หลงฉีที่นั่งคีบอาหารเข้าปากด้วยความนิ่งเงียบราวกับว่าด้านข้างตนไม่มีสิ่งใดมากระทบกระเทือนหูและจิตใจ ทว่าแท้จริงแล้วเขาไม่สบอารมณ์นักในใจคิดว่าเรื่องของสตรีนี้ช่างน่าเบื่อกว่าใดๆ บนโลกและไหนจะยังมีลูกน้องใจกล้าเกิดความสงสารอิสตรีอีก
“กินไปแต่อย่าให้อิ่มมากเดี๋ยวจะไม่มีแรง” หลงฉีอดทนต่อท่าทีเฟิงสือไม่ได้จึงเอ่ยขึ้นเป็นการเตือน ทว่ามือด้านขวาได้วางตะเกียบก่อนที่เลื่อนมาจับดาบที่คาดเอวไว้อย่างแนบเนียน
ส่วนฮูหยินย่งยังด่าทอเสี่ยวหลานในทางเสียๆ หายๆ โดยไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้นแม้จะมีผู้ห้ามปรามที่นอกเหนือจากบิดาอย่างเสี่ยวเค่อก็ตาม ทว่านางมิได้สนใจใดๆ เมื่อได้ลงมือแล้วนางก็ยิ่งลงมือหนักให้ชาวบ้านรู้กิตติศัพท์ของตนว่านางคือใคร และไอ้อีหน้าไหนอย่าคิดบังอาจมาเป็นอนุให้สามีของตนเด็ดขาด
การกระทำของนางนี้ล้วนอยู่ภายใต้สายตาของหลงฉีทั้งหมด โดยที่นางเองก็ไม่รู้ว่าทั้งคำพูดและกิริยาท่าทางของนางนั้นล้วนไม่เหมาะสมกับเวลา หากเป็นแต่ก่อนทุกคนเห็นก็เหมือนได้ชมงิ้วเรื่องหนึ่ง ทว่าเวลานี้ผู้ชมต่างร้องไห้ในใจนึกสงสารย่งฮูหยินขึ้นมาบ้างเสียแล้ว อาจเพราะเวลาที่นางเดินเข้ามานางไม่ฟังเสียงทัดทานจากคนรอบข้างแม้แต่น้อย นางยังนึกว่ามีคนอุปโลกเรื่องราวขึ้นมา มีหรืออ๋องบ้าอ๋องบอจะเสด็จมายังหมู่บ้านนี้ จวิ้นอ๋องหยางซื่อหลงฉี หรืออ๋องสามแห่งแคว้นผู้ฉายาฆ่าคนไม่กะพริบตาจะมาเนี่ยนะ ไหนล่ะกองทัพ? ไหนล่ะรถม้า? และไหนล่ะขบวนเสด็จ? ชิ! คิดว่าจะหลอกใคร พวกชาวบ้านน่าตาย นางยังคงลงไม้ลงมือกับเสี่ยวหลาน ทั้งจิกผม ทั้งยกเท้าถีบ ม้ว่าใครๆ ที่อยู่บริเวณโดยรอบจะพยายามเตือนเป็นนัยให้นางแล้วแต่นางก็หาสนใจไม่ ทั้งยังกล่าวท้าทายจนคนที่ได้ยินกลืนน้ำลายเหนียวคอ แต่ก็มิไปไหนเพราะอยากรอชมเรื่องสนุกที่ไม่ได้เห็นกันง่ายๆ
"ย่งฮูหยิน...พอเถอะขอรับ บุตรสาวข้าไม่รู้เรื่องของสามีฮูหยิน
หรอก ข้าว่าท่านค่อยๆ คุยกันดีกว่านะ" เสี่ยวเค่อผู้เป็นบิดาเอ่ยทักท้วงแม้มือหยาบด้านและเหี่ยวย่นตามกาลเวลาจะช่วยปัดป้องแทนบุตรสาว เมื่อกันได้สำเร็จเขายืนบังเสี่ยวหลานที่นั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น
"ได้ที่ไหนกัน เจ้าเป็นบิดามัน ก็ต้องร่วมมือกันปกปิด สามีข้าหายไปทั้งคนและลูกสาวเจ้าก็เพิ่งกลับมา นางต้องเอาสามีข้าไป อีนางแพศยา...บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเจ้าเอาสามีข้าไปซ่อนไว้ที่ไหน! " ย่งฮูหยินยังไม่หยุดทั้งตวาดอย่างคนไร้สติ
"ฮูหยิน...ฮูหยินขอรับเราค่อยคุยกันจะดีหรือไม่ ตอนนี้คงไม่สะดวก เพราะว่า...เอ่อ..." เจ้าของโรงเตี๊ยมพยายามจะเอ่ยเตือนทว่าเขาก็ยังไม่กล้าที่จะเอ่ยนามด้วยเกรงว่าเมื่อบอกไปจะเป็นการนำชื่อของหลงฉีมาเอ่ยและจะทำให้ชายผู้นั้นพิโรธ
"ยังไงวันนี้ บุตรสาวเจ้าก็จะต้องโดนสั่งสอน ข้าจะทำให้มันไม่กล้าไปยั่วใครได้เด็ดขาด ถ้าเสียโฉมด้วยจะดีแค่ไหน! " ย่งฮูหยินกล่าวจบมือเท้าก็มุ่งทำร้ายเสี่ยวหลานอีกครา แต่ทว่ายังไม่ถึงตัวดีเสียงชักดาบมาพร้อมก้บเสียงคนในพื้นที่กรีดร้องกันดังลั่น …
ในขณะที่ย่งฮูหยินปราดจะเข้าไปทำร้ายเสี่ยวหลานนั้นเอง พลันเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นทำลายความกล้าหาญของตนไปสิ้น เพราะจู่ๆ ได้มีนักฆ่าราวสิบกว่าคนชักดาบเข้ามาภายในร้านหมายจะฆ่ากลุ่มชายที่มีจำนวนไม่น้อยภายในร้าน คนบริเวณนั้นเมื่อเห็นเหตุการณ์ต่างวิ่งกรูออกมาด้วยเกรงกลัวตายหรือไม่ก็โดนลูกหลงจนได้รับบาดเจ็บ ชาวบ้านต่างกรีดร้องวิ่งหนีกันชุลมุน คงจะมีเต่เสี่ยวหลาน เสี่ยวเค่อและหมายรวมไปถึงย่งฮูหยินสตรีใจร้ายที่ยังอยู่ภายในร้านเพราะวิ่งหนีไม่ทัน พวกเขาจึงได้แต่ถอยไปชิดติดกำแพงในสุดของร้าน
การต่อสู้เป็นไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มนักฆ่าสู้อย่างยิบตาเพราะทุกคนล้วนมีฝีมือเก่งกาจ ส่วนทางด้านหลงฉีก็ไม่ลดละ หมายจะจับเป็นให้ได้เพื่อที่จะได้จบงานของเขาเสียที และนี่คือเหตุผลที่เขาแยกการเดินทางออกเป็นสองขบวน
ผ่านเวลาไปราวสองเค่อ ทางฝ่ายของนักฆ่าจำต้องพ่ายแพ้ให้แก่หลงฉี ด้วยทักษะการต่อสู้และแผนการที่เขาเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว ทว่าการต่อสู้ย่อมนำมาซึ่งความเสียหายแต่กระนั้นหลงฉีมิได้สนใจว่าภายในร้านจะเสียหายอย่างไร หรือแม้แต่ร้านพังไม่เป็นท่าเขาก็แค่มองเท่านั้นก็พอ
เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะอีกครั้งด้วยท่าทีไม่ยี่หร่ะต่อสายตานับสิบกว่าคู่หรือมากกว่านั้น เขาบิดคอเล็กน้อยก่อนที่จะสั่งให้เสี่ยวเอ้อร์ภายในร้านหยิบน้ำชามาให้เขา เสี่ยวเอ้อร์ที่แอบซ่อนหนีตายบริเวณนั้นไม่มีใครกล้ารุกเลยแม้แต่คนเดียว ทำให้หลงฉีซึ่งมีอารมณ์ค้างจากการต่อสู้อยู่แล้วระเบิดอารมณ์ ทุบโต๊ะข่มขวัญคนภายในร้านจนพวกเขาสะดุ้งตกใจเฮือก เสี่ยวเอ้อร์ได้สติจึงรีบวิ่งนำน้ำชากาใหญ่มาให้มอบให้ด้วยตัวที่สั่นเทา เมื่อคนสั่งได้ดั่งใจหมายเขาผู้เป็นเสี่ยวเอ้อร์ยังคงต้องรักษาชีวิตจึงรีบวิ่งกลับไปยังที่ซ่อนตัวเหมือนเดิม
“เรียนท่านอ๋องขอรับ ข้าน้อยจัดการเรียบร้อยหมดแล้วขอรับ สองคนได้กินยาปลิดชีพไปส่วนที่เหลือข้าน้อยได้หยุดการกระทำได้ทัน ตอนนี้พร้อมออกเดินทางไปสมทบกับท่านแม่ทัพได้แล้วขอรับ” เฟิ่งสือเดินมารายงานด้วยท่าทีองอาจ
“อืม!” หลงฉีรับคำสั้นๆ อย่างไไม่ใส่ใจเหมือนเช่นเคย เขายกน้ำชาขึ้นดื่มจนหมดถ้วยและลุกจะจากไปทว่าจู่ๆ เขานึกอะไรบางอย่างได้ จึงสั่งให้เฟิงสือไปเรียกผู้ตรวจการประจำเมืองมาพบตน เฟิงสือยิ้มรับในใจเกิดความกระชุ่มกระชวยขึ้นมาพร้อมยกย่องนายของตนในใจ เขาเตรียมหันหลังออกจากโรงเตี๊ยม ก่อนจะจากไปหลงฉีเอ่ยบางอย่างตามหลัง “อาสือเจ้ารู้นะว่าต้องทำยังไง!” หลงฉีส่งสายตาพิฆาตไปยังเฟิงสือ เขาตระหนักรู้ทันทีว่าตนต้องทำอย่างไรต่อไป
“ขอรับท่านอ๋อง” หลังจากรับคำจากหลงฉีเรียบร้อย เขาก็รีบออกจากโรงเตี๊ยมโดยด่วน ส่วนในร้านเหลือชาวบ้านเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น นอกนั้นเป็นคนของหลงฉีและนักฆ่าที่ถูกจับกุม หลงฉียังคงนั่งดื่มชาอย่างสบายอกสบายใจก่อนที่เขาจะหันไปมองเสี่ยวหลานและผู้เป็นพ่อของนาง ที่นั่งก้มศีรษะอยู่ไม่ไกลจากตนนัก
“เจ้าตัวโง่งม มานี่สิ!” หลงฉีเรียกเสี่ยวหลานให้มาหาตน ส่วนนางที่ก้มหน้าตื่นกลัวระคนอับอายเมื่อได้ยินหลงฉีเรียกตนเองให้เข้าไปหา นางก็สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจทว่านางก็มิอาจปฏิเสธคำสั่งนี้ได้จึงลุกขึ้นเดินมาหาด้วยสองขาที่หนักอึ้งเพราะนางเจ็บไปหมดจนแทบจะก้าวไม่ออก
เมื่อเสี่ยวหลานเดินมาใกล้หลงฉีที่นั่งดื่มชา เขาดึงมืออีกฝ่ายนั่งลงที่เก้าอี้อ้านข้างอย่างไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร เพราะเรี่ยวแรงที่น้อยนิดกอปรกับความเจ็บปวดตามตัวทำให้นางลงไปนั่งทว่านางตัวแข็งเกร็งไปหมดไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
“เจ้าชื่อเสี่ยวหลาน?” หลงฉีเอ่ยถามทั้งที่ไม่ได้จดจ้องใบหน้านางแม้แต่น้อย เขายังคงรินน้ำชาให้กับตนเอง
“เจ้าค่ะ...ข้าน้อยหม่าเสี่ยวหลาน” เสี่ยวหลานเอ่ยตามอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงตะกุกตะกัก
“นางทำอะไรเจ้าบ้าง?” เขาหันหน้าเท้าคางสายตาจับจ้องใบหน้าอย่างที่ไม่คิดว่าตนเองจะทำได้ เพราะตอนนี้เขาอารมณ์ดีมาก
“เอ่อ..ย่งฮูหยิน...นาง..นางเปล่าเจ้าค่ะ นางไม่ได้ทำอะไรข้าน้อยเจ้าค่ะ...” เสี่ยวหลานตอบทั้งที่ไร้ความจริง นั่นเพราะนางกลัวว่าเขาจะหยิบดาบขึ้นมาทำร้ายคนอีก สามีนางเพิ่งจะเสียไปแล้วนางต้องมาตายอีกน่ะหรือ ไม่! นางไม่ต้องการเช่นนั้น