นี่เขากำลังแสดงพิรุธให้ทุกคนรู้ เอ๊ะ หรือว่าเป็นตัวฉันเองที่แสดงพิรุธกันนะ ฮือ หลังจากที่เขาดึงแขนฉันให้ขยับเข้าไปใกล้ ฉันก็รีบดึงแขนออกจากมือเขาที่ยึดอยู่ทันที แล้วมองค้อนเขาไปทีหนึ่งพร้อมกับนั่งหลังตรงเพื่อทำตัวให้เป็นธรรมชาติที่สุด อ่านี่ฉันดูเป็นปกติไหมทุกคน
“นั่นแน่ ยังไงกันวะ ไอ้อัคคค”
แต่ต่อให้พยายามยังไง ในเมื่อทุกคนหันมาสนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันก็ไม่เป็นผล ฉันอยากจะยกกำปั้นขึ้นทุบเขาจริงๆ เลย แล้วนี่อะไรนั่งหน้าตายทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“เออออ มีจงมีจับกันด้วยเว้ย!” พี่ๆ แต่ละคนช่วยกันผสมโรงเค้นเอาคำตอบจากเขา สร้างเรื่องขึ้นมาก็จัดการเอาเองเลยนะ
“เสียงดังฉิบหาย และมึงก็บอกสักที่สิวะ อมไว้อยู่ได้”
เสียงที่ไม่เคยได้ยินเลยพูดขึ้นมาแบบเรียบนิ่ง พี่แบล็คน่ะ เมื่อกี้เขาฟุบหลับอยู่กับโต๊ะ แต่คงจะรำคาญเลยตื่นขึ้นมาด่า พร้อมกับบอกให้เฮียอัคพูดอะไรสักที
“….” หลังจากที่เพื่อนทุกคนรุมถาม เขาก็กวาดสายตามองทุกๆ คน ไม่เว้นแม้แต่ฉัน แต่มาหยุดอยู่ที่ฉันนานที่สุดราวกับจะถามความคิดเห็น และฉันก็แอบส่งสัญญาณเพื่อบอกให้เขารู้ว่าให้พูดปฏิเสธไป แต่นอกจากเขาจะไม่สนใจสิ่งที่ฉันสื่อแล้ว เขาก็ทำให้เรื่องมันไปกันใหญ่ยิ่งกว่าเดิม
“ไปเรียนได้แล้ว”
เขาบอกกับฉันพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกไปจากโต๊ะทันที เป็นงงไปเลยทั้งโต๊ะ นอกจากจะไม่สนใจจะตอบคำถาม เขาก็ยังไม่ยอมปฏิเสธ แถมยังหันมาพูดกับฉันอีกต่างหาก ไอ้เฮียยยย จะมาทิ้งระเบิดไว้แบบนี้ไม่ได้นะ
“เฮ้ยไอ้อัค มึงอย่ามาตีมึนนะเว้ยยยยย” เสียงโวยวายของพี่ดินไล่ตามหลังเขาไป ฮืออออ แค่เขาพูดออกมาว่าไม่มีอะไรมันก็จบแล้วไหมเล่า ทำไมถึงไม่ยอมพูด
“เอ่อ...ไปเรียนก่อนนะคะ” นาทีนี้ที่เขาชิ่งไปก่อนแล้ว แล้วฉันจะอยู่ให้โดนซักทำไมล่ะ หนีสิคะ ฉันบอกกับทุกคนพร้อมกับรีบเดินหนีเขาตึกเรียนมาโดยไม่ได้เรียกเพื่อนของตัวเองมาด้วย
“เฮ้ย! /ยัยซิน!”
“โว้ยยยยย ไอ้สองคนนี้”
เมื่อมาถึงห้องเรียนฉันก็รีบหาที่นั่งทันที ตอนนี้ห้องเรียนค่อนข้างว่าง ยังไม่มีใครมาจับจองที่สักเท่าไร เมื่อได้ที่นั่งแล้วก็รีบวางกระเป๋าและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อแชตหาเขาทันที
ซิน : ทำไมเฮียไม่ปฏิเสธไปล่ะ!
