คำตัดสิน ( ๑ )

1951 Words
หลินเยว่เดินเข้ามาหาหลินฮวาพลางลูบศีรษะพี่สาวคนโตด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “พี่รอง” “ขอโทษที่มาสาย พอดีจะต้องคิดแผนสำรองเอาไว้น่ะ…” หลินเยว่รู้ว่าการตัดสินนี้จะต้องไม่ชอบมาพากลแน่นอน ทั้งหลักฐานที่มีอย่างประหลาด ฉะนั้นจึงรีบตามคนช่วยมาเสียหน่อย หลินซีเดินเข้าไปในห้องโถงตำหนักคุมกฏทีละก้าว…ทีละก้าว มือเรียวยาวพลันชูสร้อยคอสีเงินเงางาม ตรงกลางประดับอัญมณีสีทองเรืองรองดั่งดวงตะวัน สร้อยคอถูกชูขึ้นสูงเหนือศีรษะ ขณะที่ถ่ายเทพลังปราณลงไปในสร้อย ปรากฏแสงสว่างสีทองเรืองรองเจิดจรัสไปทั่วทั้งโถงราวกับแสงศักดิ์สิทธิ์จากสรวงสวรรค์ก็มิปาน วิ้ง! รัศมีพลังกดดันแดนสวรรค์ผันแปรขององค์หญิงไป่ยวี่ในอดีตแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตำหนักคุมกฎ กระทั่งพื้นที่กว่า 5 ใน 10 ส่วน ของสำนักศึกษาหลวงซ่างกู่ยังได้รับผลกระทบนี้ ทหารหลวงทรุดเข่าลงกับพื้นอย่างฉับพลัน กระทั่งผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันยังต้องโค้งหัวคำนับต่อสร้อยคอของปฐมจักรพรรดิราชวงศ์จิ้นในอดีต สร้อยคอทูตสวรรค์ สามารถยื่นคําร้องต่อราชวงศ์หลานได้หนึ่งครั้งต่อรัชสมัยของฮ่องเต้ราชวงศ์หลานไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม “ข้าในฐานะสายเลือดคนสุดท้ายของราชวงศ์จิ้น ขอคัดค้านการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมในครั้งนี้…” การมาของหลินซีทำให้สถานการณ์เปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก สร้อยคอของปฐมจักรพรรดิราชวงศ์จิ้นเปรียบเสมือนตัวแทนของฮ่องเต้ในราชวงศ์หลาน ดังนั้นจึงต้องเคารพเหมือนดั่งฮ่องเต้เสด็จมาที่นี่เอง ถ้าหากสร้อยคอทูตสวรรค์ถูกใช้ในการยื่นเข้าร้องเรียน ด้วยอำนาจของมันสามารถใช้คัดค้านการตัดสินได้และจะมีบทบาทในการตัดสินคดีอีกด้วย ทว่ามันมีข้อยกเว้นว่าสามารถใช้สิทธินั้นได้หนึ่งครั้งต่อหนึ่งรัชสมัยของกษัตริย์เท่านั้น นางเด็กบัดซบ! กล้าเอาสร้อยคอนั้นมาคัดค้านการตัดสินคดีเพื่อพี่สาวที่เกลียดตัวเองทำไมกัน? แผนการของข้าพังไม่เป็นท่าหมดแล้ว… แม้แต่คำเรียกก็ต้องเปลี่ยนไป ตอนนี้หลินซีเปรียบดั่งฮ่องเต้เมื่อใช้สิทธิของสร้อยคอทูตสวรรค์ “กระหม่อมผู้พิทักษ์กฏแห่งราชวงศ์หลาน ขอเคารพต่อตัวเเทนฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ ทว่ากระหม่อมเป็นตัวแทนของราชวงศ์หลานในการตัดสินคดีนี้ การตัดสินคดีนี้ถือว่าสิ้นสุดเเล้ว ดังนั้น…” “ข้าใช้คำว่าคัดค้านการตัดสิน แต่เจ้าพูดด่วนสรุปคดีเช่นนี้ ไม่เคารพในเกียรติของข้าหรืออย่างไร?” “กะ…กระหม่อมมิได้เอ่ยเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ” ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันสะอึก ตัวสั่นเทาอย่างประหลาด แม้ว่าสายเลือดราชวงศ์จิ้นจะไม่มีอำนาจดั่งเช่นในอดีต