ตอนที่ 2

1715 Words
คุณชีลาพรเดาเอามาจากความรู้สึก และภาพต่างๆที่เคยเกิดขึ้นกับคุณดนุกิจ สามีของเธอ ในสมัยเขาเป็นหนุ่มๆ เลิกคิดถึงเรื่องพวกเด็กๆเถอะเธอว่า หันเหเอาเวลาไปใส่ใจเรื่องกับข้าวเย็นนี้จะดีกว่า เพราะยังไงเสียชีวิตมนุษย์คงต้องเป็นไปตามครรลองคลองธรรมที่ดำรงอยู่ มาณวดีคิดว่าเธอไม่ผิด ธารนาถมาขอความรักจากเธอ มันรวดเร็วเกินไป หล่อนยังให้เขาไม่ได้ ถ้าให้ความเป็นเพื่อน ดุจเดิมนั้น ไม่ยากเท่าไหร่ แต่ธารนาถทำท่าว่า เขาอยากให้ความสัมพันธ์ของหล่อนกับเขาลึกซึ้งมากกว่านั้น จะว่าไปนั้น มาณวดีไม่ได้อดอยากเรื่องผู้ชายเลย หล่อนมีผู้ชายอื่นให้เลือกมากมาย ธารนาถไม่ใช่ผู้ชายในสเปกต์ของหล่อน ที่หล่อนตัดสินใจ ไม่อยากให้เขาคิดไปไกลมากกว่านั้น กลายเป็นว่าหล่อนสร้างความหวังให้เขา พอเขาเจ็บปวดผิดหวัง เขาต้องมาโทษหล่อน มาณวดีห้ามจิตใจของเขาไม่ได้ด้วยสิ เดือนมาลย์น้องสาวของหล่อน เห็นท่าทีหงุดหงิดของพี่สาวเลยเข้ามาถาม “ พี่ไหม เป็นอะไรไปคะ ท่าทางไม่สบายใจ ถูกคุณนุชิต อำเอาหรือคะ หรือถูกเขาเบี้ยวนัดทานข้าวอีก ” กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของมาณวดีหายหงุดหงิด เมื่อถูกน้องสาวกระทุ้งถามอย่างคนที่สนใจเต็มที่ มาณวดีแทบจะแหววเอ็ดเสียงใส่น้องสาวด้วยซ้ำ “ นี่ อย่าถามได้ไหม เธอนี่ ช่างซอกแซกรู้ไปหมดทุกอย่าง ” ก็ไม่แปลกหรอกที่เดือนมาลย์ จะรู้ไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง พี่สาวของหล่อนลืมไปแล้วหรือไง ในเมื่อทุกครั้งที่มาณวดี มีเรื่อง ไม่สบายใจ ก็มักจะระบายออกมา ให้น้องสาวอย่างหล่อนฟัง ทำเป็นลืมไปได้ พูดออกจากปากเองนี่นา ก็ต้องทำให้เดือนมาลย์รู้เรื่องพี่สาวคนนี้ดีที่สุด นี่เป็นความผิดของเธอด้วยหรือ เดือนมาลย์คิด เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รอง แถมยังต้องเอากระดูกไปแขวนคอเสียอีก เวลานี้มาณวดีพี่สาวของเธอคงอารมณ์ไม่ดี เดือนมาลย์ก็ไม่อยากพูดต่ออีก ปล่อยให้พี่สาวอยู่คนเดียวเถอะ วันนี้เดือนมาลย์หรือยายเดือนของใครๆ ตื่นเช้ามาพบกับบรรยากาศแจ่มใสสว่างไสวที่สุด มีแต่พี่สาวของหล่อนนี่แหละที่ทำหน้าตาบูดบึ้งคนเดียว ทำหน้าตาเหมือนกับถูกแฟนทิ้ง เดือนมาลย์คิดไปเรื่อยเปื่อย เพราะว่าขี้งอนมากเกินไป พลอยทำให้เธออารมณ์ดี เบิกบานด้วย จึงได้มาเดินเที่ยวทัก ใครต่อใครภายในบ้าน แต่มาเจออารมณ์ขี้หงุดหงิด น้อยใจของพี่สาวนะสิ เดือนมาลย์พยายามเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วงแท้ๆ ช่างเถอะ พี่ไหมของเธอก็เป็นอย่างนี้แหละ เดือนมาลย์เองก็ไม่อยากถือสาหาความ พอจะรู้อารมณ์ขึ้นๆลงๆของพี่สาวดีถ้าดีเป็นปกติ หายงอนเมื่อไหร่ คงจะได้คุยกัน เกลียดคนมีความรัก และเกลียดตัวเองยิ่งนัก เมื่อไหร่หนอเขาจะพ้นจากบ่วงความรักนี้ได้ ให้ลืมมันนะหรือ เขาไม่สามารถลืมมันได้ง่ายๆหรอก ทำไมเขาต้องรักมาณวดี ผู้หญิงคนนั้น ไม่มีหัวใจให้แก่เขาสักนิด น้องชายของเขาพูดถูก ผู้หญิงก็ไม่ได้ไร้เท่าใบพุทรา