วันนี้มาร์ตินตื่นตั้งแต่เช้าเพราะมีนัดทานข้าวกลางวันกับครอบครัวของผู้หญิงคนนั้นในช่วงสายๆของวัน เมื่อลงมาข้างล่างก็เจอเข้ากับพ่อและแม่ที่นั่งอยู่ที่โซฟารับแขก
" ตื่นแต่เช้าเลยนะเจ้ามาร์ติน อีกสักพักคุณจักรกฤษณ์กับคุณหญิงชิดจันทร์ก็คงมาถึง "
มาร์ตินที่ฟังอยู่แต่ว่าไม่ได้ตอบกลับอะไรแล้วก็นั่งลงที่โซฟาเช่นกัน
" แม่ครับ แม่ไม่คิดจะเปลี่ยนใจจริงๆหรอครับ ผมยังไม่อยากแต่งงาน ผมคิดว่าผู้หญิงที่แม่หามาให้คงไม่ได้ดีแบบที่แม่คิดหรอก "
เขาบอกกับแม่เพราะยังจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้ดี
" แกเอาอะไรมาตัดสินน้อง ยังไม่เคยเจอน้องเลยสักครั้ง "
" เฮ้อ! เอาเถอะครับแม่ ผมไม่เถียงกับแม่แล้วก็ได้ โน่นไงครับลูกสะใภ้คนโปรดของคุณแม่เดินเข้ามานู่นแล้ว "
คุณหญิงฤทัยและคุณมอร์แดนมองไปทางที่ลูกชายมอง ก็เจอกับคุณจักรกฤษณ์แล้วก็คุณชิดจันทร์พร้อมกับลูกสาวของเขาที่ชื่อเนยหวาน พอโตเป็นสาวช่างสวยสะพรั่งเหลือเกิน
" สวัสดีค่ะคุณจักรกฤษณ์ คุณชิดจันทร์ "
คุณหญิงฤทัยรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปหาชิดจันทร์
" สวัสดีค่ะคุณฤทัย พวกเรามาสายกันหรือเปล่าคะ "
ทั้งที่เผื่อเวลามาแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะช้ากว่าที่นัดกันไปนิดหน่อย คุณหญิงชิดจันทร์ก็เลยรู้สึกผิด
" ไม่เป็นไรเลยค่ะ ดิฉันไม่ได้รีบร้อนอะไร รอได้อยู่แล้วค่ะ เราเข้าไปคุยกันข้างในก่อนดีกว่าไหมคะ "
คุณหญิงฤทัยพาครอบครัวของเนยหวานเข้าไปนั่งที่โซฟารับแขก พร้อมกันนั้นเนยหวานก็ได้เจอเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเธอคิดว่าคงไม่ใช่คนที่เธอต้องแต่งงานด้วยแน่ๆ เพราะเขายังดูอายุน้อยอยู่เลย
" หนูเนยหวานสวัสดีพี่เขาสิลูก นี่พี่มาร์ตินคนที่แม่อยากจะให้แต่งงานกับหนูยังไงล่ะ "
ร่างบอบบางชะงักไป เมื่อได้สบตาเข้ากับมาร์ติน เธอยอมรับว่าเขาหล่อแล้วหน้าตาดีมากไม่เหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่ทว่าสายตาคู่นั้นกลับมีแววดุดัน และเธอก็รู้สึกเหมือนว่าเขารังเกียจเธอยังไงก็ไม่รู้ทั้งที่พึ่งรู้จักกัน
" สวัสดีค่ะพี่มาร์ติน "
ร่างบอบบางยกมือไหว้เขา พร้อมกับส่งยิ้มไปให้แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความนิ่งเฉย เขาไม่รับไหว้เธอเลยด้วยซ้ำ แถมไม่ทักทายเธอเลยสักคำ
" เอ่อ...เจ้าลูกคนนี้นี่ น้องสวัสดีแล้วยังไม่ทักทายน้องอีก "
คุณหญิงฤทัยบ่นลูกชายออกไป
" จะให้ผมยกมือไหว้น้องหรอครับแม่ "
คำตอบที่แสนกวนโมโหของเขาก็ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอเลยสักนิด
" เอ๊ะ! เจ้าลูกคนนี้นี่ "
" ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณหญิงป้า อย่าคิดมากเลยค่ะ "
เป็นเนยหวานเองที่พูดขึ้นมาก่อนที่บรรยากาศจะเสียไปหมด ในตอนนี้พ่อกับแม่ของเธอก็คงจะพอรู้แล้วว่าฝ่ายชายไม่ได้ต้องการที่จะแต่งงานกับเธอ เธอได้แต่หวังว่าพ่อกับแม่จะยกเลิกงานแต่งในครั้งนี้
" ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยเรื่องงานแต่งงานกันเลยไหมคะ "
คุณหญิงฤทันเป็นคนเอ่ยขึ้น โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจของใครเลย
" แม่ครับ ไหนบอกว่ามาดูตัวเฉยๆไงครับทำไมต้องคุยเรื่องแต่งงานกันแล้ว "
" เจ้าลูกคนนี้นี่ ไม่ขัดแม่สักเรื่องจะได้ไหม มาดูตัวขนาดนี้ก็ต้องแต่งสิลูก แม่เอ็นดูหนูเนยหวานเหมือนลูกสาว ยังไงแม่ก็จะเลือกคนนี้ให้แต่งงานกับแกนั่นแหละ ส่วนเรื่องสินสอดทองหมั้นเรามาตกลงกันซะตั้งแต่ตอนนี้เลยดีไหมคะคุณจักรกฤษณ์คุณชิดจันทร์ "
ประโยคแรกคุณหญิงฤทัยบ่นผู้เป็นลูกชายส่วนประโยคหลังถามฝ่ายเจ้าสาวอย่างเป็นกันเอง
" คุณจักรกฤษณ์กับคุณชิดจันทร์มีตัวเลขในใจบ้างไหมคะ ทางเราทุ่มงบไม่อั้นอยู่แล้วค่ะเพื่อลูกสะใภ้คนเล็กของไมโลเวอร์ "
" ทางเราไม่ได้จะเรียกร้องอะไรมากมายหรอกครับ แค่ขอให้สมน้ำสมเนื้อก็พอแล้วที่สำคัญอยากให้ทางนี้ให้เกียรติลูกสาวของเราก็พอแล้วครับ "
ถึงแม้จะเป็นการแต่งงานเพื่อต่อยอดธุรกิจแต่จักรกฤษณ์ก็ยังเป็นห่วงความรู้สึกของลูกสาวเพราะดูท่าทางฝ่ายชายจะไม่สนใจลูกสาวของเขาเลยสักนิด
" ถ้าอย่างนั้นดิฉันอยากได้เป็นงานหมั้นตอนเช้าและงานแต่งตอนเย็นเลยแล้วสินสอดจะให้เป็นแหวนเพชรสิบกะรัต ที่ดินห้าร้อยไร่พร้อมกับชุดเครื่องเพชรชุดใหญ่นะคะ "
จักรกฤษณ์และชิดจันทร์ที่ได้ยินถึงกับตาโตไม่คิดว่าคุณหญิงฤทัยจะทุ่มสุดตัวเพื่อลูกสาวเขาขนาดนี้
ส่วนเนยหวานเองได้แต่นั่งเงียบๆรอฟังที่ผู้ใหญ่เขาคุยกัน จากทีแรกแค่คิดว่าจะมาดูตัวเฉยๆแต่ตอนนี้คงหนีไม่พ้นจะต้องแต่งงานกับเขาจริงๆแล้วสินะ
" แล้วหนูเนยหวานอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมลูก "
" ไม่ค่ะคุณหญิงป้า แค่นี้ก็ถือว่าเมตตาเนยมากๆแล้วค่ะ "
เธอตอบกลับไปเพราะสิ่งที่คุณหญิงฤทัยให้มาก็มากเกินพอแล้ว เธอยังจะต้องขออะไรอีก
" ดีแล้วลูก ถ้าอย่างนั้นเราเอาฤกษ์สะดวกเลยแล้วกัน แม่อยากให้แต่งกันเดือนหน้าเลยแม่อยากอุ้มหลานเร็วๆแล้ว "
คำว่าอยากอุ้มหลานของคุณหญิงฤทัยทำเอาเนยหวานคิดหนัก เพราะเธอไม่ได้จัดเจนกับเรื่องแบบนี้มาก่อน พร้อมทั้งเธอยังไม่พร้อมที่จะเป็นของเขา แต่ถ้าถึงวันแต่งงานจริงๆก็คงเลี่ยงไม่ได้
" แม่ครับ ทำไมมันเร็วแบบนั้นล่ะครับ แล้วจะเตรียมตัวทันกันหรอ "
เป็นมาร์ตินที่เอ่ยขัดขึ้นมา เพราะเขาไม่เห็นด้วยว่าการแต่งงานจะต้องรีบร้อนอะไรขนาดนั้นเขากับผู้หญิงคนนี้ยังไม่เคยคุยกันเลยสักคำ
" เร็วที่ไหนกันละลูก ช้าไปต่างหาก ตั้งเดือนหน้า แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าแม่จะเตรียมตัวไม่ทันนะเพราะคนที่จะช่วยเหลือเรามีตั้งเยอะแยะ "
" เอาเป็นว่าตามนี้แหละ แล้วพรุ่งนี้แกก็ต้องไปรับน้องเพื่อไปลองชุดด้วยนะ อย่าปล่อยให้น้องไปคนเดียวล่ะ "
มาร์ตินถอนหายใจออกมาเพราะพูดอะไรไม่ได้เลย ถึงเขาพูดไปแม่ของเขาก็ไม่คิดจะฟังอยู่ดี
" ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ "
มาร์ตินลุกพรวดพราดพร้อมกับเดินออกไปจากวงสนทนานี้ทันที เขาไม่รู้ว่าเขาจะต้องอยู่ไปทำไม ในเมื่อพูดปฏิเสธไปทุกอย่างแล้วแต่แม่เขาก็ไม่ฟัง แม่ไม่กลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นเหมือนดารินสักนิด ดูใสๆใช่ว่าจะเป็นคนดีสักหน่อย บางทีแม่เขาอาจตามไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของครอบครัวนี้ก็ได้