“เอาเถอะอยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่าไปยุ่งกับงานในบริษัทของพ่อเธอก็พอ” นี่คือจุดประสงค์ของการเรียกมาคุย
“ทำไมคะ ทำไมอลิซจะยุ่งไม่ได้ ยังไงบริษัทก็เป็นของตระกูล อลิซเป็นหลานก็มีสิทธิ์เข้าไปทำงานเหมือนกัน” คนเป็นลูกอดจะตั้งคำถามไม่ได้ คิ้วทั้งสองข้างจึงขมวดเป็นปมในขณะรอคำตอบจากมารดา
“ไม่ต้องถามเยอะ ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
คุณหญิงฟองจันทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วสะบัดตูดเดินออกจากห้องนั่งเล่นแล้วหายไปทางลิฟต์ ทิ้งให้ลูกสาวนั่งน้ำตาคลอไม่เข้าใจทำไมยิ่งนับวันมารดาถึงทำตัวห่างเหินกับเธอเช่นนี้
ถ้าเลือกเกิดได้เธออยากไปเกิดในบ้านของแสนปิติอยากเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขา อยากมีแม่ชื่อแสนดีไม่ใช่ฟองจันทร์ บางครั้งเธอก็รู้สึกอิจฉาอินทิวา
ขนาดชายหนุ่มเป็นเพียงลูกบุญธรรมแต่ได้รับความรัก ความเอาใจใส่จากคนในตระกูลมหาโชคดำรงวรกุลอย่างเหลือล้น ถ้าเป็นลูกแท้ ๆ จะขนาดไหน ไม่อุ่นไปจนถึงร้อนเลยเหรอ
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ หลังจากเสียน้ำตาไปครู่ใหญ่กับความน้อยเนื้อต่ำใจ คนภายนอกอิจฉาครอบครัวเธอที่ดูอบอุ่นมีพ่อแม่ลูก
แต่ใครจะไปรู้ว่าทั้งหมดที่เห็นคือการสร้างภาพ ความอบอุ่นเหรออย่าได้หาจากบ้านหลังนี้ บ้านที่เห็นเงินสำคัญกว่าความรัก หรือ
จริง ๆ แล้วเธอเป็นแค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงบิดามารดาถึงได้ปฏิบัติกับตนเองแบบนี้
เมื่อถึงวันแต่งงานของแสนปิติกับเอรีน่า ครอบครัวณรงค์ฤทธิ์กิติพงษ์ได้เดินทางมางานแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันครบสามคนพ่อแม่ลูก ดูเป็นครอบครัวอบอุ่น พ่อหล่อ แม่สวย ลูกสาวน่ารัก ทำให้ใคร ๆ ต่างรู้สึกชื่นชมอยากมีครอบครัวอย่างนี้บ้าง
อลิซกลืนความเศร้าและความเหนื่อยใจกับการสร้างภาพของบิดามารดาลงคอหลังจากได้เห็นความน่ารักของหลาน ๆ ที่วันนี้แต่งตัวได้สวยหล่อกันทั้งคู่
เด็กชายวันพิเศษกับเด็กหญิงวันวิเศษคือสีสันของงาน ใครเห็นเป็นต้องหลงรัก ใครเห็นก็อยากขอถ่ายรูปด้วย อลิซเองก็ไม่พลาดเช่นกันที่จะเข้าไปถ่ายรูปกับสองพี่น้อง
หลังจากถ่ายรูปจนหนำใจเธอกวาดสายตาหาคนที่อยากเจอ แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนเธอก็ไม่เห็นเขา จึงขออนุญาตพ่อแม่ไปสูดอากาศข้างนอกงาน รู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูกกับการแอบรัก
หญิงสาวยืนสูดอากาศได้ไม่นาน หูก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากทางด้านหลัง เธอจึงหันกลับไปมองใบหน้าเศร้าค่อย ๆ มีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง เพราะคนที่มาเรียกคือคนที่เธอกำลังอยากเจอ แต่แล้วเธอก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นว่าอินทิวาไม่ได้เดินมาคนเดียว ก่อนจะทำตาโตตกใจกับการแนะนำของชายหนุ่ม
“นี่คือคุณหนูอลิซ ว่าที่ภรรยาผมครับคุณโฉม”
“ว่าที่ภรรยา! คุณอินกับคุณหนูอลิซ”
“ครับ เราสองคนจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้”
อินทิวาหันไปยิ้มให้อลิซก่อนจะเข้าไปโอบเอวเธออย่างถือวิสาสะ ในขณะที่หญิงสาวยังอยู่ในอาการมึนงง ไม่เข้าใจทำไมชายหนุ่มต้องพูดแบบนี้กับผู้หญิงที่เดินมาด้วยกัน
ชายหนุ่มไม่อยากให้แผนแตกจึงก้มลงเล็กน้อยแล้วกระซิบเบา ๆ ให้ได้ยินกันสองคน ถ้าดูจากมุมอื่นจะเห็นว่าอินทิวากำลังจูบแก้มคุณหนูอลิซในที่สาธารณะ และบังเอิญแถวนั้นมีนักข่าวสายบันเทิงยืนอยู่ด้วยจึงได้รูปเด็ด ๆ ไปทำข่าว
“จริงเหรอคะคุณหนูอลิซ”
โฉมสิริหรี่ตาจับผิด เธอเฝ้าอินทิวามาตั้งนานไม่เห็นจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของสองคนนี้เลย มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะแต่งงานกัน
สีหน้าตกใจของโฉมสิริทำให้อลิซนึกสนุกยอมทำตัวเป็นไม้กันหมาให้อินทิวา อีกอย่างชายหนุ่มต้องเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงอื่นไม่มีสิทธิ์แม้จะยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงได้อินทิวามาครอบครอง แต่เธอขอกำจัดคนพวกนี้ออกไปก่อน
“จริงค่ะ อลิซกับพี่อินเราจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้” หญิงสาวพยักหน้าหงึก ๆ ให้โฉมสิริหลังจากเงยหน้าขึ้นไปสบตาว่าที่เจ้าบ่าวมโนพลางยิ้มหวาน
อินทิวาถึงกับตาพร่าไปชั่วขณะเมื่อเจอรอยยิ้มหวาน ๆ เข้าไป ใจแกร่งมีเหรอจะไม่รู้สึกหวั่นไหว แต่เขาเก็บอาการเก่ง
“แต่ฉันไม่เคยเห็นข่าวการคบกันของคุณสองคนเลยนะคะ”
ยังไม่ยอมแพ้ โฉมสิริไม่เชื่อง่าย ๆ แววตาไม่เป็นมิตรจึงถูกส่งมาให้อลิซที่ยืนอยู่ในอ้อมแขนของอินทิวา ราวกับเป็นคู่รักกันจริง ๆ นับแต่เขาโอบเอวเธอก็ยังไม่ยอมปล่อยแม้แต่นาทีเดียว เนียนจนนักข่าวที่แอบดูอยู่ยังเข้าใจผิดไปด้วย
“เรื่องของคนสองคนค่ะ เราก็เลยไม่ได้ป่าวประกาศ จริงไหมคะพี่อินขา” เสียงสองก็มา อลิซตอกกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน แอบสะใจที่ได้เห็นใบหน้าซีดเผือดของคนตรงหน้า หลังจากที่อินทิวาเออออห่อหมก
“จริงครับ ผมหวังว่าคุณโฉมจะเข้าใจ ผมไม่ใช่คนโสด”
พูดเพียงเท่านั้นหญิงสาวที่มีนามว่าโฉมสิริก็สะบัดหน้าเดินหนีไปอีกทาง พร้อมด้วยความอิจฉาริษยาและความสงสัยถึงความสัมพันธ์ของสองคนนี้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่อินทิวากับคุณหนูอลิซคบกันแล้วคนในวงการไฮโซจะไม่รู้ มันต้องมีอะไรในกอไผ่!
“ไปได้ซะที ผู้หญิงอะไรไม่รู้น่ารำคาญที่สุด” อินทิวาเอ่ยอย่างหัวเสีย โชคดีที่เขาเดินมาเจอคุณหนูอลิซจึงใช้เธอเป็นไม้กันหมา
“เมื่อกี้พี่อินบอกว่า ถ้าอลิซช่วยสลัดปลิงตัวนี้ออกไปได้ พี่อินจะยอมอลิซทุกอย่าง ถูกต้องไหมคะ”
ไม่ทันไรอลิซก็ทวงถามในสิ่งที่อินทิวากระซิบบอกด้วยน้ำเสียงเป็นต่อ แววตาเจ้าเล่ห์ราวกับคนมีแผน อินทิวากระซิบบอกว่า หากเธอเป็นไม้กันหมาสำเร็จ ไม่ว่าเธออยากได้อะไรเขาก็จะหามาให้ทุกอย่าง
“ครับ ขอบคุณที่ช่วยผม”
“ยินดีค่ะ เรื่องแค่นี้สบายมาก”
“แล้วคุณหนูอลิซอยากได้อะไรครับ”
“แน่ใจนะคะว่าพี่อินให้อลิซได้”
“ครับ เชิญพูดมาได้เลย”
“อลิซต้องการเจ้าบ่าว”
“ฮะ! อะไรนะครับ”
“เจ้าบ่าวค่ะ ย้ำอีกครั้งนะคะ เจ้าบ่าว”
“คุณหนูอลิซอยากได้เจ้าบ่าว”
“ค่ะ อลิซอยากได้พี่อินมาเป็นเจ้าบ่าว”