Twenty-four-seven Restaurant in University
"กูว่า น้องพอใจน่าจะงอนมึงรึเปล่า ก็มึงเล่นไปเมืองนอกไม่ลาน้องสักคำ อีกอย่างนะมึงก็ทุบบ้านทิ้งแล้วยังทำเป็นสวนอีก เหมือนตั้งใจหนีน้อง"
ที่ลมหนาวพูดมามันก็มีเหตุผล พอใจอาจจะงอนเขาก็ได้แต่ที่เขาทำแบบนั้นเพราะความจำเป็นต่างหาก เขาต้องไปต่างประเทศกะทันหัน แม้จะต้องไปนานหลายปีก็ตามแต่เขาก็ยังไม่ลืมพอใจ เขาจงใจทุบบ้านทิ้งแล้วสร้างสวนสาธารณะ เพื่อให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยอยู่ใกล้ๆ พอใจยี่สิบสี่ชั่วโมง แม้ว่าเขาจะมีละเลยเธอบ้างตามประสาผู้ชาย
ก็ตอนนั้นเขาตั้งยี่สิบสามแล้วนะ มันก็ต้องมีบ้างที่จะละเลยเด็กที่อายุเพียงแค่หกขวบ เขาใช้เวลารู้จักและสนิทกับเธอจนกระทั่งตัวเองอายุยี่สิบห้า แล้วก็ทิ้งทุกอย่างไปต่างประเทศเพื่อทำธุรกิจของพ่อ ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจของตัวเองไปด้วยจนได้ดิบได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้ มีบ้างที่เขาจะให้ลมหนาวช่วยแวะดูพอใจเวลาที่อยู่ดีๆ เขาก็นึกถึงเธอขึ้นมา ละแวกบ้านของลมหนาวก็ไม่ได้ไกลไปจากบ้านของเขาเท่าไหร่เพราะหลังบ้านของทั้งสองคนชนกันถึงจะอยู่คนละซอยก็ตาม
"แต่น้องพอใจแม่ง ยิ่งโตยิ่งสวยวะ เสียดายเนอะพวกเราแม่งเกิดเร็วไป"
เขาไม่เคยคิดข้ามเส้นกับพอใจเลย ตอนนั้นเขาจำได้ดี วันที่เจอเธอครั้งแรก เขากำลังยืนสูบบุหรี่ และคุยโทรศัพท์กับสาวที่เพิ่งไปกินตับมาในช่วงดึกอยู่ที่สนามหญ้าหลังบ้าน อยู่ๆ ก็มีเด็กที่ไหนไม่รู้วิ่งมาถึงก็เกือบจะชนเข้ากับโต๊ะกลางสนามดีนะที่เขาคว้าเด็กตัวเล็กเอาไว้ได้ทัน
เด็กคนนั้นหน้าตามอมแมม และมีเค้าโครงความสวยที่โดดเด่นเลยทีเดียว ดวงตาของเธอกลมโต คิ้วของเธอเข้มอย่างพอดี จมูกเธอโด่ง และปากเธอเล็ก สองแก้มมีแต่คราบน้ำตาน้ำมูกผสมกัน ผมเผ้าของเด็กน้อยก็เหมือนจะไม่ค่อยได้หวี เธอใส่เสื้อยืดเก่าๆ ขาดๆ และกางเกงขาสั้นที่มัดยางเอาไว้ที่ด้านข้าง
'วิ่งดูทางหน่อยสิ เดี๋ยวก็เป็นอันตรายหรอก'
นั่นคือคำแรกที่เขาพูดกับเด็กน้อย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าบ้านคงจะอยู่ในชุมชนแออัดนี้อย่างแน่นอน ตอนแรกที่เห็นเธอวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาในเขตบ้านของเขาก็ว่าจะว่ากล่าวตักเตือนเธอสักหน่อย แต่พอได้เห็นสภาพของเธอแล้วก็ว่าเธอไม่ลง อยู่ๆ ก็รู้สึกสงสารเธอขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
เธอเป็นคนไม่ค่อยพูดในตอนแรกๆ ถามว่าหนีอะไรมาก็บอกเพียงแค่หนีพ่อมา หลังจากนั้นเวลาถามอะไรเธอก็ไม่ค่อยบอก เขาก็คิดเอาเองว่าที่เธอไม่บอกเพราะมันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร จนกระทั่งวันหนึ่ง เด็กน้อยคนนี้วิ่งหน้าตาตื่นมาที่ประตูหลังสวนที่เดิม เป็นประตูที่เขาสั่งคนงานเอาไว้ว่าถ้าน้องพอใจมาให้เปิดประตูต้อนรับได้เลย
แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก!
'พี่เข็มทิศ'
'พี่เข็มทิศ'
เข็มทิศรีบดับบุหรี่ทันทีที่ได้ยินเสียงใสๆ ของพอใจวิ่งเข้ามาใกล้เขาเรื่อย เขาหันไปเห็นสภาพของเด็กน้อยที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยร้อยฟกช้ำจากการถูกเฆี่ยนตี
'พอใจ ทำไมเนื้อตัวเป็นแบบนี้'
เด็กตัวเล็กแค่นี้เอง น้องเพิ่งจะตัวสูงแค่เอวเขาเท่านั้นเอง ทำไมถึงได้ผอมแห้งมีแต่หนังติดกระดูก ร่างกายของพอใจฟกช้ำไปทั่วตัวจนเข็มทิศเองยังอดสงสัยไม่ได้ พอใจไม่ค่อยเอ่ยขออะไรเขา ไม่เล่าเรื่องอะไรทั้งนั้น แต่วันนี้ วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอเอ่ยขอร้องเขา
'พี่เข็มทิศคะ พ พอใจมีเรื่องอยากจะ ข ขอร้องได้มั้ยคะ'
เด็กน้อยทรุดเข่าลงนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของเขา สองมือของเธอยกขึ้นกระพุ่มไหว้ และกำลังจะโค้งตัวลงกราบแทบเท้า ดีนะที่เข็มทิศไหวตัวทันรีบจับตัวพอใจให้ยืนขึ้น เขายกตัวเธอให้นั่งลงที่ตักของเขา ใช้นิ้วหัวแม่มือของเขาซับน้ำตาให้เธอ ตัวเธอสั่น ไม่รู้เพราะหิว หรือกลัวอะไร
'ใครแกล้งพอใจ บอกพี่สิ พี่จะไปจัดการให้'
'คะ คือ พ พอใจ'
'แป๊บ' เข็มทิศหันมองซ้ายมองขวาก่อนจะยกมือกวักเรียกแม่บ้านที่เดินเข้ามาหาเขาอย่างสุภาพ
'เธอไปเอาข้าวพร้อมกับข้าวมาที่นี่ชุดนึง เอ่อ เอาพัดลมมาเปิดด้วย'
'ค่ะคุณเข็มทิศ'
แม่บ้านสาวเดินออกไปแล้ว เหลือเพียงแค่เข็มทิศกับพอใจนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตักแกร่งของตัวเอง เขาทำแบบนี้ตั้งแต่ที่รู้สึกว่าตัวเองกับพอใจนั้นเริ่มจะสนิทกันมากขึ้น แม้ว่าพอใจจะยังไม่เคยเล่าอะไรให้เขาฟัง แต่ทุกครั้งที่เธอวิ่งมาหาเขาเธอจะมาในสภาพที่ดูไม่เคยได้เลยสักครั้ง และเขาเองก็ไม่ได้ถามอะไรเธอมาก ด้วยความเอ็นดูเข็มทิศจึงมองเห็นว่าเธอเป็นเพียงแค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น
'มีอะไรจะขอพี่ครับ'
'พ พอใจ ย… อยากได้กลอนประตู กับหน้าต่างค่ะ' เป็นคำขอที่แปลกประหลาดเสียจริงเข็มทิศขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะวางมือเอาไว้บนศีรษะของเธอแล้วตอบตกลง
'เดี๋ยวพี่ให้คนไปทำให้เลย ว่าแต่ทำไมถึงอยากได้ละ' เด็กน้อยแววตาหลุกหลิก เธอจิกเล็บตัวเอง และกัดปาก ก่อนจะพูดออกมาน้ำเสียงสั่นๆ
'บ บ้านของพอใจอยู่ในสลัม แล้วก็มีคนที่ไม่ปลอดภัยอยู่เต็มไปหมด พอใจกลัวค่ะ' ตัวแค่นี้รู้จักปกป้องตัวเองแล้ว
สำรับถูกตั้งอยู่บนโต๊ะส่วนพัดลมก็วางไว้ที่ด้านข้าง เข็มทิศให้คนไปเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้ และเขาเป็นคนเช็ดหน้าให้พอใจเองเมื่อเช็ดคราบเปื้อนที่เกาะอยู่ตามใบหน้าของเด็กน้อยออก เขาก็ได้เห็นความสดใสของเธอ ดวงตาของเธอเป็นประกายวิบวับเมื่อยามที่เธอกำลังมองไปที่กับข้าวมื้อใหญ่
'กินข้าวสิ ทำไมเราไม่อ้วนขึ้นเลยนะ ไม่มีเงินกินข้าวก็มาบอกพี่สิ'
'ไม่เอาค่ะ'
'งั้นก็วิ่งมากินข้าวที่บ้านพี่ทุกวันสิ'
พอใจส่ายหน้า มือตักแกงส้มราดข้าวเข้าปาก เธอกัดไปคำแรกก็นิ่งสนิท ใบหน้าของเธอเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้น ใบหูและแก้มกลมของเธอเริ่มแดง ก่อนจะหันกลับมามองเข็มทิศที่นั่งยิ้มให้เธอ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำสีใส ก่อนที่จะหมุนตัวกลับมาแล้วซบลงที่อกแกร่งของเขาพร้อมกับปล่อยโฮออกมา
'อืออออ เผ็ดอ่าาาา~ พี่เข็มทิศ พอใจเผ็ด' เพียงแค่เด็กที่นั่งอยู่บนตักของเจ้านายร้องออกมาแบบนี้ เหล่าสาวใช้ต่างก็รีบไปหาน้ำหาท่ามาให้เด็กน้อยอย่างกระตือรือร้นทันที จนกระทั่งพอใจเริ่มดีขึ้น
'ลืมถามว่ากินข้าวข้าวผู้ใหญ่ได้มั้ย งั้นเอางี้นะต่อไปนี้ถ้าพอใจมา พี่จะเป็นคนทำอาหารให้พอใจกินเอง ดีมั้ย' และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เข็มทิศอยากเป็นเชฟจนถึงทุกวันนี้
"ไอ้เข็ม"
"..."
"ไอ้เข็มโว้ยยยยย!"
"ตะโกนทำไมเนี่ย หูกูแตกแล้วมั้ง"
"นั่งยิ้มทำห่าไรคนเดียว ทำไมวะน้องจำไม่ได้แล้วมีความสุขรึไง"
"เดี๋ยวกูจะทำให้จำได้เอง ในเมื่อแกล้งลืมกู กูก็จะเล่นไปตามน้ำ ดูสิจะแกล้งลืมกูได้อีกนานแค่ไหน" ถ้างอนก็แค่บอกสิ จะได้ง้อ ไม่ใช่มาแกล้งลืมกัน ทีเขายังจำเธอได้เลยแม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาจะใช้ชีวิตตามประสาผู้ชายอย่างหนักหน่วงไปบ้างก็ตาม แต่มันก็มีบ้างที่ลึกๆ เขาก็เผลอนึกถึงเด็กคนหนึ่ง เด็กที่เคยอาศัยอยู่ข้างบ้านของเขา
"นั่นไง ไหนบอกน้องไง"
"ก็น้องไง" แต่น้องก็สวยขึ้นมากจริงๆ นั่นแหละ สวยขนาดนี้ไม่รู้เลยว่ากลอนประตูหน้าต่างที่ส่งคนไปทำให้เมื่อหลายปีก่อนจะยังแน่นหนาอยู่มั้ย
"น้องเหี้ยไร โดนลืมแล้วมานั่งงอน"
"อะไร ใครงอน ไม่มี๊"
"เสียงสูงเชียวนะมึง กูว่านะ มึงแม่งไม่น้องตั้งแต่กูเห็นมึงจับเด็กเนื้อตัวมอมแมมนั่งตักบ่อยๆ แล้วมั้ง"