ฉันหันขวับพร้อมกับจ้องเขาด้วยหน้าตาที่ตกใจสุดขีด นี่ฉันไปคบกันเขาตอนไหนกัน และตอนนี้คงไม่ใช่แค่ฉันที่ตกใจ เพราะเพื่อนเขาก็ออกอาการไม่ต่างจากฉัน เป็นการอธิบายที่จบทุกคำถาม แต่มันไม่ใช่เรื่องนี่สิ เขากำลังหาเรื่องมากกว่าเดิม
จากที่ตอนแรกที่เขาแค่ชวนมาดูหนังที่ห้อง เผลอหลับไป หิวและกำลังจะไปกินข้าว แต่เพื่อนเขาดันมาเจอฉันที่อยู่ห้องเขาซะก่อน พี่ๆ เขาสงสัยก็แค่อธิบายอะไรไปก็ได้เพื่อให้พวกเขาเลิกถาม แต่ไม่ใช่การที่แก้ตัวด้วยการบอกว่าคบกันอยู่อย่างที่บอกไปเมื่อกี้ แล้วอย่างนี้ฉันควรทำยังไง เล่นไปตามน้ำหรือว่าควรจะปฏิเสธออกไป
ที่บอกให้ฉันเงียบไม่ต้องอธิบายอะไร เขาจะจัดการเองคือจัดการแบบนี้รึไง แบบนี้ไม่ได้โว้ยยยย ไม่ได้การละฉันต้องอธิบายเอง
“เอ่อ...มะ ชะชะ ใช่ค่ะๆ คบกันแล้ว” ฉันที่กำลังจะปฏิเสธคำพูดของเขา แต่กลับเป็นเขาที่ไวกว่าก้มตัวลงมาพร้อมกับทำท่าเหมือนจะโอบไหล่แต่ความจริงเขาบังคับบีบไหล่ฉันเบาๆ และมองมาเหมือนเป็นการห้ามไม่ให้ฉันปฏิเสธกับสิ่งที่เขาพูดไป ไม่รู้แล้วอยากทำอะไรก็ทำ
“เชี่ยยยย เซอร์ไพรส์กว่านี้มีอีกไหมวะ” และเป็นพี่ดินเจ้าเดิมที่พูดขึ้นมาเป็นคนแรกหลังจากที่ตกใจจนนิ่งไป คงไม่คิดว่าการขอคำอธิบาย จะได้คำอธิบายที่ตอบกลับมาแบบเหนือกว่า
เซอร์ไพรส์พวกเขาก็เซอร์ไพรส์ฉันไม่ต่างกัน วันนี้มันวันอะไรของฉันกัน นี่แค่จะไปกินข้าว แต่ดันเจอแจ็กพอตเป็นพี่ๆ ที่มากันพร้อมหน้าพร้อมตากัน ข้าวก็ไม่ได้กิน กลับต้องมานั่งเคลียร์ แต่ก็เหมือนจะไปกันใหญ่กว่าเดิม เฮียนะเฮีย นี่เขารู้ตัวไหมว่าทำให้เรื่องมันเลยเถิด
“ปิดเงียบกันเลยน้า” ปิดสิ ฉันก็พึ่งรู้พร้อมทุกคนนี่แหละจ้ะ อยากจะตอบไปแบบนี้ซะจริง
“มันร้ายว่ะ” ขอยกคำนี้ไปตั้งสเตตัสแล้ว กระทืบไลค์สักร้อยที
จากนั้นพวกพี่เขาก็เอ่ยแซวเราสองคนไม่หยุด ตอนนี้ฉันก็ได้แต่นั่งทำใจยอมรับ และไหลตามน้ำไปเพื่อไม่ให้ใครสงสัย และเพื่อนของฉันมันก็รู้แล้วด้วย เพราะพี่สิบทิศน่าจะเป็นบอกมัน นี่ก็กระจายข่าวเร็วกันจัง ข่าวปลอมเนี่ย
ตอนนี้แชตไลน์กลุ่มเด้งรัวๆ แต่ฉันไม่ได้กดเข้าไปอ่าน ขอฉันตั้งหลักก่อนแล้วกัน ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรและขอจัดการกับตัวต้นเรื่องก่อน ที่ตอนนี้ได้แต่นั่งเฉย เพื่อนพูดก็ไม่ปฏิเสธอะไร ทีอย่างนี้ทำมาเป็นหน้ามึน มันน่าหยิกให้ตัวเขียวซะจริง
“สรุปมึงมาทำไมกัน” ปล่อยให้เพื่อนพูดมานาน เขาก็เป็นฝ่ายถามเพื่อนเขาบ้าง อันนี้ก็เป็นคำถามที่ฉันอยากจะรู้พอกัน
“คิดถึงจึงมาหา” พี่สิบทิศว่าด้วยใบหน้าทะเล้น อยากโทรหายัยแพรวมาเอาตัวพี่เขากลับไปจริงๆ
“เอาดีๆ” เขาพูดด้วยเสียงจริงจัง เมื่อเพื่อนของเขาเอาแต่เล่นไม่ตอบคำถามดีๆ สักที
“เออออ วันหยุดว่างๆ ทั้งที ก็อยากเที่ยวเล่นตามประสาชายโฉด แต่พอไลน์หามึง มึงกลับไม่อ่านไม่ตอบ โทรมาก็ไม่รับสาย ทำให้พวกกูต้องบุกมาที่ห้องมึงนี่ไง กลัวว่าจะนอนตายเป็นปลาแห้งให้หนอนเจาะไปแล้ว แต่นอกจากมึงจะไม่เป็นปลาแห้งแล้ว มึงยังเป็นแมวที่ซุกปลาแห้งไว้อีกต่างหาก”