ทว่าผู้คนในแคว้นหลานที่รับรู้ถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานในอดีต ต่างซาบซึ้งในการเสียสละของปฐมจักรพรรดิคนแรกของราชวงศ์จิ้น ถึงขั้นมีรูปสักการะทั่วทั้งแคว้นหลาน กระทั่งลิทธิบางลัทธิยังสักการะบูชาพระองค์เปรียบเสมือนเทพเจ้า “เราขอตรวจสอบหลักฐานด้วยตนเองจะได้หรือไม่? ไม่ต้องกังวลว่าเราจะบิดพริ้วหรือปลอมแปลงอะไรทั้งนั้น เพราะเราคือตัวเเทนของปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์จิ้น ไม่มีทางที่จะให้เกียรติของราชวงศ์เสื่อมเสียอย่างแน่นอน” หลินซีเปล่งวาจาด้วยน้ำเสียงเย็นชาและทรงอำนาจประดุจปฐมจักรพรรดิจิ้นที่แท้จริงเสด็จมาด้วยพระองค์เองอย่างไรอย่างนั้น คนในโถงตำหนักคุมกฏต่างกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ แรงกดดันนี้ช่างหวาดกลัวยิ่งนัก! หลินซีเดินขึ้นไปที่บัลลังก์ของผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยสมกับดั่งที่เคยเป็นองค์หญิงในชาติก่อน ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันหลีกทางให้หลินซีในบัดดล ตอนนี้นางกลายเป็นผู้สอบสวนคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว อา….พี่สาวสุดสวยของน้อง เดี๋ยวเรื่องนี้น้องจะจัดการให้เอง หลินซีค่อยๆ นั่งพิจารณาหลักฐานของคดีความไปที่ละแผ่น…ทีละแผ่น เสียงพลิกกระดาษดังฉึบๆ ดวงเนตรสีทองคู่งามกวาดตามองหลักฐานอย่างละเอียดและถี่ถ้วน มีทั้งหลักฐานเรื่องการพูดจาว่าร้ายหรือกระทั่งทำรายร่างกายของหลินซี โดยมีหลินฮวาเป็นผู้กระทำ ทั้งหลักฐานการท้าประลองด้วยการขับไล่ออกจากสำนักศึกษาหลวง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนรวบรวมหลักฐานพวกนี้เอาไว้ได้รวดเร็วนัก น่าแปลกใจจริงๆ…ที่สามารถรวบรวมหลักฐานได้ละเอียดขนาดนี้ เเต่หลินซีรู้ดี… หลักฐานมันละเอียดมากเกินไปคล้ายกับว่าผู้รวบรวมหลักฐานตัวติดเป็นปลาท่องโก๋กับหลินฮวาอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งคนที่จะรวบรวมหลักฐานเช่นนี้ได้มีอยู่คนเดียวเท่านั้น… “น่าเหลือเชื่อยิ่งนักกับหลักฐานที่มีรายละเอียดมากถึงเพียงนี้ หลินเสวี่ยนกง” หลินซีกล่าวเสียงเย็นเยียบพลางเหลือบสายตามองไปยังหลินเสวี่ยนกงที่กำลังคุกเข่าอยู่ เมื่อโดนเอ่ยเรียก หลินเสวี่ยนกงสะดุ้งโหยงด้วยอย่างตกใจ ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เมื่อประสบกับสายตาเย็นชาดุจน้ำแข็งของหญิงสาวบนบัลลังก์ “กะ…ก็มันเป็นเรื่องจริง” หลินเสวี่ยนกงก้มหน้าก้มตาหลบสายตาอันเย็นชาของหลินซีขณะกล่าว “เรายังไม่ได้พูดอะไรเลย เจ้านี่ช่างตื่นตูมเสียจริง” หลินซีค่อยๆ ใช้นิ้วมือที่ขณะเคลือบไปด้วยลมปราณเคาะไปที่พนักบัลลังก์อย่างแผ่วเบา เสียงของมันทำเอาหลินเสวี่ยนกงเหงื่อตกโดยไม่รู้ตัว ตึก ตึก ตึก “หลินเสวี่ยนกง เงยหน้าขึ้นมา” หลินซีมองไปที่ร่างสั่นดุกดิกประหนึ่งลูกหมาตกน้ำของหลินเสวี่ยนกงด้วยสายตาเรียบเฉย ในใจนางพลันรู้สึกขบขันอย่างช่วยมิได้ “ขะ…ขอรับ” หลินเสวี่ยนกงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ทว่าพอเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้างามสะพรั่งดั่งเทพธิดาพลันเหงื่อท้วมใบหน้า ดวงเนตรเขียวมรกตพาดผ่านความหวาดผวาประหนึ่งเห็นมัจจุราชก็มิปาน “ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลัน ถ้าเราอยากจะสอบถามหลินเสวี่ยนกงคงจะไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่?” “ตราบใดที่ท่านถือสิทธิของสร้อยคอทูตสวรรค์ กระหม่อมก็ไม่มีสิ่งใดที่จะคัดค้านพ่ะย่ะค่ะ…” ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันก้มหน้ายอมรับอย่างพลางกล่าวภาวนาอยู่ในใจ อย่าพลาดเชียวล่ะ…หลินเสวี่ยนกง หลินซีค่อยๆ ก้าวเท้าลงจากบัลลังก์อย่างช้าๆ พลางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลินเสวี่ยนกงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม น้ำเสียงอ่อนโยนแฝงนัยยะบางอย่างเปล่งวาจากล่าวถามชายหนุ่มตรงหน้า “พี่ชาย…เรามาคุยเรื่องหลักฐานกันหน่อยเถิด หากท่านตอบความจริงออกมา น้องก็จะตัดสินด้วยความเป็นธรรมให้เอง…” หลินซีแม้เอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส ทว่าภายในจิตใจของหลินเสวี่ยนกงตอนนี้กลับรู้สึกหวาดกลัวต่อคําพูดเมื่อครู่นี้ประหนึ่งนี้เป็นคำพูดของเทพแห่งความตายอย่างไรอย่างนั้น “เอาล่ะนะ เริ่มจาก....” หลินเสวี่ยนกงสูดหายใจลึก เตรียมตอบคำถาม “วันนี้อากาศดีมากเลย ไม่คิดอย่างนั้นบ้างเหรอ…“ “เอ๊ะ…” หลินเสวี่ยนกงคาดไม่ถึงกับคำถามที่ดูจะไร้สาระนี้ของหลินซี “กรุณาตอบ!...” “อะ…เออ ดะ…ดีพ่ะย่ะค่ะ วันนี้อากาศแจ่มใสเป็นอย่างมาก” หลินซีค่อยๆ ถามไปเรื่อยๆ หลินเสวี่ยนกงก็พูดคำตอบคํา ทว่าคําถามส่วนใหญ่กลับไม่ใช่อย่างที่ตัวเขาคิด นางถามถึงสารทุกข์สุขดิบทั่วๆ ไป สาเหตุของความโกรธ ถามที่มาของตำราอัญเชิญต้องห้ามทำไมถึงให้หลินฮวาไป หลินเสวี่ยนกงค่อยๆ คลายความกังวล จากนั้นเริ่มพูดด้วยท่าทีปกติเช่นเดิม ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันอมยิ้มอยู่ภายในใจ อย่างไรก็เป็นแค่เด็กน้อย ข้านี่คิดมากไปเองจริงๆ จนกระทั่งถึงคำถามนี้… “ท่านพี่หลินเสวี่ยนกงนี่เก่งกาจจริงๆ ท่านรู้รายละเอียดของตำราดีไหมเจ้าคะ…” “เฮอะ…ข้าเป็นถึงผู้ใช้ศาสตร์การอัญเชิญอันดับหนึ่งของเมืองหย่งเฉิน ทั้งยังเป็นอัจฉริยะที่หายากที่สุดในรอบ 100 ปี ของตระกูลหลิน ไม่มีทางที่ข้าจะไม่รู้ถึงรายละเอียดข้างในหนังสือที่ล้ำค่าแบบนั้น” หลินเสวี่ยนกงลืมไปแล้วว่าตนเองกำลังพูดอยู่กับคนที่ถือฐานะตนเป็นตัวแทนฮ่องเต้ “ช่วยชี้แจงได้ไหมเจ้าคะ…” “ก็ตำราอัญเชิญต้องห้ามนั้นอย่างไรเล่า อ๊ะ…ลืมไปเจ้าคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสมันหรอก เพราะเจ้ามันไร้พรสวรรค์ยังไงล่ะ… เพราะแบบนี้แหละข้าถึงให้หลินฮวาไปท้าประลองกับเจ้า แต่ก็น่าสมเพชยิ่งนัก…น้องไร้ค่านั่นดันแพ้คนอย่างเจ้าฮ่าๆๆ …” แต่ละคนในโถงตำหนักคุมกฏต่างมีสีหน้าตกตะลึงจากคำพูดเมื่อครู่ของหลินเสวี่ยนกง หมายความว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนของหลินเสวี่ยนกงเอง… หลินฮวาร้องไห้ออกมาเงียบๆ ท่านพี่เสวี่ยนกงหลอกนางมาโดยตลอดงั้นเหรอ… ผู้พิทักษ์กฏหน้าบูดหน้าเบี้ยว ใบหน้าเขียวคล้ำ พลาดแล้ว…ไอ้โง่เสวี่ยนกง! “แต่ท่านพี่หลินฮวาสามารถอัญเชิญมารอสูรได้ทั้งๆ ที่อ่านตำราเล่มเดียวกันแท้ๆ แสดงว่าท่านพี่เสวี่ยนกงผู้เก่งกาจก็ยังมีบางอย่างที่ไม่สามารถทําได้ช่างน่าสมเพชจริงๆ” หลินเสวี่ยนกงพอได้ยินคำพูดดูถูกจากคนตรงหน้าก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ใบหน้าหล่อเหลามีเลือดสูบฉีดอย่างรุนแรงพลันลุกขึ้นชี้หน้าด่าทอหลินซีอย่างเกรี้ยวกราด ด้วยท่าทีร้อนรนของหลินเสวี่ยนกง ทำเอาหลินซีแสยะยิ้มออกมาประหนึ่งจิ้งจอกสาวกำลังเจอเหยื่อที่ตกหลุมพลาง พลางร่ายวิชาหนึ่งอย่างลับๆ โดยที่ไม่มีใครรู้ตัว “หุบปากไปซะ! ไม่มีทางที่ข้าจะไม่รู้เรื่องนั้นหรอกนะ ศาสตร์อัญเชิญต้องห้าม ข้าเป็นคนเขียนมันขึ้นมาและเขียนลงไปในหนังสือเล่มนั้นเอง ไม่มีทางที่นางเด็กอ่อนหัดนั่นจะอัญเชิญมันได้ เพราะการอัญเชิญมารอสูรมีเพียงข้าที่สามารถอัญเชิญได้เพียงผู้เดียว โดยใช้ช่องโหว่ของม่านพลังปราณในการอัญเชิญมันออก เพื่อฆ่าเจ้าอย่างไรเล่า ว๊ะ…ฮ่าๆ” “คุณชายใหญ่หลินเสวี่ยนกงแห่งสกุลหลิน สิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริงใช่หรือไม่?” “แน่นอนอยู่แล้ว ตัวข้าที่…” หลินเสวี่ยนกงที่กำลังจะโอ้อวด จู่ๆ พลันรู้สึกตัวอย่างฉับพลัน ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวขาวโพลนจนเห็นเม็ดเลือด ขะ…ข้าพูดอะไรออกไปกัน? เสียงปิดสมุดหลักฐานดังฉึบ หลินซีทำท่าจะเดินจากไป ทำให้หลินเสวี่ยนกงรีบคุกเข่าลงอีกครั้ง ไหลกว้างสั่นไหวพับพับอย่างไม่เป็นจังหวะ น้ำเสียงคล้ายหวาดผวาเปล่งวาจาขึ้น “มะ…เมื่อกี้ข้าไม่รู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป ขอ…ขอท่านอย่าพึ่งด่วน…” หลินเสวี่ยนกงไม่รู้จริงๆ ว่าเมื่อกี้ตนเองพูดอะไรออกไปกัน…คล้ายกับมีพลังงานแปลกประหลาดพุ่งเข้าสู่สมองของตนอย่างฉับพลัน ทำให้สติเลือนราง จนทำให้เอ่ยปากพูดอะไรต่อมิอะไรออกมาจนหมด “ท่านผู้พิทักษ์กฏแห่งราชวงศ์เอ๋ย ผู้ร้ายตัวจริงอยู่ตรงนี่แล้ว คนผู้นี้กล่าวความเท็จหลายครั้ง ทั้งยังไม่เคารพและทำการดูหมิ่นต่อตัวแทนปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์จิ้น มิทราบว่าท่านมีความเห็นเช่นไร? อีกทั้งท่านยังจะลงโทษคนบริสุทธิ์เช่นคุณหนูหลินฮวาโดยไม่คิดสอบสวนให้รอบคอบเสียก่อน ท่านมีความละอายใจหรือไม่?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD