“โอ๊ย!!!” ทีปกรร้องลั่น เมื่อรัญระวีย์ออกแรงผลักเขาจนล้มหัวฟาดขอบโต๊ะ เลือดสีแดงไหลอาบศีรษะของเขา
“มันจะเกินไปแล้วนะเว้ย!!!” ทีปกรพุ่งเข้าหารัญระวีย์ทันที เมื่อเขาตั้งหลักได้ เลือดที่ไหลออกมากระตุ้นความบ้าคลั่งในตัวของเขาให้ทวีมากขึ้นเป็นเท่าตัว
“ก็เข้ามาสิ คราวนี้ฉันก็ไม่ยอมแล้วเหมือนกัน” หญิงสาวหันไปคว้ามีดปอกผลไม้ขึ้นมาขู่ เธอไม่มีเวลามากพอจะมายืนต่อสู้กับเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้
“มึงไม่กล้าหรอก”
“มึงก็เข้ามาสิ จะได้รู้ว่ากูกล้าหรือเปล่า” สายตาของรัญระวีย์ในตอนนี้ ดุดันและหนักแน่นจนทีปกรเริ่มกลัว เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ตลอดเวลาที่คบกันมา 8 ปีที่ผ่านมา เขาค่อยๆ ถอยตัวออกไป รัญระวีย์เองก็เช่นกัน เธอถอยออกจากห้องครัว แล้วรีบวิ่งหลบออกมาจากบ้าน เพื่อเดินทางไปที่สถานีตำรวจ เธอคิดได้แล้วว่าควรจะแจ้งความไปเสีย ดูจากสภาพของสามีแล้วถามไปก็ไม่มีทางได้คำตอบอะไรและเสียเวลาเปล่า
ที่สถานีตำรวจ
“ฉันไปเฝ้าญาติที่โรงพยาบาลมา 2 วันแล้วค่ะ แต่เมื่อคืนนี้ก็ยังวิดีโอคอลคุยกับลูกอยู่ ยังนัดกันว่าเช้านี้จะมารอรับฉันที่หน้าบ้าน แต่พอมาถึงฉันก็ไม่เจอลูกอยู่ที่บ้าน”
“แล้วสามีของคุณไม่ได้ดูลูกเหรอครับ ถึงได้ไม่รู้ว่าลูกหายไปไหน” รัญระวีย์รู้สึกจุกอยู่ในอก เธอรู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกิน ที่ทนอยู่กับคนเฮงซวยแบบนั้นมาได้ตั้งนานเกือบ 10 ปี
“เขาไม่ค่อยสนใจลูกเท่าไหร่ค่ะ ฉันพลาดเองที่ทิ้งลูกไว้กับเขา” เธอตอบเสียงสั่น
“เอาเป็นว่าถ้ามีเบาะแสอะไร ผมจะแจ้งคุณไปก็แล้วกันนะ”
“คุณตำรวจจะไม่ออกตามหาเหรอคะ”
“วันหนึ่งมีเคสคนหายไม่ใช่น้อยนะคุณ ไหนจะเรื่องอื่นอีก พวกผมจะเอาเวลาที่ไหนไปตามหาลูกให้คุณ แล้วลูกคุณหายไปไหนคุณก็บอกไม่ได้ หายไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ มันไม่มีเบาะแสอะไรเลย” เหมือนว่าความหวังสุดท้ายของรัญระวีย์ก็จะดับวูบลงแล้วเช่นกัน เธอไม่รู้จะทำอย่างไรได้ สุดท้ายจึงต้องยอมเดินคอตกออกมา หญิงสาวเดินออกมาอย่างไร้จุดหมาย พยายามคิดว่าลูกจะไปอยู่ที่ไหน เด็กอายุเพียงแค่ 7 ขวบจะไปไหนไกลได้หรือ
รัญระวีย์เดินออกมาเรื่อยๆ เธอรู้ว่ากลับไปบ้านตอนนี้ไม่ได้แน่ และก็ไม่คิดจะกลับด้วย หากยังไม่เจอตัวลูกแบบนี้ เธอเริ่มโทรหาผู้ปกครองของเพื่อนร่วมชั้นของลูกชาย เพื่อถามว่าเมื่อวานนี้พวกเขาเห็นลูกชายของเธอบ้างหรือไม่
“ผมไปส่งน้องโชแปงที่บ้านเองครับ เห็นว่าเย็นแล้วไม่มีคนมารับสักที โทรหาพ่อเขาก็ไม่รับสาย ผมก็เลยอาสาไปส่งที่บ้าน” หลังจากที่รัญระวีย์พยายามโทรหาอยู่หลายสาย จนกระทั่งได้รู้ว่าสามีเฮงซวยของตัวเองละเลยลูกมากแค่ไหน
“ขอบคุณค่ะ ขอโทษที่รบกวนนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ แต่ว่าผมได้ยินเสียงพ่อน้องดุเอาด้วย ตอนแรกจะลงไปช่วยอธิบาย แต่กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดมากไปกว่านี้ ก็เลยไม่ได้ลงไป” รัญระวีย์พอจะเดาได้ ว่าทีปกรต่อว่าลูกอย่างไร เขาก็คงจะหาว่าคนที่มาส่งเป็นชู้ของเธอนั่นแหละ คนมาส่งถึงได้ไม่กล้าเข้าไปอธิบาย
ตอนนี้รัญระวีย์เริ่มสงสัยสามีของเธอแล้วล่ะว่า เขาทำอะไรลูกหรือเปล่า คนขี้เหล้าเมายาแบบนั้น อาจจะเผลอทำอะไรรุนแรงเข้าก็ได้
แต่ไม่ทันที่เธอจะได้กลับถึงบ้าน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาซะก่อน ตำรวจโทรเรียกเธอให้กลับไปที่โรงพัก เพราะมีคนมาแจ้งเบาะแสว่าเจอรองเท้า กับกระเป๋านักเรียนที่ด้านในมีสมุดการบ้าน ซึ่งเขียนชื่อของโชตินภัทรไว้ที่หน้าปก
รัญระวีย์รีบเดินทางไปทันที และยืนยันว่าของทั้งหมดเป็นของลูกชายเธอจริงๆ ทั้งยังจำได้อีกว่าเมื่อคืนนี้เธอก็คุยกับลูก โดยที่ยังเห็นว่าลูกสวมชุดนักเรียนอยู่
“มีคนเจออยู่ที่ริมคลอง ห่างจากหมู่บ้านของคุณไปสามซอย ของทั้งหมดกองรวมกันอยู่ที่ริมคลอง ตอนนี้ผมส่งกู้ภัยให้ตามหาแล้ว” รัญระวีย์รู้สึกใจหล่นวูบ และไม่เชื่อว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับลูกชายของตัวเอง เธอได้แต่ภาวนาว่าทุกอย่างมันจะไม่เป็นแบบนั้น แต่ก็เหมือนคำอธิษฐานจะส่งไปไม่ถึงพระเจ้า
หลังจากได้รับแจ้งเพียง 5 ชั่วโมง กู้ภัยก็ลมร่างของโชตินภัทรขึ้นมาได้ หัวใจของรัญระวีย์ดั่งถูกควักออกมาแล้วสับจนแหลกเป็นชิ้นๆ เธอร้องไห้จนแทบจะขาดใจอยู่ตรงนั้น เมื่อได้เห็นร่างไร้วิญญาณของลูกชาย...
และนั่นก็คือเหตุผล ที่รัญระวีย์เลือกที่จะกระโดดลงจากสะพาน ทิ้งตัวเองให้ดิ่งลงสู่ก้นแม่น้ำ หนีจากคำด่าทอของแม่สามีที่โทษว่าเธอเป็นสาเหตุทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น หญิงสาวได้ตัดสินใจแล้วว่า เธอไม่สามารถจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ถ้าต้องทนยอมรับความจริงที่แสนโหดร้ายนี้
แต่แล้วคำอธิษฐานของเด็ก 2 คน ก็ส่งให้เธอกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในร่างของลักษณ์นารา คำอธิษฐานของโชตินภัทรที่ขอให้แม่ของตัวเองได้เจอกับผู้ชายที่อบอุ่น และพร้อมจะดูแลแม่ของเขาให้ดีที่สุด อย่างที่รัญระวีย์ไม่เคยได้รับจากทีปกรพ่อของเขา
และคำอธิษฐานของขวัญวิวาห์ ที่ขอให้แม่ของเธอได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง กลับมาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ด้วยดวงจิตของลักษณ์นาราที่ไม่เคยมีแม้แต่ความเป็นแม่เลยสักนิดเดียว ทำให้ตอนที่ร่างของเธอถูกช่วยให้กลับมา ฟื้นขึ้นมาได้ด้วยวิญญาณของรัญระวีย์ที่มีความเป็นแม่อย่างแรงกล้า
ดวงจิตสุดท้ายของโชตินภัทรจากไปทันที เมื่อได้เห็นว่าแม่ของตัวเอง ได้โอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว และหวังเหลือเกินว่าครอบครัวใหม่นี้ จะช่วยมอบความรักและความสุขให้กับแม่ของเขา อย่างที่แม่ของเขาเคยมอบให้กับเขาตอนยังมีชีวิตอยู่ และหวังเหลือเกินว่าจะได้มองเห็นแม่ของตัวเองมีความสุขจากที่ไหนสักแห่ง คำอธิษฐานสุดท้าย ของเด็กชายที่อดทนเห็นแม่จมอยู่ในความทุกข์มาทั้งชีวิต...