เขานึกทบทวนคำพูดศิวันต์ที่ว่ากล่าวถึงตัวเขาว่าศิวันต์เห็นเขาไม่ร่าเริง เหมือนเขานั้นไม่เป็นตัวของตัวเอง หมกมุ่นทุ่มเทให้กับสิ่งเหล่านั้นเกินไป สิ่งเหล่านั้นที่เขาเรียกว่าความรัก แล้วเขาก็ผิดหวัง มันเป็นความผิดหวังอย่างมากแต่น้องชายร่าเริงแจ่มใส ยิ้มได้ทั้งวัน เย้าคนโน้นหยอกคนนี้ ก็เพราะมันไม่เคยพบพานความรักที่ผิดหวังอย่างเขาไง คนที่ไม่เคยอยู่ในภาวะคนผิดหวัง พูดกล่าวยังไงก็คงไม่เข้าใจ ถ้าไม่โดนเข้ากับตัวเอง แม้ศิวันต์จะเย่อหยิ่ง ความมั่นใจของตนเองสูงมากเกินไป มันสูงเสียจนพี่ชายอย่างเขาห้ามปรามไม่ไหว เมื่อถกเถียงกันเข้ากลายเป็นเรื่องทะเลาะ จึงเป็นไม้เบื่อไม้เมากันอย่างนี้ ทำไม ธารนาถจะจดจำไม่ได้ ทุกครั้งที่น้องชายว่าแดกดันพูดกระทบแบบประชดใส่เขา บ้านนี้มีลูกชายสองคน รักกันเป็นบางครั้ง แต่เกลียดกันมีมากกว่า มันเหมือนกับว่า เป็นเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เวลานี้ธารนาถเหมือนคนอกตรมขมใจเป็นอย่างมาก คิดเรื่องระหว่างพี่กับน้อง เกิดมาเป็นลูกพ่อแม่ท้องเดียวกัน ยังต้องการเอาชนะคะคานกันร่ำไป เขานั้นลองได้ยอมแพ้ศิวันต์ซิ มันจะได้ข่มเอาข่มเอา จะว่าไปธารนาถว่าตัวเองก็ไม่ใช่ย่อยหรอก ทั้งคู่ก็แสบพอๆกัน เหมือนขิงกับข่า เจอกันมีแต่เรื่องที่ทำให้พ่อแม่ปวดเศียรเวียนเกล้าไปตามๆกัน “นาถ ตื่นแล้วหรือยังลูก ” เสียงปลุกเรียกเขา ทำให้ธารนาถงัวเงียตื่น “ครับ ตื่นแล้ว ” เขาตะโกนตอบออกไปเบาๆ ในเช้าตรู่ที่ตนเอง อยากหลับนอนต่อมากกว่า อยากจะลุกตื่น เพราะยังอยากหลับสบาย “ ลงมานี่หน่อยสิลูก ” เป็นเสียงของมารดาทำให้จำเป็นจะต้องตื่น มารดาคงมีธุระสำคัญถึงเรียกแต่เช้า แล้วเจ้าวันต์น้องชายของเขาล่ะ ป่านนี้คงหลับอยู่ ศิวันต์กับเขาแยกอยู่กันคนละห้อง ห้องใครห้องมัน ยิ่งทั้งคู่เป็นหนุ่ม อยากอยู่เงียบๆ ในห้องส่วนตัว ธารนาถเพิ่งโผเผออกมาเปิดประตูห้อง เห็นผู้เป็นมารดายืนอยู่หน้าห้อง ที่จริงท่านน่าจะให้คนใช้มาปลุกก็ได้ แต่นี่ถึงกับเดินขึ้นมาปลุกเอง แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญ และคนใช้อาจจะไม่อยู่ในบ้าน อาจจะถูกคุณแม่ไหว้วานให้ไปซื้อของหน้าปากซอย ซึ่งมีตลาดเล็กๆอยู่ตรงนั้น “ ที่จริง คุณแม่ ให้เด็กกรองมาปลุกผม ก็ได้ ครับ ไม่น่าจะลำบากขึ้นมาเองเลย ” คุณชีลาพรยิ้มให้กับบุตรชายคนโต “ แม่ ใช้ให้เด็กกรอง ออกไปซื้อของที่ตลาดนะลูก เลยต้องขึ้นมาเอง ” พอดีธารนาถนึกถึงบิดาได้ เขาเอ่ยถาม คาดว่าบิดาคงขับรถออกไปทำงานแล้ว ที่ทำงานของบิดาอยู่ไกล จำเป็นต้องขับรถออกไปทำงานแต่เช้าทุกวัน อันเป็นกิจวัตรประจำวันปกติ เพราะบิดาทำงานที่บริษัทอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นผู้จัดการฝ่ายผลิต โรงงานตั้งอยู่แถวๆ อ. พระสมุทรเจดีย์ สมุทรปราการ เลยพระประแดงไปอีก ท่านเป็นคนที่ขยันขันแข็ง ทำการงานเลี้ยงครอบครัว คุณชีลาพรเป็นเพียงแต่แม่บ้านเท่านั้น สามีไม่ให้ออกไปทำงาน แต่ให้อยู่กับบ้าน มีหน้าที่ทำกับข้าวเลี้ยงดูลูกชายวัยรุ่นทั้งสองที่กำลังเติบใหญ่ อยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อขณะนี้ บางครั้งรู้สึกเบื่อ คุณชีลาพรเองมีความรู้ด้านภาษาอังกฤษ เมื่อก่อนเองก็เคยเป็นครูสอนภาษามาก่อน ที่สถาบันเดิม เมื่อครั้งก่อนแต่งงาน สอนมานานเกือบห้าปี พอแต่งงาน สามีสั่งให้อยู่กับบ้านเพียงอย่างเดียว เขาจะทำหน้าที่เลี้ยงดูคนทั้งบ้านเอง เงินเดือนหกหมื่นกว่าของสามี เหตุที่ได้มากอย่างนั้น เพราะว่า เจ้าของโรงงานกับสามีนั้น เป็นเพื่อนกันมาก่อน ชื่อ คุณ วิมิตร คุณชีลาพรเองก็เคยพบหน้าหลายครั้ง เมื่อถึงวันหยุดของสามี หรือวันลาพักร้อนประจำปี กับไปสังสรรค์ สามี คุณ ดนุกิจก็พาไปพบเจ้านายของเขากับภรรยาที่บ้านพักแถวๆสมุทรปราการ บ้านของคุณวิมิตรกับ ศรีสุภาผู้เป็นภรรยา นับได้ว่า เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ สมกับฐานะเจ้าของ ที่มีราคาไม่ต่ำกว่า สามร้อยล้าน ฐานะความเป็นอยู่ เข้าขั้นระดับมหาเศรษฐีคนหนึ่งในเมืองไทย เมื่อคุณชีลาพรเบื่อและเหงามาก เอไม่อยากปล่อยให้ความรู้ในสมองของเธอเสียเปล่าประโยชน์แค่ผ่านไปวัน วิชาในสมัยที่เธอเรียน คือ ภาษาอังกฤษ ถ้าไม่อ่าน ไม่ท่อง ไม่เขียน ก็ไม่จำ อาจจะลืมไป เป็นการรื้อฟื้นความรู้ดี อีกอย่างสถาบันสอนภาษาที่เดิม ก็ติดต่อกลับมาให้ไปทำ อยู่ตลอดเวลา เพราะขาดคน อีกอย่าง ขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถด้านภาษาการสื่อสารภาษาอังกฤษที่เก่งกาจอย่างเธอ คุณชีลาพรเองจบการศึกษาจากประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อสามสิบปีก่อนที่รัฐอริโซน่า ก่อนจะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยเลย เป็นครูสอนหนังสือ ตอนนั้นรักกันอยู่กันคุณดนุกิจ ผู้เป็นสามี รักกันตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือด้วยกัน เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน พอจบชั้นมัธยมก็พัฒนากลายเป็นความรัก ก่อนเธอจะบินไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศ คุณดนุกิจขอจองเอาไว้ก่อน ด้วยการหมั้น และคุณชีลาพรทำตามสัญญาเป็นอย่างดี ตอนนั้นคุณดนุกิจ บินไปเยี่ยมที่อเมริกาสองสามครั้ง เมื่อจบกลับมาจึงได้แต่งงานกันตามความคาดหวัง และปลูกสร้างเรือนหอกัน ณ บ้านหลังนี้ คุณชีลาพรชี้ให้บุตรชายดูบานกระจกที่เหมือนจะถูกของแข็งทุบจนแตกกระจาย เศษแก้วกระจายอยู่บนพื้น เธอยืนห่างๆ ดีนะที่เธอตื่นขึ้นมาแต่เช้า ลงไปเดินสำรวจดูหลังบ้าน และภายนอกของตัวบ้าน จึงเห็นสิ่งผิดปกติ ว่าจะเป็นขโมยหรือเปล่า ธารนาถนึกว่าอะไร ตรงนี้เป็นมุมทึบ ติดกับห้องน้ำ พวกคนใช้เองไม่ได้สนใจมากนัก เพราะครัวอยู่ข้างใน บริเวณนี้ติดกับห้องเก็บของ มันแตกจนเป็นรูกว้าง แบบนี้ไม่ธรรมดา เขาจึงรู้เหตุที่มารดาเรียกเขาลงมา เพราะว่า บนบ้านไม่มีใคร บ้านหลังนี้มีแต่ผู้หญิง ส่วนผู้ชายก็คือเขาและน้องชายเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD