Chapter 01 บทนำ

1201 Words
ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ภัทรคุณได้แต่นอนนิ่งราวกับร่างไร้ลมหายใจ ปล่อยให้ชายฉกรรจ์สามคนรุมทำร้าย ไม่ต่อต้าน ไม่ขัดขืน ก้มหน้าก้มตากัดปากไม่ให้เสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาจากลำคอ แม้ร่างกายจะเจ็บร้าวไปทั้งตัว เขาก็ไม่ปริปาก เพียงแต่นอนนิ่งๆ ให้กลุ่มชายตรงหน้ากระทืบลงมาซ้ำๆ จนกว่าพวกนั้นจะพอใจ “ฝากไปบอกพ่อมึงด้วย ว่าอย่ามายุ่งกับพวกกูอีก” ภัทรคุณกำหมัดแน่น! ขบฟันกรอด ‘เพราะพ่อของเขาอีกแล้ว’ เขาหลับตาลง ยกมือสองข้างปิดหน้าตัวเองเอาไว้ ท่ามกลางความชุลมุนของหลายเท้าที่พุ่งโจมตีไปที่ร่างกายของเขานั้น ริมฝีปากซีดเซียวกำลังเหยียดยิ้ม หัวเราะหึๆในลำคอ นึกสมเพชกับสภาพของตัวเอง ผิดกับอีกด้านหนึ่ง “พะ…พี่คะ” “มีคนถูกทำร้ายอยู่ตรงโน้นค่ะ พี่ตามหนูไปช่วยเขาหน่อยได้ไหมคะ” “ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างแล้ว” ธารธรวิ่งหน้าตื่นมาหยุดที่ป้อมยามหน้าคอนโด เธอละล่ำละลักบอกลุงรปภ.เสียงสั่น ฉุดข้อมือชายวัยสี่สิบให้ตามเธอไป “พี่คะ อั้ยย่ะ! ละ…ลุง ลุงคะ เร็วๆ หน่อย” “เดี๋ยวก่อน…” “เดี๋ยวก่อนหนู ใจเย็นๆ มีเรื่องอะไรค่อยๆ เล่ามาซิ หนูพูดรัวแบบนี้ลุงฟังไม่ทัน” “คะ…คือเมื่อกี้” “หนูเดินไปซื้อของในเซเว่นแล้วบังเอิญเห็นคนโดนรุมอยู่ ท่าทางจะเจ็บหนักด้วย หนูก็เลยรีบวิ่งมาหาคนช่วย” “แล้วเจอลุงนั่งหลับอยู่หน้าป้อมเนี่ยแหละ” เธอตอบ “อ้อๆ” “ตรงไหนอยู่ตรงไหน” “พาลุงไปดูสิ” ชายวัยสี่สิบหยิบกระบองติดมือแล้วเดินจ้ำอ้าวตามหลังเด็กสาว “อยู่ตรงไหนหนู ใกล้ถึงหรือยัง” “ใกล้แล้วค่ะ อีกนิดเดียว” “ตรงซอกตึกนั้น แป๊บเดียวค่ะลุง” เธอตอบกึ่งเดินกึ่งวิ่งนำทางไปยังสถานที่ที่เห็นเมื่อครู่ ก่อนจะหยุดกึก “หะ…หายไปไหนแล้วคะ” ลุงรปภ.ที่วิ่งกระหืดกระหอบตามหลังมาติดๆ เอ่ย “อ้าว! ยัยหนู แล้วลุงจะรู้ไหม” “ลุงก็วิ่งตามหนูมาติดๆ นี่แหละ” “ไหนล่ะคนตีกัน ไม่เห็นมีใครสักคน” ชะเง้อคอมองรอบๆ ก่อนจะหยุด หรี่ตา มองหน้าเธอนิ่ง “ยัยหนู” “คงไม่ได้กินเหล้าเมาแล้ว เล่นพิเรนทร์แต่งเรื่องหลอกลุงหรอกใช่ไหม” “โธ่! ลุง” “หนูเห็นจริงๆ” “เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย” “ตอนนี้หายไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้” กวาดตาหาไปทั่วแต่ก็ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต เธอก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษค่า สงสัยหนูคงตาฝาดไปเอง แฮะๆ” ‘ตาฝาดกับผีน่ะสิ!’ เมื่อกี้แน่ใจว่าเห็นชัดๆ เต็มสองตาด้วย เบอร์ฉุกเฉินยังค้างที่ประวัติโทรออกอยู่เลย “อือๆ” “ไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้ว” “งั้นลุงกลับไปเฝ้าป้อมก่อน เดี๋ยวโดนเจ้านายด่า” “หนูก็รีบๆ กลับห้องล่ะ ดึกๆ ดื่นๆ ออกมาเดินคนเดียวแบบนี้มันอันตราย” “ค่า” ตอบเสียงใส เดินตามหลังลุงรปภ.ไปห่างๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้เมื่อรู้รับถึงความเย็นเยือก แถมยังหนาวสั่น เอ๊ะ เธอกางร่มมานี่ ทำไมตอนนี้ไม่ได้ถือร่มแล้วล่ะ อ้าว! แล้วถุงมะม่วงกับแก้วกาแฟหายไปไหน ธารธรหันรีหันขวางหาข้าวของตัวเองพัลวัน นึกเสียดาย “เฮ้อ จริงๆเลย” “ไม่น่าอยากรู้อยากเห็นปานนั้นเลย เสียดายของชะมัด” บ่นกระปอดกระแปด เดินหมดอาลัยตายอยาก “ดีนะที่คีการ์ดกับมือถือยังอยู่ไม่งั้นมีหวังได้ยืนบื้ออยู่ใต้คอนโดแน่ๆ” ให้ตายเถอะ “สติสตังเอาไปไว้ไหนหมดฮะ ยัยสายธาร” ในขณะที่บ่นตัวเองไปเรื่อยสายตาเจ้ากรรมก็ดันสะดุดเข้ากับชายคนหนึ่งที่นั่งคอตกอยู่ริมฟุตบาท นั่นมัน… “นาย” “นายเป็นยังไงบ้าง” เพราะความใจดีของตัวเองแท้ๆ ทำให้เธอตรงเข้าไปหาเขาอย่างไม่ลังเล “เจ็บมากไหม” “เมื่อกี้ฉันวิ่งไปเรียกคนมาช่วย แต่พอมาถึงก็ไม่เห็นนายกับคนพวกนั้นแล้ว” “นายไหวหรือเปล่า ให้ฉันพานายไปโรงพยาบาลไหม” “ดูท่านายจะเจ็บหนักอยู่นะ” ปากพูด ตาก็มองสำรวจไปทั่ว เห็นบาดแผลบนใบหน้าหลายที่ ตามเนื้อตัวอีกหลายแห่ง “นะ…นาย ทำไมนายไม่พูดอะไรเลยล่ะ” หรือว่า… ‘หมดสติไปแล้ว’ เธอทำท่าจะก้มลงไปจับหน้าเขาดู “อืม” แต่ได้ยินเสียงครางรับเบาๆ ในลำคอ เขาคนนั้นเงยหน้ามองเธอแวบหนึ่งก่อนเสไปมองอีกทาง “คุณเป็นใคร” ภัทรคุณหรี่ตามองคนตรงหน้าแวบเดียวแล้วหยัดกายลุกขึ้น กุมท้องตัวเองไว้ด้วยความเจ็บ เขาพยายามทรงตัวให้เป็นปกติถามอีกครั้ง “คุณรู้จักผม” หางคิ้วเลิกขึ้นอย่างต้องการคำตอบ “ปะ เปล่าหรอก” “ฉันไม่ได้รู้จักนายเป็นพิเศษ แต่ฉัน” เธออธิบายเสียงเบา ก้มหน้าหลบสายตาดุดันที่จ้องมองมาอย่าเอาเรื่อง “ไม่ได้รู้จัก” น้ำเสียงเนิบนาบ แต่ฟังดูหยิ่งยโส “ทำไมคุณถึงอยากช่วยผม” “ฉัน…” เธอกลืนคำพูดที่คิดลงทันทีที่สายตาคมจ้องเขม็งมองมาอย่างไม่เป็นมิตร “หรือคุณก็อยากได้เงิน” “เปล่านะ” น้ำเสียงจริงจังของเขา ทำให้เธอโพล่งปฏิเสธเสียงแข็ง “ฉันก็แค่หวังดี” “เห็นคนกำลังจะตาย ก็ต้องช่วยเหลือเป็นธรรมดาสิ มันเป็นสัจธรรมของโลกนะ” “แล้วอีกอย่าง…” เพราะนายหล่อมากละมั้ง “นายอย่ามัวแต่สงสัย รีบๆ ไปหาหมอเร็วๆเข้าเถอะ สภาพนายตอนนี้ย่ำแย่เข้าไปทุกทีแล้ว” เธอตรงเข้าไปพยุงแขนข้างหนึ่งของเขาพาดไว้กับคอตัวเอง เตรียมก้าวขา “ปล่อย!” แต่เขากลับสะบัดมือเธอออก แล้วกระถดตัวถอยห่างออกไปสามก้าว ราวกับว่าเธอกำลังจะทำมิดีมิร้าย เอ๊ะ หรือว่ารังเกียจ “ขอบคุณ” ท่าทางของเขาช่างดูหยิ่ง หางตาเหยียดมองมาราวกับเธอเป็นเพียงของบางอย่างที่น่าขยะแขยง “แต่ผมไม่ต้องการความช่วยเหลือ” “คุณไปเถอะ” เสียงเนิบนาบบอกชัดถ้อยชัดคำ ทำเอาคนอยากช่วยหน้าชานิดๆ เหมือนกับแส่เรื่องชาวบ้านแล้วโดนด่ากลับว่าเผือกยังไงยังงั้น “ไอ้…” ธารธรกัดปากแน่น หงุดหงิดจนควันออกหู มองตามหลังเขาไปอย่างคิดไม่ถึง “จะตายห่าอยู่แล้ว ยังไม่เจียมสังขารอีก” ก่นด่าตามหลังเพียงหวังว่านายคนเมื่อกี้จะได้ยิน ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมาเจอะเจอคนประหลาด นิสัยพิลึก แถมทักษะการเข้าสังคมเป็นศูนย์แบบหมอนี่ ‘แล้วต่อไปใครเขาจะอยากทำความดีอีก’ จริงๆเลย นี่มันวันซวยของเธอแท้ๆ “นิยายชั้น” หลังจากยืนเตะน้ำเล่นหงุดหงิดใจอยู่ครู่ใหญ่ ธารธรก็วิ่งหน้าตั้งกลับคอนโดอย่างเร็ว ดึกดื่นป่านนี้แล้วเธอยังต้องรีบแปลนิยายส่งหัวหน้าพรุ่งนี้อีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD