GEAR 10 : อยากนอนตรงนี้ 2

1138 Words
ฉันพยายามขยับตัวออกจากตักเขา เพราะนั่งในท่านี้ไม่ดีเท่าไร อันตรายต่อตัวเองเกินไป อยู่แบบนี้ฉันก็เขินเป็นนะ แต่ด้วยแรงของเขาที่มีมากกว่า ทำให้ฉันไม่สามารถหลุดไปจากอ้อมกอดเขาได้ ด้วยความเหนื่อยและรู้ว่ายังไงก็สู้แรงคนตัวยักษ์ไม่ได้อยู่ดี ฉันเลยยอมแพ้นั่งนิ่งๆ บนตักเขา พร้อมกับทำหน้ามุ่ย “ฉันมานอนกับเฮียได้ยัง” เมื่อสงบจิตสงบใจและความร้อนผ่าวที่เกิดขึ้นบนใบหน้าได้แล้ว ฉันก็เอ่ยปากถามเขาไป “เธอนั่งหลับ...” ฉันคงเผลอหลับไประหว่างที่ดูหนัง ‘คนเดียว’ สินะ ก็ใครใช้ให้เขานอนกันล่ะ พอเห็นคนนอนฉันก็เลยง่วงตาม ไม่น่าเลยฉัน มาหลับในถ้ำเสือได้ไง “…” แต่ฉันก็เงียบเพื่อให้เขาพูดต่อ “กลัวเมื่อย...เลยพามานอน” เขาอธิบายในสิ่งฉันสงสัยด้วยใบหน้ามึนๆ คำอธิบายของเขาถึงแม้ว่ามันจะสมเหตุสมผลแต่เขาก็ไม่ควรทำแบบนี้ “แล้วทำไมมานอนด้วยกัน” “ง่วงเหมือนกัน” “แต่เฮียไม่ควรทำแบบนี้นะ แถมเฮียยังนอนซุก...” ฉันพูดพร้อมกันนึกถึงที่เขานอนกอดและเอาหน้าซุกอกฉัน แล้วนี่หน้าฉันร้อนขึ้นมาอีกแล้ว เลยเอามือทุบอกเขาไปทีเพื่อเป็นการแก้เขิน และเหมือนเดิมเขาก็ไม่เคยให้ความร่วมมือกับฉัน ทำให้ฉันเขินหนักขึ้นไปอีก “ซุก...นม” สู่ขิตไปแล้วฉัน ปากว่าตาถึงตลอด เขามองมาที่หน้าอกของฉันที่ขยับขึ้นลงจากการหายใจ ใครใช้ให้มองแบบนี้กัน ด้วยความอายที่มีอยู่น้อยนิด ฉันเลยยกมือกอดอกไว้เพื่อเป็นการป้องกันสายตาของเขา “นี่! เว้นไว้แล้ว จะพูดออกมาทำไม” โวยวายไปก่อน “นึกว่าคิดไม่ออก” “ใครจะคิดไม่ออกกัน” “...” “แล้วอีกอย่างมันเรียกว่า ‘หน้าอก’ แบบคำสุภาพน่ะรู้จักไหม” ฉันบอกเขาไปเพื่อต้องการให้เขาใช้คำใหม่ ไม่ใช่ว่าไม่อายนะ แต่ถ้าทำเป็นอายมากไปเดี๋ยวเขาจะรู้จุด และอีกอย่างเขาไม่ควรพูดคำว่า ‘นม’ มันดูเหมือนคนหื่นกามยังไงก็ไม่รู้ แล้วนี่ทำไมสายตาที่เขามองมามันเริ่มจะแปลก ๆ เหมือนมีความต้องการบางอย่างแฝงอยู่ หวังว่าเขาคงไม่ได้คิดอะไรหื่น ๆ หรอกใช่ไหม ไม่ได้การละฉันจะปล่อยให้เขาทำอะไรอีกไม่ได้ สถานที่มันล่อแหลมเกินไป อีกอย่างนี่มันเป็นถิ่นเขา ถ้าเขาคิดจะจับฉันกินขึ้นมา ฉันไม่หนีเขาแน่ เอ๊ยหนีไม่รอดแน่ๆ “ขอ...” เขามองสบตาฉันเพื่อบอกถึงความต้องการบางอย่าง ด้วยสายตาที่ดูเว้าวอนร้องขอ “…” “จูบได้ไหม” ฉันชะงักไปที หัวใจสั่นไหวไปกับคำพูดของเขา รู้สึกปั่นป่วนในท้องราวกับมีผีเสื้อนับล้านตัวบินวน แล้วใครเขามาขอกันแบบนี้ แต่ก็โล่งอกไปทีว่าสิ่งที่เขาขอไม่ใช่เรื่องใต้สะดือไม่งั้นมีเรื่องกันแน่ สายตาเขานี่มองมาแล้วเหมือนโดนต้องมนต์สะกด จากที่ว่าจะหนีแต่กลับกลายเป็นนิ่ง ซะได้ “…” เขาไม่ได้รอคำตอบจากฉันแต่ก้มลงมาประกบริมฝีปากของเขาเข้ากับปากฉันทันที พร้อมยังกระชับอ้อมแขนที่กอดฉันอยู่ให้แน่นขึ้น ในคราแรกที่เขาแตะริมฝีปากลงมาก็ทำให้ชะงักและดันตัวเขาออก เขาจึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเพื่อประคองหน้าฉันไว้เพื่อไม่ให้ขยับหนี เขาขยับริมฝีปากเม้มไปทั่วทั้งปากของฉันเพื่อเป็นการหยอกล้อแต่ก็เต็มไปด้วยความละมุน ริมฝีปากที่สัมผัสลงมาทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มและสั่นไหว เนื่องจากความชำนาญของเขา ทำให้ไม่สามารถต่อต้านการกระทำนี้ได้ เขาหยอกเย้าอยู่บนริมฝีบางและขบเม้มเบาๆ เพื่อเป็นการเปิดทางให้เขาได้เข้าไปสัมผัสกับความหวานภายในที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาก่อน จูบที่เต็มไปด้วยความละเมียดละไมไม่รีบร้อน ทำให้ฉันอยากสัมผัสมันขึ้นไปอีก เขาสัมผัสและสอนในบทเรียนที่ฉันไม่เคยรู้ มือข้างที่โอบฉันไว้ลูบขึ้นลงเหมือนเป็นการปลอบประโลม เพื่อให้ฉันโอนอ่อนตาม และดูเหมือนแค่นี้ยังไม่พอ เขายกตัวฉันลงจากตักและดันตัวฉันลงนอนบนที่นอนเบาๆ แต่ริมฝีปากของเราทั้งสองยังคงไม่ห่างออกจากกัน เมื่อหลังแตะกับที่นอนก็เหมือนทำให้ฉันได้สติกลับคืนมา และคิดว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันเริ่มจะมากเกินไป และหยุดการกระทำทุกอย่างด้วยการแตะมือที่ไหล่ของเขาและดันตัวเขาออกให้ห่าง ในตอนแรกเขาเหมือนจะไม่ยอมหยุด แต่ฉันก็ใช้แรงมากขึ้นจนเขายอมผละตัวออกไป “ทำไม...” สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ว่าฉันให้เขาหยุดทำไม ฉันไม่โทษเขาหรอก เป็นเพราะฉันที่ยอมและเคลิบเคลิ้มไปกับเขาเอง ด้วยความอ่อนประสบการณ์ในเรื่องนี้ของฉัน ทำให้ไม่สามารถต้านเขาได้ “พอแล้ว...” “...” “นะคะ” ฉันบอกพร้อมกับเกลี่ยผมที่ติดอยู่บนหางคิ้วออกให้เขา “อย่าอ้อน...มันจะทนไม่ไหว” เขาว่าพร้อมกับก้มลงมาฟัดแก้มฉันแล้วผละตัวออกเดินหนีเข้าห้องน้ำไป รอดตัวไปแล้วสิฉัน เขาเกินต้านทานจริงๆ อยู่ใกล้ทีไร มักจะไม่เป็นตัวเองอย่างที่เคยเป็น ยอมเขาไปซะทุกอย่าง ต่อไปนี้ต้องระวังตัวมากขึ้น ระวังตัวเองไม่ให้เคลิ้มไปกับสิ่งที่เขาทำนี่แหละ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ที่ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน ไว้เป็นเมื่อไรค่อยว่ากันอีกที หลายๆ คนอาจจะบอกว่าฉันง่ายเกินไปรึเปล่า เป็นแค่คนที่คุย ๆ กัน แต่ก็ทำในสิ่งที่มันเกินสถานะ นั่นคือสิ่งที่คนอื่นคิด แต่ความรู้สึกภายในของเราทั้งสองคนมันเกินไปมากกว่านั้น ฉันสัมผัสมันได้ ความรู้สึกของฉันตอนนี้มันการันตีได้ว่าฉันรู้สึกดีกับเขาและฉันก็คิดว่าเขาคงคิดเหมือนๆ กัน จะว่าฉันเข้าข้างตัวเองก็ได้ เพราะการกระทำของเขามั่นคงและสม่ำเสมอ (รุกสม่ำเสมอ) ตอนนี้ก็เราคุยเพื่อศึกษากันไป รอเวลาอันสมควรที่มั่นใจมากกว่านี้ และดูว่าใครจะเป็นฝ่ายที่จะเอ่ยคำนั้นออกมาก่อนกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD