สาบกุหลาบ ตอนที่ 3

1288 Words
"แต่แม่จ้ะ" เหมยกุ้ยผละออกจากอ้อมกอดของแม่ บางสิ่งที่เธอไม่ต้องการแม่ควรจะต้องรู้ไว้ "อะไรเหรอลูก" "ฉันไม่อยากมีผัวจีนผัวเจ๊ก ฉันอยากมีผัวเป็นคนไทย แม่ช่วยบอกเตี่ยที นะแม่นะ อย่าให้ฉันต้อง..." เธอนึกอยากบอกว่า “เหมือนแม่” ที่ต้องทำตามคำสั่งของเตี่ยทุกอย่าง ต้องแบกรับคำด่าทอกับวัฒนธรรมเมื่อแม่ไม่สามารถมีลูกชายสืบสกุล เพราะเธอเห็นตัวอย่างมากมายจากสองฝากฝั่งร้านตลาด ลูกสาวคนไทยถูกดูแลและเอาอกเอาใจประหนึ่งไข่ในหิน แม้จะไม่ได้เที่ยวท่องเหมือนลูกชายแต่เธอก็ยังมีเครื่องประทินผิวพร้อมเสื้อผ้าข้าวของตกแต่งอย่างมากมายก่ายกอง อย่างที่เธอไม่เคยมีเลยนอกจากชุดกี่เพ้าไม่กี่ชุดที่เตี่ยให้เงินไปซื้อผ้ามาตัดใส่เอง เธอจึงไม่อยากมีชะตากรรมเหมือนแม่อีกคน "แม่จะบอกเตี่ยให้ ป่านนี้แล้วเตี่ยยังไม่มาสงสัยว่าจะค่ำแน่ แล้วอย่านั่งนานนักล่ะยุงมันจะหามไปเสียก่อน อาบน้ำอาบท่าได้แล้วมั้ง มืดอย่างนี้คงไม่มีใครผ่านแล้วล่ะ" "จ้ะแม่" รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าพร้อมรับคำก่อนใบหน้าสวยหวานจะหันมองที่สุดขอบฟ้า เส้นแสงสีส้มที่เห็นเพียงนิดทำให้ทั่วทั้งบริเวณมืดดำทะมึนแต่ก็เริ่มมีเสียงไฟจากตะเกียงริบหรี่อยู่หลายครัวเรือน รวมทั้งแสงไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟที่ดั่งหึ่งมาจากปั้มน้ำมันปากทางคุ้งน้ำ ในย่านตลาดแห่งนี้ที่เตี่ยกับแม่พาเธอมาจอดพักเรืออยู่ใต้สะพานได้หลายสัปดาห์แล้วมากมายไปด้วยสิ่งน่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งเรือน้ำแข็งกั๊กที่เธอสามารถเทียบเรือสั่งซื้อก่อนที่คนงานวัยฉกรรจ์จะปาดแกลบเปียกที่ปกคลุมลำเรือออกเพียงส่วนหนึ่งเจาะกะเทาะน้ำแข็งหนึ่งมือตามที่เธอต้องการ เอาลงไปล้างคราบแกลบในคลองก่อนจะเอามาส่ง ซึ่งเตี่ยบอกว่าด้านท้ายเรือในครัวยังมีพื้นที่เหลือว่าจะต่อเป็นคอกพร้อมสั่งน้ำแข็งสักสิบกั๊กเอาแกลบหมักไม่ให้ละลายเพื่อเอาไปขายในย่านต่อไปในสัปดาห์หน้าด้วย หรือจะในร้านขายยาฝั่งตรงกันข้ามที่ตกแต่งร้านด้วยหินอ่อนขัดมันพร้อมห้อยพัดลมเพดานสีงาช้างที่เธออยากไปยืนซึมซับเอาความเย็นฉ่ำเฉพาะตรงจุดนั้นเมื่อครั้งแม่พาไปเจียดยามาต้มเร่งฤดูให้มาเป็นปกติ สองฝั่งซ้ายขวาของร้านเต็มไปด้วยลิ้นชักเครื่องยาไทยยาจีนและยาแผนปัจจุบันพร้อมสรรพ และในยามเย็นหากลมพัดมาทางนี้ก็จะได้กลิ่นเครื่องปรุงยาลอยลมหอมมาเป็นระยะๆ ถัดไปโน่นก็ร้านทองที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเธอ และได้มีโอกาสเข้าไปครั้งแรกก็ตอนที่โจรมาปล้นเรือแล้วแม่ต้องเอาทองที่เก็บซุกไว้ใต้กระดานเรือมาขายทำทุน คราแรกเตี่ยว่าจะพักเรือที่ตลาดแห่งนี้เพียงสองสัปดาห์จึงต้องเลื่อนออกไปเพราะทุนยังไม่พอ และต้องซื้อหาข้าวของที่จะขายเพิ่มเติมให้เต็มลำเรือก่อนที่จะล่องขึ้นไปปากแม่น้ำเพื่อไปนำสิ่งของเครื่องใช้จากทางโน้นล่องกลับมาขายทางนี้ และนี่ก็เป็นสาเหตุทำให้กว่าสัปดาห์แล้วที่เตี่ยกลับมาค่ำทุกวันเพราะต้องไปสรรหาข้าวของมาเพื่อลงเรือ เมื่อเตี่ยรู้ว่าแม่ซุกทองไว้ก็แทบจะตีแม่ตายเสียให้ได้แต่คงนึกรู้ว่าถ้าไม่มีทองเหล่านี้ก็คงจะหมดทุนก็เลยยั้งมือไว้ได้ โรงสีข้าว โรงน้ำมัน โรงน้ำแข็ง ร้านขายยา ตลอดจนร้านขายส่งผัก หมู ไก่ ผลหมากรากไม้ ที่จ้อกแจ้กจอแจในช่วงเช้ามืดเพราะผู้คนจากหลายหมู่บ้านจะพายเรือมาหาซื้อสินค้าเพื่อนำไปขายต่อในหมู่บ้านของตน ทั้งเรือของแม่ค้าที่นำสินค้ามาแลกเปลี่ยนหมุนเวียนกันก็มาก ตลอดจนเรือขายข้าวต้มเครื่อง ปากริมไข่เต่าและขนมหวานในยามค่ำคืน ทำให้ย่านตลาดแห่งนี้ตั้งแต่เวลาย่ำรุ่งไปจนถึงย่ำค่ำไม่เคยพบกับความเงียบเหงา มีเพียงในเวลานี้เท่านั้น เมื่อผีตากผ้าอ้อมลาลับความมืดมิดมาเยือน มีเพียงแสงตะเกียงจากครัวเรือนและแสงไฟจากโรงสี โรงน้ำมัน ซึ่งเป็นเวลาที่เธอจะได้อาบน้ำผลัดผ้าผ่อนที่ซึมซับเอาเหงื่อไคลจากการขายของมาตลอดทั้งวันให้เนื้อตัวได้สะอาดสะอ้าน เรือขายเกลือ กะปิ น้ำปลา ทำให้กะไอความเค็มเหมือนจะอยู่ติดเนื้อติดตัวหรือแม้แต่ปลายจมูกที่ทำให้เธอหายใจไม่สะดวกอยากออกมานั่งรับลมอยู่ที่หัวเรือทั้งวันทั้งคืน เรือนร่างอวบอัดตามวัยลุกขึ้นยืนก่อนจะพาตัวเองเข้าไปสู่ด้านในลำเรือเพื่อผลัดผ้าเตรียมอาบน้ำและท่าน้ำใต้สะพานก็คือสถานที่ที่เธอจะปล่อยกายปล่อยใจให้ล่องลอยอยู่ในสายน้ำ ถึงแม้เธอจะไม่ชอบอยู่ในเรือแต่หากการพาตัวเองลงไปว่ายวนอยู่ในน้ำก็ช่วยให้จิตใจฟุ้งซ่านของเธอสงบลงได้ "ผัวไทย" ถ้อยคำฟุ้งซ่านจากปากของลูกสาวทำให้เหมยฮัวนั่งไม่ติดพื้น ความคิดที่จะเตรียมกับข้าวไว้ตอนเช้าต้องชะงักลงไม่เป็นท่า เพราะเธอหยุดความนึกคิดของตัวเองไม่ได้ "ผัวไทย" ที่ลูกสาวอยากได้เธอได้ลิ้มลองมาแล้ว แม้ความสุขสมจะมาเยือนแบบไม่สุดแต่กลิ่นคาวคลุ้งก็เหมือนยังรับรู้ได้ติดปลายจมูก กลิ่นคาวที่ไม่ใช่ของผัวแก่ชาวจีนแต่เป็นผัวไทยที่เธอไม่รู้จักหน้าตา แม้ไม่เห็นหน้าแต่กลิ่นรำข้าวก็ทำให้รู้ว่าเป็นคนงานที่โรงสีอย่างแน่นอน น่าแปลกที่เธอไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับนายตำรวจที่มาสอบปากคำ หรือจริงๆ แล้วเธอหวังว่าจะได้กลิ่นนั้นอีกครั้งในอีกไม่นานนี้หรือก่อนที่เรือจะออกจากท่า ความร้อนรนบังเกิดจนอดรนทนไม่ไหว ร่างอวบอัดและสมส่วนตามวัยดอกไม้เบ่งบานเต็มที่ขยับกายซุกเข้าที่ซอกหลืบสำหรับเก็บข้าวของที่ไม่ได้ใช้งาน ท่อนขาขาวนวลเนียนแยกออกจากกันปล่อยให้ดอกเหมยฮัวเบ่งบานตามความต้องการที่ร้องประท้วง ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์น่าระทึกในวันนั้นดอกไม้บานยิ่งผลิตน้ำหวานออกมาอย่างมากล้น เหมยฮัวซูดปากขึ้นอย่างลืมตัวเมื่อนิ้วมือเล็กๆ เผลอสัมผัสหยาดน้ำนั้น เธอทนไม่ได้ที่จะไม่สัมผัส ทนไม่ได้ที่ต้องรอคอยจนกว่าจะถึงเวลาอาบน้ำในคลอง และทนไม่ได้จนกว่าเฮียย้งจะกลับมา เพราะความคิดจุดแรงปรารถนายั้งไม่อยู่เสียแล้วและมันก็ร้อนเสียจนนิ้วมือเอาไม่อยู่ ดวงตากวาดมองหาบางสิ่งที่จะช่วยมาเติมเต็ม อะไรก็ได้ที่จะมาต้านทานแรงบีบรัดของดอกเหมยฮัวได้อย่างพอดิบพอดี อะไรที่... เหมยฮัวคลานสี่ขาไปยังสุดสายตาที่มองเห็น ตะกร้าผักที่เธอทั้งซื้อและนำเกลือไปแลกมาเมื่อช่วงเช้าวางอยู่ที่ตรงนั้น แตงกวาลูกสั้น มะเขือยาวลูกเขื่อง หัวไชเท้าลูกโต และมะระจีนลูกยาวป้อม เหมยฮัวยิ้มราวสวรรค์ตกลงมาตรงหน้า มือสั่นเพราะความอยากรีบคว้าสิ่งที่พอเหมาะมือก่อนจะรีบคลานเข่ากลับมา ณ จุดเดิม  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD