ไม่ถูกชะตา(2)

1231 Words
วันนี้มาร์ตินตื่นตั้งแต่เช้าเพราะมีนัดทานข้าวกลางวันกับครอบครัวของผู้หญิงคนนั้นในช่วงสายๆของวัน เมื่อลงมาข้างล่างก็เจอเข้ากับพ่อและแม่ที่นั่งอยู่ที่โซฟารับแขก " ตื่นแต่เช้าเลยนะเจ้ามาร์ติน อีกสักพักคุณจักรกฤษณ์กับคุณหญิงชิดจันทร์ก็คงมาถึง " มาร์ตินที่ฟังอยู่แต่ว่าไม่ได้ตอบกลับอะไรแล้วก็นั่งลงที่โซฟาเช่นกัน " แม่ครับ แม่ไม่คิดจะเปลี่ยนใจจริงๆหรอครับ ผมยังไม่อยากแต่งงาน ผมคิดว่าผู้หญิงที่แม่หามาให้คงไม่ได้ดีแบบที่แม่คิดหรอก " เขาบอกกับแม่เพราะยังจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้ดี " แกเอาอะไรมาตัดสินน้อง ยังไม่เคยเจอน้องเลยสักครั้ง " " เฮ้อ! เอาเถอะครับแม่ ผมไม่เถียงกับแม่แล้วก็ได้ โน่นไงครับลูกสะใภ้คนโปรดของคุณแม่เดินเข้ามานู่นแล้ว " คุณหญิงฤทัยและคุณมอร์แดนมองไปทางที่ลูกชายมอง ก็เจอกับคุณจักรกฤษณ์แล้วก็คุณชิดจันทร์พร้อมกับลูกสาวของเขาที่ชื่อเนยหวาน พอโตเป็นสาวช่างสวยสะพรั่งเหลือเกิน " สวัสดีค่ะคุณจักรกฤษณ์ คุณชิดจันทร์ " คุณหญิงฤทัยรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปหาชิดจันทร์ " สวัสดีค่ะคุณฤทัย พวกเรามาสายกันหรือเปล่าคะ " ทั้งที่เผื่อเวลามาแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะช้ากว่าที่นัดกันไปนิดหน่อย คุณหญิงชิดจันทร์ก็เลยรู้สึกผิด " ไม่เป็นไรเลยค่ะ ดิฉันไม่ได้รีบร้อนอะไร รอได้อยู่แล้วค่ะ เราเข้าไปคุยกันข้างในก่อนดีกว่าไหมคะ " คุณหญิงฤทัยพาครอบครัวของเนยหวานเข้าไปนั่งที่โซฟารับแขก พร้อมกันนั้นเนยหวานก็ได้เจอเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเธอคิดว่าคงไม่ใช่คนที่เธอต้องแต่งงานด้วยแน่ๆ เพราะเขายังดูอายุน้อยอยู่เลย " หนูเนยหวานสวัสดีพี่เขาสิลูก นี่พี่มาร์ตินคนที่แม่อยากจะให้แต่งงานกับหนูยังไงล่ะ " ร่างบอบบางชะงักไป เมื่อได้สบตาเข้ากับมาร์ติน เธอยอมรับว่าเขาหล่อแล้วหน้าตาดีมากไม่เหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่ทว่าสายตาคู่นั้นกลับมีแววดุดัน และเธอก็รู้สึกเหมือนว่าเขารังเกียจเธอยังไงก็ไม่รู้ทั้งที่พึ่งรู้จักกัน " สวัสดีค่ะพี่มาร์ติน " ร่างบอบบางยกมือไหว้เขา พร้อมกับส่งยิ้มไปให้แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความนิ่งเฉย เขาไม่รับไหว้เธอเลยด้วยซ้ำ แถมไม่ทักทายเธอเลยสักคำ " เอ่อ...เจ้าลูกคนนี้นี่ น้องสวัสดีแล้วยังไม่ทักทายน้องอีก " คุณหญิงฤทัยบ่นลูกชายออกไป " จะให้ผมยกมือไหว้น้องหรอครับแม่ " คำตอบที่แสนกวนโมโหของเขาก็ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอเลยสักนิด " เอ๊ะ! เจ้าลูกคนนี้นี่ " " ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณหญิงป้า อย่าคิดมากเลยค่ะ " เป็นเนยหวานเองที่พูดขึ้นมาก่อนที่บรรยากาศจะเสียไปหมด ในตอนนี้พ่อกับแม่ของเธอก็คงจะพอรู้แล้วว่าฝ่ายชายไม่ได้ต้องการที่จะแต่งงานกับเธอ เธอได้แต่หวังว่าพ่อกับแม่จะยกเลิกงานแต่งในครั้งนี้ " ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยเรื่องงานแต่งงานกันเลยไหมคะ " คุณหญิงฤทันเป็นคนเอ่ยขึ้น โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจของใครเลย " แม่ครับ ไหนบอกว่ามาดูตัวเฉยๆไงครับทำไมต้องคุยเรื่องแต่งงานกันแล้ว " " เจ้าลูกคนนี้นี่ ไม่ขัดแม่สักเรื่องจะได้ไหม มาดูตัวขนาดนี้ก็ต้องแต่งสิลูก แม่เอ็นดูหนูเนยหวานเหมือนลูกสาว ยังไงแม่ก็จะเลือกคนนี้ให้แต่งงานกับแกนั่นแหละ ส่วนเรื่องสินสอดทองหมั้นเรามาตกลงกันซะตั้งแต่ตอนนี้เลยดีไหมคะคุณจักรกฤษณ์คุณชิดจันทร์ " ประโยคแรกคุณหญิงฤทัยบ่นผู้เป็นลูกชายส่วนประโยคหลังถามฝ่ายเจ้าสาวอย่างเป็นกันเอง " คุณจักรกฤษณ์กับคุณชิดจันทร์มีตัวเลขในใจบ้างไหมคะ ทางเราทุ่มงบไม่อั้นอยู่แล้วค่ะเพื่อลูกสะใภ้คนเล็กของไมโลเวอร์ " " ทางเราไม่ได้จะเรียกร้องอะไรมากมายหรอกครับ แค่ขอให้สมน้ำสมเนื้อก็พอแล้วที่สำคัญอยากให้ทางนี้ให้เกียรติลูกสาวของเราก็พอแล้วครับ " ถึงแม้จะเป็นการแต่งงานเพื่อต่อยอดธุรกิจแต่จักรกฤษณ์ก็ยังเป็นห่วงความรู้สึกของลูกสาวเพราะดูท่าทางฝ่ายชายจะไม่สนใจลูกสาวของเขาเลยสักนิด " ถ้าอย่างนั้นดิฉันอยากได้เป็นงานหมั้นตอนเช้าและงานแต่งตอนเย็นเลยแล้วสินสอดจะให้เป็นแหวนเพชรสิบกะรัต ที่ดินห้าร้อยไร่พร้อมกับชุดเครื่องเพชรชุดใหญ่นะคะ " จักรกฤษณ์และชิดจันทร์ที่ได้ยินถึงกับตาโตไม่คิดว่าคุณหญิงฤทัยจะทุ่มสุดตัวเพื่อลูกสาวเขาขนาดนี้ ส่วนเนยหวานเองได้แต่นั่งเงียบๆรอฟังที่ผู้ใหญ่เขาคุยกัน จากทีแรกแค่คิดว่าจะมาดูตัวเฉยๆแต่ตอนนี้คงหนีไม่พ้นจะต้องแต่งงานกับเขาจริงๆแล้วสินะ " แล้วหนูเนยหวานอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมลูก " " ไม่ค่ะคุณหญิงป้า แค่นี้ก็ถือว่าเมตตาเนยมากๆแล้วค่ะ " เธอตอบกลับไปเพราะสิ่งที่คุณหญิงฤทัยให้มาก็มากเกินพอแล้ว เธอยังจะต้องขออะไรอีก " ดีแล้วลูก ถ้าอย่างนั้นเราเอาฤกษ์สะดวกเลยแล้วกัน แม่อยากให้แต่งกันเดือนหน้าเลยแม่อยากอุ้มหลานเร็วๆแล้ว " คำว่าอยากอุ้มหลานของคุณหญิงฤทัยทำเอาเนยหวานคิดหนัก เพราะเธอไม่ได้จัดเจนกับเรื่องแบบนี้มาก่อน พร้อมทั้งเธอยังไม่พร้อมที่จะเป็นของเขา แต่ถ้าถึงวันแต่งงานจริงๆก็คงเลี่ยงไม่ได้ " แม่ครับ ทำไมมันเร็วแบบนั้นล่ะครับ แล้วจะเตรียมตัวทันกันหรอ " เป็นมาร์ตินที่เอ่ยขัดขึ้นมา เพราะเขาไม่เห็นด้วยว่าการแต่งงานจะต้องรีบร้อนอะไรขนาดนั้นเขากับผู้หญิงคนนี้ยังไม่เคยคุยกันเลยสักคำ " เร็วที่ไหนกันละลูก ช้าไปต่างหาก ตั้งเดือนหน้า แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าแม่จะเตรียมตัวไม่ทันนะเพราะคนที่จะช่วยเหลือเรามีตั้งเยอะแยะ " " เอาเป็นว่าตามนี้แหละ แล้วพรุ่งนี้แกก็ต้องไปรับน้องเพื่อไปลองชุดด้วยนะ อย่าปล่อยให้น้องไปคนเดียวล่ะ " มาร์ตินถอนหายใจออกมาเพราะพูดอะไรไม่ได้เลย ถึงเขาพูดไปแม่ของเขาก็ไม่คิดจะฟังอยู่ดี " ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ " มาร์ตินลุกพรวดพราดพร้อมกับเดินออกไปจากวงสนทนานี้ทันที เขาไม่รู้ว่าเขาจะต้องอยู่ไปทำไม ในเมื่อพูดปฏิเสธไปทุกอย่างแล้วแต่แม่เขาก็ไม่ฟัง แม่ไม่กลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นเหมือนดารินสักนิด ดูใสๆใช่ว่าจะเป็นคนดีสักหน่อย บางทีแม่เขาอาจตามไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของครอบครัวนี้ก็ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD