ทางฝ่ายของหลงฉีเมื่อหยางเฉินออกไป ในใจพลันคิดว่าต้องมีอะไรสักอย่าง เพราะปกติหยางเฉินจะมาหาตนจะไม่เอ่ยอ้างฮองเฮาเด็ดขาด ครานี้เหมือนหยางเฉินจะเตือนอะไรสักอย่าง เขาคิดเช่นนั้นได้สักพักจึงเอ่ยปากเรียกเฟิงสือให้เข้ามา
"เฟิงสือ ไป! เข้าวัง" เฟิงสือได้ยินดังนั้น ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม สองขาหนักอึ้งทว่าวาจาเอ่ยถาม
"ทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"เยี่ยมฮองเฮา! " หลงฉีตอบกลับอย่างไม่คิดอะไรพร้อมก้าวนำออกจากเรือน ด้านเฟิงสือ หน้าซีดในใจกลับคิด ข้าน้อยไม่ไปได้หรือไม่ ขอรับท่านอ๋อง ..
วังหลวงแคว้นต้าหลาน
หลงฉีเดินทางจากตำหนักจวิ้นอ๋องเพื่อตรงมายังวังเจาฉุน พร้อมด้วยนายกองเฟิงสือ ทางเข้าวังเจาฉุนของฮองเฮาจำต้องเดินผ่านอุทยานหลวง เนื่องด้วยฮองเฮานั้นชื่นชอบพฤกษา ต้นไม้และใบหญ้า ระหว่างวังเจาฉุนกับอุทยานหลวงจะใช้เวลาในการเดินทางเพียงไม่นาน อีกทั้งฮองเฮาจุดประสงค์หลักคือฮองเฮายังสามารถมองเห็นเหล่าสนมแต่ละนางที่เข้ามาชมบุปผาได้อีกด้วย ดังนั้นการมาเยือนตำหนักเจาฉุนแต่ละครั้งหลงฉีจำต้องผ่านอุทยานหลวง
เขาเดินสายตาลอบสังเกตเห็นนางสนมที่มีรูปโฉมสวยงาม แต่งแต้มสีสันเฉิดฉาย ประชันกัน บางคนมีท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตนแต่ในใจแฝงไปด้วยอสรพิษ บางคนก็ฉายแววริษยาออกทางสีหน้าอย่างปิดไม่มิด เขาเองเห็นแล้วรู้สึกรังเกียจสตรีที่อยู่ในรั้วในวังยิ่ง ความจริงใจหามีไม่แต่ก็มิได้กล่าวสิ่งออกมาเพราะทุกครั้งที่นี่ก็ล้วนเป็นเช่นนี้และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
ระหว่างที่หลงฉียืนมองเหล่าสนมอยู่นั้น ไม่นานนักพลันมีเสียงใสกังวานดังขึ้นไม่ไกลนักเอ่ยทักทายจนเขาต้องหยุดเดิน
“คารวะจวิ้นอ๋องเพคะ” สาวงามที่สวยเฉิดฉายที่ใครเห็นแล้วต่างต้องลุ่มหลงเอ่ยขึ้น พร้อมย่อกายทำความเคารพ
“พระชายาหลี่ย่าเหมิง” หลงฉีเอ่ยและก้มศีรษะให้เล็กน้อย
“เพคะ ไม่ทราบว่าจวิ้นอ๋องมีอะไรหรือไม่เพคะ หม่อมฉันเดินผ่านมาทางนี้เห็นพระองค์ทรงทอดพระเนตรไปยังเหล่าสนม หรือว่าจวิ้นอ๋องคิดจะตบแต่งพระชายาแล้ว” เสียงหวานใคร่รู้ความปรารถนาของอีกฝ่ายทำให้หลงฉีที่เดิมมีสีหน้าเรียบก็พลันบึ้งตึงขึ้นมาทันที
หลี่ย่าเหมิง พระชายาของหยางเฉิงกล่าว สายตาทอดมองไปยังเหล่าสนมของฮ่องเต้ แต่น้ำเสียงที่กล่าวกลับออกมาออกจะยั่วยุอารมณ์ของหลงฉี
“พระชายาเอาสิ่งใดมาพูดกันเล่า สตรีมีไว้เพียงอุ่นเตียงและให้ทายาทเพียงเท่านั้น ไยเปิ่งหวางต้องมาหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวด้วยเล่า” หลงฉีตอบโดยมิได้ใส่ใจต่อคำพูดของหลี่ย่าเหมิงสักเท่าไหร่
“หม่อมฉันว่าจวิ้นอ๋อง คงยังไม่เจอคนที่จะมาเติมเต็มชีวิตของพระองค์มากกว่าเพคะ บางที... หากพบเมื่อใด สตรีที่มีเพียงอุ่นเตียงหรือมอบทายาท คงจะไม่อยู่ในความคิดของพระองค์แล้ว” หลี่ย่าเหมิงกล่าวต่ออย่างไม่ยี่หร่ะกับน้ำเสียงเมื่อครู่
“สตรีที่งดงามมีมากดาษดื่น แต่จะหาสตรีที่งามพร้อมนั้นยากแท้ พระชายาหลี่ว่าจริงหรือไม่” หลงฉียังเอ่ยกล่าว โดยมีน้ำเสียงเหน็บแนมสตรีที่อยู่ตรงหน้าทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มรับ
“ใช่เพคะ สตรีที่งดงามที่ใบหน้าหาได้ไม่ยากแต่ถ้าจะงามพร้อมไปด้วยจิตใจแล้วช่างยากยิ่ง แต่ถ้าหากเราไม่เอาตัวเราเข้าไปพิสูจน์ แล้วเราจะเจอหยกเนื้อแท้ได้เช่นไร หม่อมฉันเข้าใจถูกต้องหรือไม่เพคะ” พระชายาหลี่แนะนำว่าหากอีกฝ่ายอยากเจอสตรีดีก็ต้องเอาใจลงไปสัมผัสถึงจะรู้คำตอบ
“มิผิดที่พระชายาจะกล่าวเช่นนั้น สตรีที่งามทั้งใบหน้าพร้อมด้วยจิตใจ ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมแต่นั่นก็ช่างน้อยนัก เมื่อใดความรักเข้าตาทว่าไม่สมหวังก็นำพามาด้วยความละโมบโลภมาก คิดอยากจะครอบครองสิ่งนั้นเป็นของตนแต่เพียงผู้เดียว ทำทุกวิถีทางเพื่อหวังประโยชน์ส่วนตน จากที่ใส่ซื่อบริสุทธิ์ ก็ต้องถูกชักนำด้วยกิเลสตัณหา กลายเป็นอสรพิษในที่สุด” หลงฉีเอ่ย
“หม่อมฉันก็มีความเชื่อเช่นนั้นเพคะ เพราะความรักทำให้เราทำได้ทุกสิ่ง แต่เมื่อยังไม่รู้รักจะรู้รสของรักได้อย่างไร แม้แต่กลศึกยังต้องชนะ ความรักก็มิแตกต่างกันเพคะ ครองกายไหนเลยจะสู้ครองใจ หม่อมฉันพูดไปจวิ้นอ๋องผู้ไม่เคยพ่ายแพ้แก่ผู้ใด ไหนเลยจะเข้าใจในกฎของรัก ข้าน้อยยิ่งเหนื่อยใจยิ่ง” หลี่ย่าเหมิงทำท่าทีส่ายศีรษะ กล่าวอย่างเหน็ดเหนื่อยใจ
“ข้าน้อยจวิ้นอ๋อง ขอบพระทัยพระชายาหลี่ที่อุตส่าห์สนทนาเกี่ยวกับความรักกับข้าน้อยผู้มีความรู้เกี่ยวกับรักอันตื้นเขิน แต่ก็ว่าไปคนรู้เรื่องความรักดีลึกซึ่งอย่างพระชายาเหตุใดไปเอาเวลาเช่นนั้นไปสนทนากับองค์รัชทายาทบ้าง อีกอย่างเปิ่นหวางได้ข่าวแว่วๆ มาว่าตำหนักเงียบเหงาสงสัยหยางเฉินคิดจะหาอนุหรือไม่ก็พระชายารองอีกสักสองสามคนตำหนักจะได้ครื้นเครง อ้อ! ก่อนที่เปิ่งหวางจะมาที่วังหลวง หยางเฉินยังชวนเปิ่งหวางไปหอหมื่นบุปผา ได้ข่าวว่ามีหญิงงามมาใหม่ งดงามยิ่งกว่าคุณหนูใหญ่หลายตระกูล ชายใดเห็นยอมจ่ายไม่อั้นหวังเพียงแค่ได้ยลโฉมงาม เฮ้อ! นี่ก็ยังไม่กลับมาวังสินะสงสัยตาคงไม่ฝาด" เขากล่าวพร้อมส่ายหน้าพลางเห็นใจอีกฝ่าย
“จวิ้นอ๋องว่าอย่างไรนะเพคะ!” หลี่ย่าเหมิงกล่าวถามขึ้นมาทันที
“เปิ่นหวางว่ากระไร อ๋อ! เรื่องหยางเฉินจะไปหาอนุหรือเข้าไปหอหมื่นบุปผา? ไยพระชายาต้องกังวลด้วยเล่า เปิ่งหวางขอตัวก่อนนะ พอดีเปิ่นหวางจะต้องเสด็จไปพบฮองเฮา และหวังว่าพระชายาหลี่จะได้ยลโฉมอนุโดยเร็ว แล้วครานั้นคงต้องให้เปิ่นหวางจะมาสนทนาเรื่องคู่ครองกับพระชายาอีกครั้ง เปิ่นหวางขอตัวก่อน” หลงฉีเอ่ยและตั้งท่าจะเดินจากไป
"เดี๋ยว! หยุดเดี๋ยวนี้นะหลงฉี ในฐานะที่ท่านเป็นศิษย์พี่รอง บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าหยางเฉินไปกับใคร! "
"เหตุใดข้าต้องบอกนางจิ้งจอกเก้าหางเช่นเจ้า" หลงฉีกล่าวพร้อมใช้มือดันที่ตัวของหลี่ย่าเหมิงให้พ้นทาง และเดินจากไปอยา่งรวดเร็วโดยมีนายกองเฟิงสือเดินตามไปติดๆ
“นี่! เจ้าหลงฉี มันจะมากเกินไปแล้วนะ กลับมานี่นะ!” หลี่ย่าเหมิงตะโกนไล่หลังหลงฉี นางหงุดหงิดชุดรุ่มร่ามนี้ทำให้เดินเหินไม่สะดวก คิดจะปลดเครื่องประดับอาภรณ์ออกและวิ่งตามไปเสียจริง
“ข้าไม่ใช่สามีเจ้า...ย่าเหมิง ขอให้สนุกกับการฝึกอนุนะ” หลงฉีหันมาตะโกนและก็รีบเดินไปยังวังเจาฉุนทันที