“ท่านผู้พิทักษ์กฏแห่งราชวงศ์เอ๋ย ผู้ร้ายตัวจริงอยู่ตรงนี่แล้ว คนผู้นี้กล่าวความเท็จหลายครั้ง ทั้งยังไม่เคารพและทำการดูหมิ่นต่อตัวแทนปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์จิ้น มิทราบว่าท่านมีความเห็นเช่นไร? อีกทั้งท่านยังจะลงโทษคนบริสุทธิ์เช่นคุณหนูหลินฮวาโดยไม่คิดสอบสวนให้รอบคอบเสียก่อน ท่านมีความละอายใจหรือไม่?”
คำพูดนี้ของหลินซีแทงใจดำของผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันนัก
แลเห็นหลินซีเอ่ยคำพูดแทงใจดำ ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันพลันกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ พยามข่มอารมณ์โกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจพลางกัดฟันกรอดขณะกล่าววาจา
“พ่ะย่ะค่ะ…กระหม่อมสำนึกผิดแล้ว ทหารหลวงจับคุณชายหลินเสวี่ยนกงเอาไว้…”
หลินเสวี่ยนกงที่รู้ว่าตนถูกลอยแพเสียแล้ว ก็รีบตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
“ท่านลุงๆ ไม่ใช่ข้านะ…ปล่อยข้า ไหนท่านบอกว่าจะช่วยเหลือข้าในตอนที่เข้าไป อั๊ก…” ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันซัดพลังใส่หลินเสวี่ยนกงจนสลบไสล ไอ้เด็กเวรนี้นี่…คิดจะลากข้าเข้าไปพัวพันด้วยหรืออย่างไร?
“บังอาจมากที่กล้าหลอกลวงข้าที่เป็นถึงผู้พิทักกฏแห่งราชวงศ์หลานอันทรงเกียรติ ทหาร…เอาตัวคุณชายหลินเสวี่ยนกงไปคุมขังยังคุกใต้ตำหนักคุมกกฏ ข้าจะทำการสอบสวนอีกครั้ง…”
ครืด ครืด ครืด
เสียงไถลตัวของหลินเสวี่ยนกงที่ถูกทหารหลวงลากลงไปยังคุกใต้ตำหนักคุมกฏดังเป็นระยะ
ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันหลังจากลากตัวปัญหาออกไปได้แล้ว ก็หันมาโค้งคำนับหลินซีอีกรอบ เพื่อหวังจบเรื่องนี้
“กระหม่อมขออภัยในฐานะตัวแทนราชวงศ์หลาน ที่ทำให้ผู้แทนองค์ปฐมจักรพรรดิจะต้องมาสอบสวนด้วยตนเองเช่นนี้…”
หลินซีมองไปที่ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันด้วยสายตาเย็นชาประดุจทุ่งน้ำแข็ง บรรยากาศทั่วทั้งตำหนักหนาวเย็นอย่างฉับพลัน ซุ่มเสียงเย็นเยือกไร้ซึ่งอารมณ์ถูกเปล่งวาจาขึ้น
“เราดีใจที่ท่านผู้พิทักษ์กฏรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป ทว่าว่าเรื่องในครั้งนี้มันเกี่ยวพันกับชื่อของเมืองหย่งเฉินอันภาคภูมิ มันทำให้เรา…” หลินซีกวาดตามองผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันด้วยสายตาเยือกเย็น นิ้วเรียวลูบไปมาบริเวณพนักบัลลังก์
ปัง!