อัคคี : ทำไมต้องปฏิเสธ
กรี๊ดดดดดดด ฉันอยากจะบ้าตายไปกับเขาจริงๆ บทจะหน้ามึนขึ้นมาก็เป็นซะอย่างนี้
ซิน : ฮืออออออ
ซิน : ถ้าเพื่อนถามก็บอกไปว่าไม่มีอะไรนะ
ฉันบอกบทเขาไป เพื่อให้เขาพูดในสิ่งที่สมควรพูด ตอนนี้ฉันยังไม่อยากให้เพื่อนรู้
อัคคี : ไม่...ขี้เกียจ
อัคคี : อีกอย่าง...
อัคคี : พวกมันคิดถูกแล้ว
ซิน : ไอ้เฮียย!!!
อัคคี : พูดจาไม่น่ารัก
โว้ยยยยยยยย ไม่รู้แล้วเหมือนกันโว้ย ฉันโวยวายอยู่ในใจพร้อมกับปิดโทรศัพท์และเก็บลงเพื่อเตรียมตัวรอเรียนทันที ยัยเพื่อนทั้งสองของฉันก็กำลังเดินเข้ามาแล้วด้วย
“จะรีบไปไหนนนนน” พอเรียนเสร็จทั้งเช้าและบ่าย ฉันก็เตรียมตัวลุกหนี หลังจากที่เอาตัวรอดจากยัยสองคนนี้มาได้ทั้งวัน พอจับตัวฉันและกดลงให้นั่งเหมือนเดิมได้ รอจนคนทยอยออกจากห้องไปจนหมด เพื่อนตัวดีของฉันก็เริ่มการสอบสวนทันที นี่ฉันเป็นนักโทษของพวกนางหรือยังไง ถึงได้นั่งจ้องเขม็งอยู่ตรงหน้าฉันทั้งสองคน
“เปิดตัวผู้ต้องหา”
“นางสาวชินชิสา วิริยะกุล สารภาพมา!” อ่าเรียกซะเต็มยศเลย
“ทุกอย่าง!!!” ดีที่คนออกไปจากห้องหมดแล้ว ไม่งั้นคงโดนมองแน่ๆ
“เอ่อ...” ถึงเวลาที่ฉันต้องบอกพวกนี้แล้วสินะ จะได้จบๆ เรื่องสักที แล้วนี่ฉันจะบอกว่าอะไรดี
“แกกับพี่อัคคี! มีอะไรมากกว่าที่พวกฉันเห็นใช่ไหม” ยังไม่ได้พูดอะไร ยัยแพรวก็สวนขึ้นมาซะก่อน สรุปจะให้ใครพูดกันแน่
“เป็นอะไรกัน!”
“ฉันเห็นหลายทีแล้วนะ”
“ไม่ถามไม่ใช่ว่าไม่สงสัย”
“ไม่พูดไม่ได้แปลว่าไม่รู้”
“แกจีบเขาใช่ไหม”
“หรือพี่เขาจีบแก”
“โว้ยยยยย พวกแกก็หยุดให้ฉันพูดบ้างสิ!!” เออก็เล่นพูดมารัวๆ ทั้งสองคน ไม่มีช่องให้ฉันได้แทรกแล้ววันนี้จะรู้เรื่องกันไหมเนี่ย
“เออก็พูดมาสิ!”
“อืม...ก็...คุยๆ กันอยู่” ฉันบอกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ไม่ได้แสดงอาการอะไร
“อ๋อ...แค่คุยกันอยู่” ยัยแพรวว่าเหมือนจะเข้าใจ และก็เหมือนกับนึกขึ้นได้ถึงคำที่ฉันพูดไป
“ห๊า!? คุยกันอยู่/ คุยกันอยู่” แล้วตกอกตกใจอะไรขนาดนั้นแค่คุยกันเฉยๆ
“อือ”
“โอ้มายก็อดด”
“แล้วไปคุยกันตอนไหน แกเล่ามาตั้งแต่แรกเลยนะชะนี”
แล้วฉันก็ต้องเล่าให้พวกนางฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตั้งแต่แรกเริ่มว่าคุยกันได้ยังไงนานแค่ไหนแล้ว จนมาถึงปัจจุบัน แต่อย่างว่า ฉันก็ไม่ได้เล่า ทุกอย่างหรอกนะ ยิ่งพวกเรื่องที่เขารุกฉันหนักๆ ให้พวกนี้รู้ไม่ได้เลยกลัวจะยิ่งโดนแซว
และถึงฉันจะเล่าไปแล้ว พวกนางก็ยังคงสงสัยในความสัมพันธ์ของฉันกับเขาอยู่ดีว่าสรุปแล้วเป็นยังไง และจะพัฒนาต่อไปยังไง เรื่องนี้ฉันก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชัดเจน แต่ฉันว่ายังไม่อยากรีบมากกว่า ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องของเวลา ให้เวลาและการกระทำของเขาเป็นตัวกำหนดดีกว่า ฉันว่ามันสำคัญยิ่งกว่าคำพูดซะอีก ยังมีเวลาเรียนรู้กันอีกเยอะ ให้ได้รู้จักกันมากกว่านี้ ถ้าใช่ก็คงไม่หนีกันไปไหนหรอก
18.30 น. ณ ลานกิจกรรม, คณะวิศวกรรมศาสตร์
“เอาละครับน้องๆ นั่งลงเป็นแถวตามจำนวนที่พี่บอกไปก่อนหน้านี้ ให้เวลาห้านาที”
ในเวลานี้พวกเราทุกคนก็มารวมตัวกันที่ลานกิจกรรมของคณะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และฟังพี่ๆ แจ้งรายละเอียดต่างๆ อีกทีหลังจากที่มีการแจ้งมาก่อนหน้านี้ วันนี้แทบจะทุกคนที่เรียนคณะวิศวะมารวมตัวกันทั้งหมดทุกชั้นปี
เป็นต้นเด็กปีหนึ่งอย่างพวกเราที่ขาดงานนี้ไม่ได้เลยเด็ดขาดเพราะไม่งั้นไม่มีช็อปใส่เหมือนเพื่อนแน่ๆ และไม่ต้องกลัวว่าจะมีการว้ากหรืออะไรนะ ถึงคนที่พูดๆ อยู่จะเป็นพี่ระเบียบหรือพี่ว้ากนั่นแหละ แต่ปลดระเบียบไปนานมากๆ แล้ว ตอนนี้พี่เขาก็พูดคุยปกติ
พอจัดที่นั่งเรียบร้อยแล้วทันเวลาตามที่พี่เขาบอก ก็เริ่มเข้าสู่พิธี ในขั้นตอนของพิธีก็จะมีการปฏิญาณตนกล่าวคำมั่นสัญญา มีผู้หลักผู้ใหญ่ในคณะมาพูดอยู่ข้างหน้าเพื่อให้เราฮึกเหิมและภาคภูมิใจไปกับคณะของเรา
ซึ่งนั่นก็ทำให้เราอินไปด้วยจริงๆ อันนี้ฉันก็ไม่ขอเล่าอะไรมากแล้วกันนะ เดี๋ยวมันจะยาว และขั้นตอนสุดท้ายก็ได้เวลาที่จะมอบเสื้อช็อปซึ่งนักศึกษาทุกคนก็แต่งตัวด้วยเสื้อยืดและกางเกงขายาวพร้อมที่จะใส่ช็อปแล้ว
โดยจะเป็นพี่ปีสามและปีสี่ที่จะมามอบให้น้องๆ กันตัวต่อตัว ที่บอกว่าเป็นปีสามปีสี่เพราะจำนวนน้องๆ เยอะกว่ารุ่นพี่เลยต้องให้พี่มามอบทั้งสองชั้นปีคละเคล้ากันไป แต่ไม่มีปีสองนะเพราะยังไม่อาวุโสพอ
ฉันเป็นกลุ่มที่ห้าที่จะได้รับเสื้อช็อป ซึ่งก็เป็นกลุ่มสุดท้ายพอดีเพราะเนื่องจากจำนวนคนที่เยอะมาก จึงต้องแบ่งเป็นกลุ่มเพื่อรอรับ เริ่มจะตื่นเต้นแล้ว ฉันจะได้รับจากพี่คนไหนกันนะ