อัคคี Talk
ก็เพราะว่าเธอนั่นแหละที่เป็นคนทำให้ผมทิ้งขนมที่ตั้งใจซื้อไว้ให้ วันนี้เป็นวันรับช็อปซึ่งพิธีที่จัดก็ค่อนข้างใช้เวลานาน และผมก็รู้ดีว่าหลังจากเสร็จงานเธอต้องหิวมากแน่ๆ เพราะถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มีลักษณะร่างกายเหมือนคนที่กินเยอะ มีรูปร่างดีแต่ก็เป็นคนที่กินเยอะเกินตัว
สังเกตจากการที่ไปกินข้าวด้วยกันหลายๆ ครั้ง เธอจะกินไปเรื่อยๆ จนทุกอย่างที่สั่งหมด แต่ไม่ได้กินเร็วหรือมูมมามอะไรนะ ซึ่งผมก็มองว่ามันน่ารักดี เธอดูเป็นตัวเอง ไม่ได้เสแสร้งเหมือนบางคนเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น และระหว่างที่พิธีการกำลังดำเนินไป ผมก็แยกตัวออกจากเพื่อนๆ มาเพื่อซื้อขนมไว้รอเธอ
เดินออกมาเรื่อยๆ ก็ถึงร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ กับตึกคณะ ร้านนี้เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแม้ว่าจะอยู่ภายในมหาลัย เพราะนักศึกษาบางส่วนก็อยู่มหาลัยจนดึก จนเช้าก็มีอย่างพวกคณะสถาปัตย์ที่ทำงานตลอด ไม่ได้หลับไม่ได้นอน บางกลุ่มก็จะทำงานอยู่ที่มหาลัยในห้องที่คณะหรือสาขาวิชาจัดไว้ให้นั่นแหละ มันก็สะดวกดีกว่ากลับไปอัดกันทำที่ห้อง ทำเสร็จก็ส่งได้ง่าย
ในร้านตอนนี้คนไม่เยอะเท่าไร ผมเลยเลือกของได้สะดวก ไม่ต้องเจอใคร หรือมีใครเข้ามาทักทาย ขี้เกียจตอบ ปกติผมก็ไม่ค่อยอยากจะคุยกับใครนอกจากเพื่อนตัวเองอยู่แล้ว บางทีกับเพื่อนตัวเองก็ยังขี้เกียจคุยด้วยเลย
เลือกของให้น้องได้แล้ว ผมก็ไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์และเดินกลับมาที่คณะ และด้วยความที่ไม่อยากให้เพื่อนมันเสือก วุ่นวายถามอะไรมาก เลยเก็บของที่ซื้อมาไว้ที่รถก่อน วันนี้ผมกะจะพาเธอกลับและไปส่งอยู่แล้ว เพราะไหนๆ พวกเพื่อนผมและเพื่อนน้องก็รู้เรื่องของเราหมดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีก ดีซะอีกผมจะได้ทำอะไรๆ สะดวกขึ้น
“มึงหายไปไหนมาตั้งนานวะไอ้อัค”
ไอ้กานต์ ไอ้เพื่อนจอมรู้ดีของผมถามขึ้น หลังจากที่เห็นผมเดินกลับเขามาอยู่ในกลุ่มตามเดิม
คือพวกผมไม่ได้ทำอะไรหรอกแค่มาร่วมงาน มาดูเฉยๆ นั่นแหละ เพราะคนที่เตรียมไว้พอแล้ว บอกแล้วว่าปกติไม่เข้ากิจกรรมเลยด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะว่าแฟนไอ้สิบทิศมา มันก็เลยอยากจะมาและพวกผมก็เลยต้องติดสอยห้อยตามมาด้วย จริงๆ แล้วก็มาเพราะน้องนั่นแหละ
“ไม่ยุ่ง” ผมตอบคำถามไอ้กานต์ ผมรู้ว่ามันรู้ดี แต่ทำเป็นถามผมไปงั้นแหละ
“หึ” ว่าแล้วมันก็เลิกสนใจผมกลับไปดูพิธีการตรงหน้า
ตอนนี้ก็ถึงรอบของน้องแล้ว และดูเหมือนว่าจะมีอะไรที่ทำให้ผมหงุดหงิดแล้วสิ สิ่งที่ผมให้ในตอนนี้ คือไอ้ผู้ชายที่มันยืนอยู่ข้างหน้าเธอ ไม่ใช่แค่การมอบช็อปให้เธอแบบธรรมดา ทำไมต้องใกล้กันขนาดนั้น และดูเหมือนทั้งสองคนจะคุยอะไรบางอย่างที่ผมไม่ได้ยิน เพราะอยู่ห่างออกมา
แล้วนั่นทำไมต้องยิ้มให้กันด้วย ผมเริ่มจะไม่ไหวแล้ว ไอ้นั่นมันจะคุยอะไรนักหนา ตอนนี้เหมือนข้างในมันสุมไปหมด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมองทั้งสองคุยกันและรอจนพิธีเสร็จ
“มึงเป็นไรวะ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
ผมไม่ตอบในสิ่งที่มันสงสัย แต่บอกมันให้บอก ‘เธอ’ คนที่ทำให้ผมหงุดหงิดว่ารออยู่ที่รถ และเดินหนีออกมา ผมไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล แต่ไม่รู้ทำไมในตอนนั้นแค่เห็นเธอกับมันคุยและใกล้ชิดกัน ทำให้ผมพาลโกรธไปหมด
ซึ่งนั่นแหละเพราะผมโมโหที่เธอยิ้มและคุยกับมันด้วยท่าทางสนิทสนม ก็เลยทิ้งขนมที่เตรียมเอาไว้ให้เธอ แต่พอหลังจากทิ้งไปแล้วก็คิดได้ ว่าควรจะถามเธอก่อน แต่ก็นั่นแหละมันก็ยังโมโหอยู่ดี แต่พอเจอเธอที่อธิบายดูเหมือนจะใส่ใจและเจอลูกอ้อนแบบนั้น ผมก็เลยใจอ่อนแล้วก็ลืมเรื่องนี้ไปได้ง่ายๆ ก็ถือว่าครั้งนี้เธอรอดตัวไปแหละนะ
End Talk
“อ้าว” เป็นงงไปเลยฉันไปทำอะไรให้เขาตอนไหน ดูจากสีหน้าเขาตอนนี้แล้ว เหมือนกำลังรำลึกอะไรในใจ
“โมโห เลยทิ้ง” แล้วเขาก็ไขข้อสงสัย และก็ไม่ต้องถามอะไรไปอีกหรอก ฉันฉลาดมากพอที่จะรู้ว่าเขาบอกว่าโมโห ก็คงจะหมายถึงเรื่องก่อนหน้านี้แหละ เขาคงซื้อมาให้ แล้วพอมาเห็นแบบนั้นก็เลยพาลโมโห และเอาขนมไปทิ้ง สิ่งเดียวที่ฉันคิดตอนนี้คือ
“เสียดายขนม คราวหลังห้ามเอาไปทิ้งอีกนะ” แล้วไม่รู้ว่าคำพูดฉันมันไปสะดุดอะไรเขา ถึงได้ยกมือมาเขกเข้าที่หัวฉัน เหมือนจะมันเขี้ยว
“เห็นแก่กิน” ไม่ปฏิเสธค่ะ
หลังจากนั้นก็เขาก็พาฉันไปกินข้าวและขับรถมาส่งที่หอ และก็เหมือนเดิมตรงที่เขาเป็นป๋าเลี้ยงอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าอยากให้เขาเลี้ยงหรือจ่ายนู่นนี่ให้ตลอดหรอกนะ แต่พอไปด้วยกันเขาก็ไม่ยอมให้ฉันจ่ายอะไรเลย เขาจะบอกเสมอว่าเขาเป็นผู้ชายมีหน้าที่ดูแลผู้หญิง เขาพามาเขาจ่ายก็ถูกต้องแล้ว อีกอย่างแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอก ไม่ใช่ว่าฉันเห็นด้วย แต่ปฏิเสธไปก็เสียเวลาเปล่า ยังไงก็ไม่ชนะเขาหรอก
“พรุ่งนี้มีเรียนตอนไหน” ก่อนจะแยกกันเขาก็ถามขึ้นมาก่อน
“อืม...มีเรียนบ่ายค่ะ” ฉันคิดและตอบเขาไป และเหมือนเดิมค่ะ มีเรียนบ่ายเพราะตอนเช้าอาจารย์ยกคลาส ติดธุระ ทำให้ในตอนเช้าไม่มีการเรียนการสอน หมายความว่าตื่นสายได้
“เหมือนกัน...เดี๋ยวมารับ”
“โอเคค่ะ งั้นไปก่อนนะคะ” เมื่อเขาพูดมาแบบนั้น ฉันก็ไม่มีอะไรขัดอยู่แล้วเพื่อนก็รู้แล้ว เพราะฉะนั้นเขาจะมารับไปเรียนพร้อมกันก็ไม่แปลก และตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว วันนี้ทั้งเรียนและทำกิจกรรมมาทั้งวันอยากขึ้นไปพักผ่อนจะแย่แต่ก็ดูเหมือนเขาจะไม่ปล่อยฉันไปง่ายๆ
“ยัง...” เขาฉุดแขนฉันไว้พร้อมกับขยับตัวและเอียงแก้มเข้ามาใกล้ฉัน
“คะ?” อะไรของเขาอีกทำท่าทางแบบนี้ทำไมกัน
“ยังไม่ลืม...หอมแก้ม” นี่จะบ้าเหรอ ฉันคิดว่าเขาลืมไปแล้วนะเนี่ย ยังจะมาทวงอีก
“หอมแก้มอะไรกันอย่ามามั่ว”
“ไม่มั่ว...เธอบีบแก้มฉันก็ต้องหอมแก้มฉันด้วย”
“ต่อไปจะไม่ทำแล้ว” จะไม่ทำแล้วจริงๆ เล่นอะไรไม่ได้เลย เอามาเป็นข้ออ้างหาประโยชน์ให้ตัวเองได้หมด เจ้าเล่ห์จริงๆ
“แต่ทำไปแล้ว...ต้องหอม เร็ว” เขาไม่ยอมแถมยังมาเร่งอีก นี่คือถ้าไม่ทำก็จะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ ใช่ไหม โอเคฉันยอมแล้ว หอมก็ได้ ในเมื่อคิดแล้วก็ทำเลย ฉันหลับตาเพื่อลดความอายแล้วรีบขยับหน้าเขาไปเพื่อใช้จมูกแตะลงที่แก้มเขาเร็วๆ และรีบถอนตัวกลับมา แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เมื่อเขากระชากตัวฉันกลับเข้าไปหาเขาใหม่ พร้อมกับประทับริมฝีปากบางของเขาลงมาที่....