พนักบังลังก์แหลกละเอียด จากการทุบเพียงครั้งเดียวของหลินซี ทุกคนในโถงตำหนักคุมกฏสูดหายใจเฮือกใหญ่
“โกรธสุดๆ ไปเลยล่ะ…”
“ถะ…ถ้าอย่างนั้น มีอะไรที่จะให้กระหม่อมชดเชย ก็พูดมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปก็พอ…” ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันตัวสั่นผงกด้วยสีหน้าท่าทางวิตกกังวลอย่างสุดขีด ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปยังสาธารณชน เขาย่อมโดนไตร่สวนโดยราชวงศ์และมหาปุโรหิตแน่
“ฮืม มีอะไรมาเป็นหลักประกันให้เรากันเล่า…” หลินซีฉีกยิ้มกว้างท่าทางของนางตอนนี้คับคล้ายคับคลาแม่ค้าจอมขูดรีดก็มิปาน
ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันพลันชะงักอีกครา นางเด็กสุนัขจิ้งจอกนี่! เขาสบถด่าหลินซีอยู่ในใจ พลางถอดแหวนเทวาออกจากนิ้วมือของตนพลันยื่นให้หลินซีช้าๆ ด้วยใบหน้าเสียดาย
“กระหม่อมขอคืนแหวนวงนี้ให้แก่ท่าน…เพื่อเป็นหลักประกัน”
หลินซีรับแหวนเทวาจากผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับดูเจ้าเล่ห์พิกลนัก
“แต่เดิมแหวนวงนี้เป็นของตระกูลหลินอยู่แล้ว ฉะนั้นสิ่งนี้ไม่ถือว่าเป็นหลักประกัน…”
ผู้พิทักษ์กฏถึงกับปากอ้าตาค้างให้กับเล่ห์เหลี่ยมของหลินซี เขาคิดว่าเพียงแค่แหวนนี้ก็จะพอที่เป็นหลักประกันได้แล้ว ทว่าผิดจากที่เขาคาดเอาไว้ไปไกลนัก
มีหรือคนอย่างองค์หญิงไฉ่หลินที่เคยเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ในชาติก่อน จะยอมเสียเปรียบในการเจรจากับฝ่ายตรงข้าม ไม่มีทางอย่างเด็ดขาด!
“ทะ…ท่านต้องการอะไร โปรดเอ่ยออกมา…หากกระหม่อมมอบให้ได้ ก็จะมอบให้” ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันกล่าวเสียงตะกุกตะกัก เขารู้ตัวดีว่าไม่ใช่คู่ต่อกรเด็กสาวตรงหน้าในด้านปัญญา ดังนั้นจึงเลือกที่จะยอมแพ้แต่โดยดี
หลินซีเผยรอยยิ้มกว้าง ดวงเนตรสีทองกวาดมองร่างของผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันอยู่หลายครั้ง ทว่าสิ่งที่สะดุดตานางมากที่สุดเห็นจะเป็นกระบี่สีขาวดั่งไข่มุกที่เหน็บอยู่ข้างเอวของชายชรา
กระบี่เล่มนั้น…ภายนอกอาจจะดูเป็นกระบี่ธรรมดาสามัญทั่วไป ทว่าหลินซีที่เป็นยอดฝีมือกระบี่ในชาติก่อน เพียงแค่ปรายตามองแวบเดียว ก็รู้ได้ทันทีว่ากระบี่เล่มนั้น…คือกระบี่ชั้นเลิศ
เทพแห่งเมตตาช่างโปรดข้านัก…ท่านจงใจให้ตาเฒ่านั้นมอบกระบี่ให้ข้าใช่หรือไม่!
อา…ขอรับว่าด้วยความยินดี
“ข้าเป็นมือกระบี่ธรรมดาสามัญคนหนึ่ง มิทราบว่าผู้พิทักษ์กฏจะยินดีมอบกระบี่เล่มนั้น…ให้ข้าได้หรือไม่?” หลินซีเปล่งวาจาอ่อนโยนพลางชี้ไปยังประบี่สีขาวดั่งไข่มุกที่เหน็บอยู่ข้างเอวของผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลัน
ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันชะงักค้าง นางเด็กจิ้งจอกนี้…ต้องการกระบี่วายุโปรยปรายของข้า บัดซบสิ้นดี!
แลเห็นสีหน้าเขียวคล้ำของผู้พิทักษ์จิ้งหลัน หลินซีพลันเอ่ยอีกครั้งด้วยวาจาแข็งกร้าวทว่าก็แฝงความเจ้าเล่ห์ดั่งจิ้งจอกสาวรวมอยู่ในคำกล่าว “หากท่านไม่ยินดี…เราก็จะไม่บังคับฝืนใจ ทว่าหากเราออกไปจากตำหนักคุมกฏแล้ว อาจเผลอพลั้งปากพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ก็ได้นะ…”
เมื่อหลินซีเอ่ยเช่นนี้มีหรือที่ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันจะไม่ยินยอม เขาเดินไปมอบกระบี่วายุโปรยปรายของตนให้แก่หลินซีด้วยใบหน้าแดงก่ำดุจตูดลิง
ฝากไว้ก่อนเถอะ…นางเด็กจิ้งจอก! สักวันข้าจะเอาคืนเจ้าทั้งต้นและดอก
“เห็นแก่ท่านซึ่งเป็นตัวแทนราชวงศ์ เรื่องราวที่ผิดพลาดในวันนี้ ห้ามผู้ใดแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด…” หลินซีประกาศเสียงดังก้องไปทั่วทั้งโถงตำหนัก
เราประกาศออกไปแล้วนะตาเฒ่า…แต่ถ้ามีคนกล้าแพร่งพรายก็ไม่เกี่ยวกับเราล่ะนะ ฮ่าๆ
จากนั้นหลินซีหันไปทางหลินฮวาพลางส่งยิ้มให้เล็กน้อย
อย่างน้อยข้าก็ช่วยไว้ได้… ทว่ากฏก็ต้องเป็นกฏ คนทำผิดไม่อาจละเว้น มิฉะนั้นกฏจะไม่ศักดิ์สิทธิ์
“คุณหนูหลินฮวาแห่งสกุลหลิน” หลินซีกล่าวขึ้นพร้อมกับเปิดกฎของสำนักขึ้นมา
หลินฮวาสะดุ้งโหยงพลางมองไปที่หลินซีที่ทำหน้าตาเย็นชาก่อนจะตอบรับเสียงแผ่ว “เจ้าค่ะ…”
“ถึงท่านจะเป็นผู้บริสุทธิ์จากการใช้ศาสตร์ต้องห้าม แต่จากการกระทำซึ่งเกินกว่าเหตุจากการประลอง ทั้งยังบีบบังคับศิษย์ร่วมสำนักให้ออกจากสำนัก ซึ่งขัดกับกฎของสำนักศึกษาหลวงซ่างกู่ ที่ไม่อนุญาติให้ศิษย์สำนักตัดสินการกระทำโดยพลการ จะยินยอมที่จะรับโทษจากการขัดกฏของสำนักศึกษาหลวงซ่างกู่หรือไม่?”
หลินฮวาก้มหัวรับ นางผิดจริงๆ นางขอน้อมรับด้วยความยินดี พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีรับโทษเจ้าค่ะ…”
“จากกฎของสำนักศึกษาหลวงซ่างกู่ ท่านจะถูกลดระดับจากศิษย์บัวสีทอง เป็นศิษย์บัวสีเงิน และคำสัญญาที่เดิมพันไว้กับคุณหนูหลินซีด้วย” หลินซีเผยยิ้มอบอุ่นขณะกล่าวโทษของหลินฮวา
“คะ…คําสัญญา”
“เข็มกลัดอันนั้นน่ะ ท่านพี่จะให้น้องมิใช่หรือ? ห้ามผิดสัญญาเลยเชียว…”
หลินฮวายิ้มรับด้วยความยินดี
“พี่สัญญาแล้วนี่ ต้องให้อยู่แล้ว” หลินฮวาเอ่ยตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“เท่านี้การตัดสินคดีศาสตร์อัญเชิญต้องห้ามก็จบลง เชิญท่านผู้พิทักษ์กฏพิจารณาคดีของคุณชายเสวี่ยนกงแห่งสกุลหลินต่อ เราขอประกาศว่าคุณหนูหลินฮวาแห่งสกุลหลินเป็นผู้บริสุทธิ์จากคดีนี้ ขอปิดการพิจารณาคดีและขอยกเลิกฐานะของปฐมจักรพรรดิราชวงศ์จิ้น จนกว่ารัชสมัยใหม่จะเริ่มขึ้น”
สร้อยคอเทวาพลันเกิดแสงสว่างวูบวาบสีทองเรืองรองออกมา ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันขณะนี้มีสีหน้าอัปลักษณ์บิดเบี้ยว เขารีบเอ่ยปิดการพิจารณาคดี จากนั้นจึงเดินออกจากโถงตำหนักคุมกฏไปด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด
“การพิจารณาคดีจบลงแล้ว…เชิญทุกท่านกลับไปได้”
ปัง!
หลังจากผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันเดินจากไปไกลแล้ว หลิงมู่ก็ลุกขึ้นกระโดดเฮลั่นด้วยความสะใจ
“เฮ้! ตาเฒ่านั่นไปซะที”
“ดีใจด้วยนะ เสี่ยวฮวา…”
“รอดพ้นเสียทีนะ ศิษย์น้อง”
ในโถงตำหนักคุมกฏสหายของหลินฮวาและบรรดาศิษย์พี่ต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับหลินฮวา
แลเห็นเช่นนั้น…หลินซีพลันยิ้มที่มุมปาก ท่านพี่ฮวาก็เป็นที่รักของเพื่อนๆ เหมือนกันนี่นา
หลังจากหลินซีเห็นบรรยากาศค่อนข้างดีจากผู้คนรอบข้างของพี่สาวตนเอง นางก็ตัดสินใจจะเดินออกไปจากโถงตำหนักเพื่อไปพักผ่อน
เราใช้พลังงานไปมาก…เริ่มง่วงแล้วแฮะ!
ถึงต้องเสียสิทธิ์จากการใช้อำนาจของสร้อยเทวาก็ตามที ทว่าช่วยหลินฮวาได้สำเร็จก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว ทั้งยังได้จัดการหลินเสวี่ยนกงไปในตัว
ทว่ายามนี้ในใจของหลินซีกลับรู้สึกแปลกอยู่เล็กน้อย นางไม่อาจสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นระหว่างครอบครัวของตนเองเลย มันเหมือนกับว่าตัวนางเป็นแค่ส่วนเกินของวิญญาณของหญิงสาวจากภพอื่นที่หลุดเข้ามาอยู่ในร่างของหลินซีเท่านั้นเอง
ข้ากำลังเหงาอยู่งั้นเหรอ…ปรากฏรอยยิ้มเศร้าที่มุมปากของหลินซีขณะครุ่นคิดในใจ
“ท่านพี่หลินเยว่ น้องจะต้องไปเข้าเรียนแล้ว น้องยังไม่รู้เส้นทางของที่นี่มากนัก ท่านพี่ช่วยพาน้องไปยังห้องศิษย์ใหม่ของศิษย์บัวสีครามได้หรือไม่?”
หลินเยว่ที่กำลังปลอบพี่สาวฝาแฝดอยู่ก็ประหลาดใจในอารมณ์ที่เปลี่ยนไปรวดเร็วของหลินซี แต่ก็พยักหน้าแล้วลุกขึ้น
หลินฮวาเห็นดังนั้น จึงรีบเช็ดน้ำตาที่ใบหน้าพลางเอ่ยขึ้นอย่างเร่งรีบ
“ดะ…เดี๋ยวก่อน พี่ยังไม่ได้มอบเข็มกลัดบัวสีทองสามกลีบให้น้องเลย
“เอาไว้ทีหลังก็ได้ วันนี้น้องเหนื่อยมากแล้ว…” หลินซีเลือกที่จะบอกปัดๆ ไปอย่างไม่สนใจ ทว่าในจังหวะที่นางกำลังจะเดินออกไปจากโถงตำหนักคุมกฏ
ก็มีเสียงหนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิดดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“เสี่ยวซี…”