็ถูกสัมผัสจนอยากจะอาเจียนอีกรอบ
การฆ่าฟันดำเนินไม่นานนักทุกอย่างก็เริ่มสงบลง ข้าแอบมองบุรุษผู้นั้นที่กำลังยืนมองซากศพก่อนที่สายตาจะประสานกับข้าพอดีและกำลังเดินเข้ามาหา
“นะ..หนีดีไหมเพคะ”
“อะ..อืม…”
ขณะที่กำลังคิดจะหนี เสียงเรียกก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ช้าก่อนพวกท่านอย่าเพิ่งหนี พวกข้ามาดี”
ข้าหันหน้าไปมองก่อนจะเบิกตากว้าง คนผู้นี้ข้าเคยเห็นที่หน้าปกนิยายแม้อยู่ริมแต่ก็เด่นสะดุดตาด้วยใบหน้าที่หล่อเหลา แม้นักเขียนจะบอกว่าพระเอกของเรื่องหน้าตาดีที่สุดก็ตามแต่สำหรับข้าฮาเร็มคนอื่นหล่อเหลากว่านัก
ไม่ใช่แค่ข้าที่ตกใจเพราะเขาเองก็ตกใจที่เห็นข้าเหมือนกัน
“ซูเม่ยเองรึ”
ข้าอึกอักเล็กน้อยคงต้องแสดงละครเป็นซูเม่ยโดยไม่เผยพิรุธ ข้าจึงพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้ แต่เขาเพียงนิ่งไม่ได้มีทีท่าเป็นมิตรเท่าไรนัก
“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่”
“บาดเจ็บเล็กน้อยแต่ไม่เป็นอะไรมาก ขอบคุณท่านที่ช่วย”
“ไม่เป็นไร…แต่คนของเจ้าถูกฆ่าตายหมดสิ้นแล้วทั้งรถม้าก็เสียหาย หากเจ้ามาเป็นทูตเหมือนกันขึ้นรถม้าไปพร้อมข้าก็ย่อมได้”
“แน่นอนข้าจะไปกับท่าน”
ข้ายังคงยิ้มให้แต่เหวินอี้ยังคงหน้านิ่งอีกเช่นเคย ข้าลอบถอนหายใจไม่แปลกที่จะมีท่าทีต่อข้าเช่นนี้ในเมื่อข้าเป็นตัวร้ายที่เคยรังแกเจียวจิงนางเอกของเรื่องที่เขาหลงรัก
ข้าและจิวเมี่ยวเดินตามเหวินอี้เข้าไปในรถม้า ลอบมองเขาที่นั่งตรงข้ามและกำลังอ่านบางอย่าง ท่าทางจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิชาดาบ
“ท่านชอบเรื่องวิชาดาบรึ”
“ใช่”
“ข้าเห็นท่านตวัดเพียงไม่กี่ดาบก็ฆ่าโจรป่าอย่างมากมาย ท่านเก่งกาจนัก”
“ขอบคุณ”
ยังคงก้มหน้าและไม่ได้มองข้าสักนิด
ข้าเริ่มโมโหจึงกอดอกหันหน้าไปทางหน้าต่างไม่สนใจเขาเช่นกัน จนกระทั่งรถม้าเคลื่อนตัวเข้าเมืองหลวงของแคว้นหลิง ข้าจึงเริ่มอารมณ์ดี มองพ่อค้าแม่ค้ากำลังค้าขายคึกคัก ผู้คนมากมายเดินชม หากแต่หลายคนกลับจับจ้องข้าไม่วางสายตา โดยเฉพาะผู้ชาย
ไม่อยากจะเชื่อว่าทุกคนต่างมองข้าอย่างชื่นชม ทั้งที่ในชีวิตจริงข้านั้นมักถูกลืม ได้แต่ทำตัวอึมครึมอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ และแต่งนิยายเลี้ยงตัวเองไปวันๆ แต่ตอนนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
นั่นสิเพราะข้าคือซูเม่ย….
ข้ารับรู้ว่าเหวินอี้มองอยู่ตลอดเวลา จึงหันไปมองและสายตาเราก็ประสานกัน เราไม่ได้มองกันอย่างหวานเชื่อมหรือเป็นมิตร แววตาของเขานั้นช่างเย็นชาคล้ายมองว่าข้านั้นเป็นพวกต้องการผู้ชายถ้าให้บอกภาษาชาวบ้านคงหมายถึงกำลังอ่อยอยู่ แม้ไม่พูดแต่แววตาแบบนี้ข้าก็พอเดาออกและไม่ชอบใจนัก
“นี่ท่าน…” ขณะกำลังจะเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ จู่ๆ รถม้ากลับหยุดกะทันหันจนหัวข้าเกือบโขกขอบหน้าต่าง
“องค์ชายเป็นอย่างไรบ้างเพคะ” จิวเมี่ยวถามอย่างร้อนรน ส่วนข้าขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจนัก เหวินอี้เปิดประตูรถม้าเอ่ยถามคนขับ
“เกิดอะไรขึ้น”
“กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ เห็นรถม้านำขบวนหยุดกระหม่อมจึงหยุดตาม”
ไม่นานคนขับรถม้านำขบวนด้านหน้าสุดก็รีบมารายงาน
“องค์ชาย รถม้าขบวนหน้าของใครไม่ทราบท่าทางจะเกิดเรื่อง”
“งั้นรึ”
ว่าพลางรีบลงจากรถแล้วเดินไปยังจุดเกิดเหตุ ข้านั้นก็รีบวิ่งตามอยากเห็นด้วยตาตัวเองว่าเกิดเรื่องอะไรถึงขั้นต้องหยุดรถ
แต่ด้วยเสื้อผ้าที่ยาวรุ่มร่ามและสีสันแสบตาทำให้ข้าเริ่มอารมณ์เสียมากขึ้น ร้อนก็ร้อน หงุดหงิดก็หงุดหงิด แต่เมื่อเดินไปด้านหน้ารถม้าคันดังกล่าว ก็เห็นหญิงสาวสองนางกำลังช่วยพยุงหญิงชราให้ลุกยืน ดูจากด้านหลัง พวกนางใส่ชุดต่างจากชาวบ้าน และหนึ่งในสองนางนั้นแต่งตัวเหมือนหญิงสูงศักดิ์หากข้าเดาไม่ผิดนางน่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์
เหวินอี้รีบไปช่วยทันทีเมื่อเห็นหน้าของนาง
ส่วนข้านั้นพลันหยุดชะงักชั่วครู่ เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวในชุดสูงศักดิ์ นางคือองค์หญิงเจียวจิง นางเอกของเรื่องนี้ผู้ที่อยู่เด่นหราในหน้าปกนิยาย โดยมีผู้ชายล้อมรอบ!