“เมื่อไรจะถึงเราวะแก ยุงจะหามฉันไปกินอยู่แล้ว” ยัยซูซี่ว่า ตอนแรกนางก็ตื่นเต้นกว่าใครเพื่อน พอรอนานหน่อยก็เริ่มบ่นไม่หยุดโดยมียัยแพรวผสมโรง
“นั่นสิ ทำไมช้าขนาดนี้”
“คนมันเยอะแกก็อย่าบ่นนักเลย อยู่นิ่งๆ” ฉันบอกยัยแพรวไป ก็ยัยนี่ขยับตัวไปมาอยู่ไม่สุขตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าฉันไม่เบื่อนะทั้งร้อนทั้งเมื่อย แต่จะทำอะไรได้ ในเมื่อก็ต้องรอต่อไปอยู่ดี คนอื่นทนได้เราก็ต้องทนได้
บ่นไปได้ไม่นานก็ถึงรอบของกลุ่มฉันที่จะได้รับแล้ว พอพวกฉันตั้งแถวเสร็จ พี่ๆ ที่จะเป็นคนมอบเสื้อช็อปให้ก็จะเดินแทรกเข้ามาตามแถวและมายืนที่ตรงหน้าน้องแต่ละคนพร้อมกับเสื้อช็อป พี่คนที่อยู่ตรงหน้าฉันเป็นผู้ชายแหละ รูปร่างสูงโปร่งผิวขาวยังกับดาราเกาหลี แถมใบหน้าพี่เขายังยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาอีกต่างหาก ฉันมองพี่เขาและก็เหมือนพี่เขาจะมองฉันกลับเหมือนกัน
“เสื้อน้องคือไซส์เอสถูกไหม” พี่เขาถามเพื่อเป็นการเปิดสนทนา ไม่ต้องสงสัยนะว่าพี่เขารู้ได้ไง เพราะที่ที่ยืนก็เป็นที่ที่พี่เขากำหนดไว้อยู่แล้วว่าใครยืนตรงไหน และมีการเช็กไซส์เสื้อของแต่ละคนไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน
“ค่ะ” เมื่อได้รับคำยืนยัน พี่เขาก็ขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม เขาตัวสูงมากสูงกว่าฉันเยอะเลยทำให้เขาต้องก้มตัวลงมาพร้อมกับใส่เสื้อช็อปให้ฉัน ทำไมตอนนี้ฉันรู้สึกขนลุกกัน ไม่ใช่ว่าพี่เขาเข้ามาใกล้หรอกนะ แต่ขนลุกเพราะเหมือนมีสายตาที่มองไม่เห็นจ้องมาจากไหนไม่รู้
“ขอบคุณค่ะ” จริงๆ พี่เขาแค่คลุมให้เฉยๆ อะนะ ฉันก็ใส่ต่อให้มันเรียบร้อยเอง
“น้องเรียนสาขาอะไรครับ” พี่เขาก็ยังคงถามด้วยหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม ระหว่างที่รอคนอื่นๆ
“เครื่องกลค่ะ” ฉันตอบเขากลับไป
“อ่า...ถึงว่าไม่เคยเจอ พี่ชื่อกาย เรียนโยธาปีสามน่ะ” พี่เขาก็ดูท่าทางเฟรนลี่ดีนะ แต่คงไม่ได้เจ้าชู้เหมือนพี่ดินหรอก
“อ๋อค่ะ” ฉันก็เพียงแค่ตอบกลับไปเพื่อให้รู้ว่าฉันรับรู้แล้ว
“แล้วไม่คิดจะแนะนำตัวกับพี่หน่อยเหรอครับ”
“อ่า...ซินค่ะ ชื่อซิน”
แล้วเพื่อนคนอื่นๆ ก็ได้เสื้อช็อปจนครบพอดี ฉันเลยยิ้มให้กับพี่เขาพร้อมกับเดินตามเพื่อนๆ ออกมา
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องซิน”
เสร็จพิธีต่างๆ แล้วฉันกับซูซี่ก็มายืนอยู่หน้าตึก เพื่อที่จะรอส่งยัยแพรวกลับกับแฟนของนาง คงจะไปหาอะไรกินกันต่อแหละมั้ง ยืนรอได้สักพักพี่สิบทิศก็เดินเข้ามาหายัยแพรว
“รอนานไหมตัวเล็ก” เดี๋ยวนี้เขาพัฒนานะ มีการเรียกชงเรียกชื่อเฉพาะแทนกันด้วย
“นานมากกก เค้าหิวจะตายอยู่แล้ว” และนี่ก็เป็นสกิลการตอแหลของชะนีที่มีแฟนและอยากอ้อนแฟน พึ่งเดินมารอเมื่อกี้0มันนานที่ไหนกัน
“พี่ขอโทษ งั้นไปกัน”
“ซูซี่ไปด้วยกันไหม” อ้าว? ทำไมถามแต่ซูซี่ไม่ถามฉันล่ะ ถ้าซูซี่ไปฉันจะกลับยังไง
“ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่อยากไปเป็นก้าง” ยัยซูซี่ตอบกลับไป ซึ่งก็ถือว่าโชคดีของฉัน
ก่อนที่พี่สิบทิศจะพายัยแพรวออกไป พี่เขาก็หันมามองหน้าฉันพร้อมกับกระซิบบอกอะไรบางอย่าง เพื่อให้ได้ยินกันสองคน ‘ดูแลตัวเองด้วยนะ เหมือนจะมีบางคนรอน้องอยู่ ท่าทางมันหงุดหงิดด้วย’ บางคนที่เขาหมายถึงนี่ คือเฮียอัครึเปล่า
คือตอนนี้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฉันและเพื่อนเขารู้เรื่องของฉันกับเขาหมดแล้ว ก็คิดแค่ว่าแพรวรู้ซูซี่รู้ โลกก็ต้องรู้ด้วยเหมือนกัน หรือไม่ก็น่าจะเป็นพวกพี่ๆ นั่นแหละที่สั่งให้ยัยสองคนนี้มาสอบสวนฉันตั้งแต่แรก
ฉันกับยัยซูซี่เดินมาตามทางที่พอจะมีแสงสว่างเพื่อไปยังที่จอดรถ ที่ยัยซูซี่จอดรถไว้
“ทำไมมาจอดที่นี่เนี่ยกะเทย” ฉันถามเพราะปกติจะจอดที่ลานข้างๆ คณะ แต่นี่มันหลังคณะ
“ก็เมื่อเช้าแกก็เห็นว่าคนเอารถมากันเยอะ มีที่จอดซะที่ไหนล่ะ” ใช่ ลืมไปเลย
เดินมาเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงรถ ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นบางคนที่พี่สิบทิศบอก ยืนกอดอกพิงรถของเขาที่จอดอยู่ใกล้ๆ กับรถของยัยซูซี่ด้วยท่าทางที่ดูเงียบเหมือนจะปกติ แต่ก็ไม่ปกติก็ตรงสายตาที่เขามองมานี่แหละที่มันดูดุดันกว่าปกติ หรือว่าฉันคิดไปเอง
ไม่รอให้ฉันคิดนาน เขาก็เดินเข้ามาหาฉันกับซูซี่ทันที
“ขึ้นรถ” เป็นอย่างที่พี่สิบทิศบอกจริงๆ ด้วยว่าท่าทางและสายตาของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดแล้วไปโกรธใครมาล่ะ คือเขามารอฉันจริงๆ เหรอ
“เอ่อ” ฉันมองไปทางซูซี่ซึ่งตอนนี้นางก็ตัวแข็งไปแล้ว คงจะกลัวเขาน่ะ คือมองเพราะตั้งใจจะบอกว่าจะกลับกับซูซี่ และทุกคนไม่ต้องสงสัยนะว่าทำไมเขาถึงกล้าเข้ามาหา ฉันได้บอกเขาไปแล้วแหละว่าทุกคนรู้เรื่องเราหมดแล้ว อีกอย่างเพื่อนของเขาก็คงบอกเขาแล้วเหมือนกัน
“ซูซี่” เขาหันไปหาซูซี่ ยัยซูซี่ก็ทำหน้าเหลอหลาทันทีที่เขาเรียกนั่นจะกลัวอะไรขนาดนั้น
“คะ คะ มีอะไรเหรอคะ” ก็ยังคงพูดสะดุดเหมือนเดิม
“กลับคนเดียวได้ไหม?”
“ได้ค่ะได้ พี่อัคคีจะพายัยซินไปไหนก็ไปเลยค่ะ” พูดรัว ๆ พร้อมกับดันตัวฉันให้ไปหาเขาอีกต่างหาก
“ถ้าหิว...ไปกินข้าว ร้านเดิม”
“…”
“ไอ้ดินรออยู่นั่น ฉันเลี้ยง”
“ขอบคุณค่ะ ขอสองจานนะคะ ฉันไปก่อนนะชะนี” ว่าแล้วก็รีบเผ่นแนบทันที นี่ไม่รู้ว่าเพราะกลัวหรือเห็นแก่ของฟรี ถึงได้ทิ้งเพื่อนอย่างฉันไว้
“ไปได้ยัง” หลังจากที่เพื่อนฉันไปแล้ว เขาก็หันมาถามฉันด้วยสายตาดุๆ เอ้า นี่อยากถามจริงๆ ว่าเขาเป็นอะไร ฉันพยักหน้าตอบเขาแล้วก็เดินตามหลังเขาต้อยๆ มาขึ้นรถ
พอมานั่งอยู่ในรถก็รีบคาดเบลท์ให้เรียบร้อย ต้องรีบก่อนไม่งั้นเดี๋ยวเขามาทำให้ แต่ดูจากอารมณ์ตอนนี้ไม่น่าจะทำ เพราะพี่ดูไม่จอยเลย ฉันควรถามเขาไหม พามาก็มานั่งเงียบใส่กันเฉย
แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไร เขาก็สตาร์ทรถและขับออกจากมหาลัยอย่างรวดเร็ว นี่ฉันจะตายไหม รีบอะไรขนาดนั้นพ่อคุณ
“มันเป็นใคร” ขับรถมาได้สักพักเขาก็พูดขึ้นมาทำลายความเงียบ แล้วที่เขาถามนี่หมายถึงใคร
“คะ?”
“ไอ้คนที่ใส่ช็อปให้เธอน่ะ...มันเป็นใคร” ถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มกว่าเดิม แล้วยังเร่งความเร็วรถขึ้นไปอีก แล้วนี่เขาเห็นด้วยเหรอ อย่าบอกนะว่าไอ้สายตาลึกลับที่ทำให้ฉันขนลุกน่ะก็คือเขา งานเข้าฉันแล้ว ปล่อยงานให้ใครได้บ้าง ฮือออ