พี่เขาร่ายยาวมาพร้อมกับมองหน้าฉันกับเฮียสลับกันไปมา ราวกับจะบอกว่าเฮียเป็นแมว และปลาแห้งที่เฮียซุกไว้ก็คือฉัน โอ๊ย นี่พี่ๆ ทุกคนคือไปกันใหญ่แล้ว จบประโยคพี่ดินพวกพี่เขาก็ผสมโรงหัวเราะกันใหญ่และกลับมาแซวกันต่อ นี่ฉันจะไม่หลุดพ้นเรื่องนี้จริงๆ ใช่ไหม แล้วที่พวกพี่เขาเปรียบนี่ขอดีกว่านี้ไม่ได้รึไง ใครจะอยากเป็นปลาแห้งกัน
“แมวซุกปลาแห้งเหี้ยไรล่ะ” เฮียว่าเพื่อนของเขาแล้วโยนหมอนอิงไปใส่เพื่อให้เลิกพูดสักที ควรทำตั้งนานแล้วเถอะ
“น้องซิน พี่ขอยืมตัวไปทอดที่ห้องได้ไหมคะ ดูท่าจะ’ อร่อย’ เพื่อนพี่ถึงติดใจ” พี่ดินเปลี่ยนเป้าหมายหันมาเล่นงานฉันแทน พร้อมกับพูดด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์ กวนเก่งจริงๆ ฉันขอให้เขาโดนแบบที่พวกฉันโดนบ้าง ชิ
“ไอ้ตีน!!!” อ่าแล้วเฮียก็เปลี่ยนชื่อให้พี่ดินเรียบร้อย ฉันว่าชื่อนี้ก็เหมาะกับเขาดีนะ ชอบพูดจากอ้อนอวัยวะคนอื่นดีนัก
“ฮ่าๆๆ” สีสันของกลุ่มนี้ทำให้ฉันปวดหัวนับครั้งไม่ถ้วน หนีไปตอนนี้ยังทันไหม
และนั้นล่ะค่ะ หลังจากที่โดนป่วน และไม่มีวี่แววว่าจะไปได้ไหน เฮียคงรู้ถึงความหิวของฉัน เพราะก่อนหน้าที่เพื่อนเขาจะมาฉันก็บอกเขาไปแล้วว่าหิวมาก แต่พอโดนป่วนเลยทำให้ออกไปหาอะไรกินไม่ได้ เขาเลยสั่งอาหารเดลิเวอรี่จากร้านต่างๆ มากินกันที่ห้องแทน
และกินอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันประหนึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ โดยมีลูกชายหน้าตาดีทั้งหลายรายล้อม แต่นิสัยของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป อยู่แยกกันเป็นเรื่องดี แต่ถ้าอยู่รวมกันเมื่อไรเหมือนหายนะ ถ้าฉันเป็นแม่ฉันขอลาตายเลยดีกว่า
กินข้าวเสร็จพวกพี่ๆ ก็ยังไม่ยอมไปไหนกัน ฉันคิดว่าจะขอเฮียกลับแต่นอกจากจะไม่ให้กลับแล้ว เขายังพาฉันออกมาข้างนอกเพื่อซื้อของกินเล่นให้เพื่อนๆ เขาที่เล่นเกมอยู่ในห้องของเขา แล้วแทนที่จะพาไปส่งให้จบๆ ก็ไม่พาไป
ตอนนี้เราเดินออกมาแถวคอนโดเขาอะนะ ร้านค้าต่างๆ ก็ไม่ได้อยู่ไกลมากหรอก ทำให้ไม่ได้ขับรถออกมา พอได้อยู่กันสองคนก็สบโอกาสที่ฉันจะได้ถามเขาระหว่างที่เรากำลังเดินอยู่
“เฮีย ทำไมเฮียบอกเพื่อนไปแบบนั้นอะ” ฉันเริ่มเปิดบทสนทนาถึงเรื่องที่พึ่งผ่านไป พอได้ยินคำถามของฉัน เขาก็หยุดเดินแล้วหันมาเพื่อคุยกับฉันด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ติด?” สีหน้ากับคำพูดไปคนละทาง เขานี่มันกวนจังวะ จะตอบกลับมาดีๆ ไม่ได้รึเลยรึไง ไม่ตอบแล้วยังมาถามกลับอีก และใช่ ติดโว้ย ติดมากด้วย
“เฮียยยย เรายังไม่ได้คบกันจริงๆ สักหน่อย บอกไปแบบนั้นจะทำให้เรื่องมันไปกันใหญ่ เพื่อนเฮียรู้ โลกก็ต้องรู้” ฉันว่าเขาไปพร้อมกับทำหน้ายู่ใส่เขา
“อืม…” ห๊า อืม คำเดียวที่เขาตอบฉันมาเนี่ยนะ ไอ้คนหน้ามึน ไอ้ ไอ้ ไอ้ โว้ยยยย หมด ไม่มีคำจะพูด
คำคำเดียวที่เขาตอบมาเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ได้เดือดร้อนไปด้วยทำให้ฉันหงุดหงิด เลยเดินหนีนำหน้าเขาออกมา
“หงุดหงิดอะไร"
เดินมาได้แป๊บเดียวเขาก็เดินตามมาพร้อมกับฟาดแขนยาวๆ มาคล้องคอล็อกตัวฉันไว้ไม่ให้เดินหนีเขาอีก ฉันพยายามดันของออกแต่ก็ไม่สู้แรงเขาอยู่ดี นี่จะตามมาให้หงุดหงิดกว่าเดิมรึไง ตัวเองทำให้คนอื่นหงุดหงิดยังไม่รู้ตัวอีก