ที่คลับเวลาเดียวกันกับเมื่อคืนที่ไรเฟิลเจอเธอ เหมือนเช่นเคยหญิงสาวนั่งดื่มอยู่เพียงคนเดียวตรงบาร์เล็ก ๆ เพราะไม่ชอบความวุ่นวาย
“เจอกันอีกแล้วนะครับ” เสียงที่คุ้นหูเหมือนว่าเธอเพิ่งเคยได้ยิน ดังขึ้นด้านหลัง ทำเอาดิสนีย์ต้องรีบหันมอง
“ขอตัวค่ะ” และทันทีที่เห็นหน้าเจ้าของเสียงนั่น หญิงสาวก็เตรียมที่จะไปให้พ้นจากตรงนี้
“เดี๋ยวสิครับ ผมทำอะไรผิดหนักหนา คุณถึงต้องทำเหมือนกับรังเกียจอยากจะอยู่ให้ห่างผมนัก” เสียงของไรเฟิลที่พูดประโยคนั้นออกมาทำเอาหญิงสาวชะงัก เธออยากจะบอกเขาว่าเขาไม่ได้ผิดเลย
เพียงแต่เธอรู้ดีว่าถ้ารู้จักกับเขามากกว่านี้ วันหนึ่งไรเฟิลจะต้องเสียความรู้สึกกับความสัมพันธ์ที่ได้รู้จักกับเธอ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม
“ฉันว่าฉันบอกคุณไปแล้ว” เธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียวชายหนุ่มก็พูดต่อ
“ถ้าคุณไม่ยอมเป็นเพื่อนกับผม ก็ไม่เป็นไรครับ ใครจะอยากเป็นเพื่อนกับนายเฉิ่มอย่างผมจริงมั้ย?” ชายหนุ่มแสร้งทำเหมือนคนที่กำลังน้อยใจและเตรียมที่จะหันหลังเดินออก แม้ว่าในใจของดิสนีย์จะลังเลแค่ไหนแต่ก็ไม่ไวเท่ากับแขนของเธอที่คว้าเสื้อเขาไว้ทัน
“เฮ้อ มันไม่ใช่แบบนั้น”
“งั้นถ้าคุณไม่อยากให้ผมคิดแบบนั้น ช่วยเป็นเพื่อนกับผมได้มั้ย ผมไม่มีเพื่อนเลย”
“แม้แต่คนเดียวงั้นเหรอ?” ดิสนีย์ถามอย่างไม่เชื่อ ใครที่ไหนจะไม่มีเพื่อน ขนาดเธอที่มีปัญหาอยู่ตลอด ข่าวฉาวไม่เว้นวัน ยังมีเพื่อนชายคนสนิทคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ มาเสมอเลย
“ครับ” สุดท้ายเธอก็เชื่อในสิ่งที่เขาพูด แววตาซื่อ ๆ นั่นเหมือนตัวที่ทำให้เธอตัดสินใจปักใจเชื่อคำพูดเขาทุกอย่าง คนอย่างไรเฟิลในสภาพนี้ดูไม่มีพิษไม่มีภัยสักนิด
ในความคิดเธอ เขาคงไม่ได้เหมือนผู้ชายคนอื่นที่เข้ามาเพื่อหวังประโยชน์จากเธอ แต่ถ้าหากเป็นพ่อของเธอใช้ให้เธอหาประโยชน์จากเขามันก็ไม่แน่ นั่นคือเรื่องที่หญิงสาวหนักใจ
“โอเค ฉันจะยอมเป็นเพื่อนคุณ”
“เรียกว่าเฟิลก็พอครับ อย่าเรียกคุณเลย” ชายหนุ่มเริ่มสร้างความเป็นกันเองให้กับหญิงสาว
“แต่ว่ามันจะดู….”
“อย่าไปสนใจคนอื่นเลยครับ ผมมากกว่าที่จะต้องเกรงใจ ดีแค่ไหนที่คุณยอมให้ผมได้รู้จัก” ดิสนีย์ยิ้มออกมาเมื่อได้ยิน ชีวิตนี้ทั้งชีวิตเธอไม่คิดว่าจะผู้ชายแบบนี้อยู่ด้วยซ้ำ ผู้ชายที่เธออยู่แล้วรู้สึกปลอดภัย
“แล้ววันนี้มาที่นี่ทำไม หรือว่ามารับน้องสาวอีก?”
“ครับ มารับน้องสาว!” เธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นไรเฟิลเน้นคำว่าน้องสาว แต่เธอก็หายสงสัยเมื่อเขาส่งรอยยิ้มซื่อ ๆ มา
“อ่อ งั้นไปเถอะ”
“น้องผมยังไม่เลิกงาน ขอผมอยู่ด้วยได้มั้ย?”
“แทนตัวเองว่าเฟิล หรือมึงกูก็ได้ อย่าแทนผมเลย ดิสอึดอัด” ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมยิ้มรับเมื่อเธอแทนตัวเองในแบบที่เขาเรียกเธอตอนกลางวัน
“โอเคครับ งั้นขอเฟิลอยู่ด้วยก่อนนะครับ” การแทนตัวเองแบบนั้นของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวแก้มเห่อร้อนมาดื้อ ๆ การใช้ชื่อตัวเองสนทนากับเพื่อนผู้หญิงมันเป็นส่วนน้อยที่เพื่อนชายจะทำกัน เพราะคำพูดแบบนี้มันเหมาะกับคนเป็นแฟนซะมากกว่า
“ไหน ๆ ก็อยู่แล้ว ดื่มเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“เฟิลดื่มไม่เป็น” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธเพราะเขาดื่มไม่ได้ ไรเฟิลเป็นโรคแพ้แอลกอฮอล์
“โตขนาดนี้ ดื่มไม่เป็นจริงเหรอ?”
“ครับ เฟิลแพ้ด้วย” ดิสนีย์ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ คนอะไรแพ้แอลกอฮอล์ ให้ตายเถอะลูกคุณหนูเกินไปหรือเปล่านะ
“แล้วเวลาที่ต้องล้างแผลล่ะ?”
“แพ้แค่แอลกอฮอล์ที่ดื่มครับ” ชายหนุ่มตอบไปตามความจริง แพ้ของไรเฟิลคือห้ามกินมันเด็ดขาด ในตอนแรกที่เขาไม่รู้แล้วออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนครั้งแรก ตอนนั้นชายหนุ่มแทบเอาชีวิตไม่รอด
“งั้นกินอะไรได้บ้าง”
“น้ำส้มครับ” เขายิ้มหวานตอบกลับไป ทำเอาดิสนีย์ถึงกับมองบน เธอกับเขาควรสลับร่างกันมั้ย น้ำส้มมันคือสิ่งที่เหมาะกับผู้หญิงอย่างเธอ ไม่ใช่ผู้ชายอกสามศอกแบบชายหนุ่มตรงหน้าเธอ
“ไม่เบื่อเหรอ มาคลับกินน้ำส้ม”
“ไม่ครับ เหล้าส่งผลเสียต่อร่างกาย ให้ดีเลยดิสก็เลิกดื่มเถอะ” ได้โอกาสเขาก็เริ่มทำคะแนนด้วยการบอกสิ่งดี ๆ กับเธอ
“นะ..นายเรียกฉันว่าอะไรนะ?”
“ดิสไงครับ เฟิลขอเรียกแบบนี้ได้มั้ย?” เหมือนว่าอากาศตรงนี้มันคงร้อน เพราะใบหน้าของดิสนีย์แดงก่ำแถมเหงื่อยังออกตามไรผมอีก
“ร้อนเหรอครับ?”
“อืม ฉันร้อน”
“……”