GEAR 7 : ความแตก...ไหม? 2

1159 Words
เมื่อวานนี้ฉันคุยโทรศัพท์กับเขาจนดึก แต่อย่าเรียกว่าคุยเลย เรียกว่านอนฟังเสียงลมหายใจกันและกันดีกว่า นานๆ ทีเขาจะพูดขึ้นมาสักคำ และไอ้คำพูดที่เขาพูดก็คือ ‘นอนยัง’ ‘ยังอยู่ไหม’ ไอ้ฉันก็ง่วงแต่ก็ไม่กล้าหลับหนีเขาและยังคอยตอบเขาเรื่อยๆ ฉันน่ะไม่มีอะไรทำหรอก ส่วนเขาทำงานที่อาจารย์สั่งอยู่ที่ห้องก็เลยคอลกันทิ้งไว้ไปด้วย คงกะจะหาเพื่อนอยู่ดึกสินะ แต่ฉันไม่ไหวโว้ยยยย และชิ่งหลับหนีเขาไปตอนไหนไม่รู้ หวังว่าคงไม่ได้ละเมออะไรให้เขาฟังหรอกนะ ลืมเล่าไปเลยวันนี้เป็นวันรับเสื้อช็อปคณะ เห็นพี่บอกว่ามีพิธีอะไรเล็กน้อยในตอนเย็นหลังเลิกเรียน ไม่ได้ใช้เวลาเรียนในการจัดงานนะ เสื้อช็อปก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของพวกเราชาววิศวะ เพราะฉะนั้นจะแจกให้ง่ายๆ เหมือนไม่มีความสำคัญเป็นแค่เสื้อตัวหนึ่งก็ไม่ได้ และอีกอย่างการใส่เสื้อช็อปของมหาลัยของฉัน ก็ต้องใส่ให้ถูกระเบียบ เราจะใส่ทับเสื้อยืดที่เป็นเสื้อที่คณะแจกให้อีกที และจะต้องใส่กับกางเกงขายาวและรองเท้าผ้าใบเท่านั้น นั่นก็เพื่อความเหมาะสมและ เป็นการแต่งตัวให้ถูกกาลเทศะ ใส่ยังไงให้รู้ว่าเป็นวิศวะไม่ใช่เด็กช่าง และสำคัญที่สุดเลยห้ามใส่ไปสถานบันเทิงยามค่ำคืน เพื่อเป็นการโชว์พาวเวอร์ว่าตัวเองคือเด็กวิศวะแบบนี้ไม่ได้เป็นอันเด็ดขาด นั่งคิดอะไรไปได้สักพัก ฉันก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวไปเรียน วันนี้ฉันอาบน้ำนานเป็นพิเศษ ชุดที่ใส่วันนี้ก็ยังเป็นชุดนักศึกษาเหมือนเดิม ถ้าใครกำลังเรียนมหาลัยหรือเคยใส่ชุดนักศึกษาจะรู้ว่าการใส่ชุดนี้เป็นการเพิ่มความขี้เกียจไปเรียนหนึ่งระดับ เพราะต้องใส่กระดุมเข้ากับรังดุมใหม่ทุกครั้ง หลังจากที่ต้องถอดออกเพื่อซักรีดและต้องรีดอย่างเนี้ยบ เดี๋ยวเพื่อนจะหาว่าใส่ตัวเก่า กระโปรงพลีทก็ไม่มีกระเป๋า ต้องเก็บของอย่างพวกโทรศัพท์และกระเป๋าเงินใส่กระเป๋าใบใหญ่รวมกับสมุดหนังสือที่ต้องเอาไปเรียน ซึ่งทำให้หยิบยากหยิบลำบาก อ่าพูดถึงชุดแล้ว เมื่อวันนี้เป็นวันที่จะได้เสื้อช็อป พี่เขาแจ้งมาว่าในพิธีการ ตอนที่มอบเสื้อช็อปให้ ก็คือจะใส่ให้เลยเพราะฉะนั้นก็ต้องเตรียมเสื้อผ้าไปด้วย อย่างพวกกางเกงยีนและเสื้อยืดที่พี่เขาแจกมาก่อนหน้านี้แล้วเพื่อใส่พร้อมกับช็อป จะใส่เสื้อช็อปทับชุดนักศึกษาไม่ได้ อะเล่ายาวมากสรุปก็ประมาณนี้แหละ ทำทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่จะไปเรียน และตอนนี้ฉันก็ลงมารอซูซี่อยู่หน้าหอพัก ใช่วันนี้ฉันจะไปเรียนพร้อมกับซูซี่ เพราะงานวันนี้น่าจะเลิกดึก มีบางคนบอกว่าไม่อยากให้ขับรถตอนมืด ๆ คนเดียวน่ะ ต้องทำตามเขาหน่อย ตอนแรกเขาก็บอกว่าจะเป็นคนมารับ และจะมาส่งตอนงานเสร็จเองเพราะเขาก็ต้องเข้าร่วมด้วยเหมือนกัน ซึ่งปกติก็ไม่ค่อยจะร่วมกิจกรรมเท่าไร แต่ถ้าฉันให้เขามารับมาส่งละก็ความแตกได้รู้กันทั้งมอแน่ ปริ๊น ปริน ปริ๊นน นี่ฉันคงยืนเหม่อนานไป ยัยซูซี่ที่ขับรถมาถึงแล้ว ถึงได้บีบแตรเรียกเป็นจังหวะขนาดนี้ แกไม่อายแต่ฉันอายนะเว้ย ไม่รีรอให้นางบีบแตรเรียกอีกเป็นครั้งที่สอง ฉันก็รีบขึ้นรถไปนั่งข้างคนขับและปิดประตูเสียงดังพร้อมกับหันไปโวยนางทันที “แกจะบีบแตรอะไรเยอะแยะ บ้านแกขายแตรรึไง” “อย่ามาบ่นฉัน ฉันควรบ่นแก ฉันเรียกแกหลายรอบแล้ว ยืนเหม่ออะไรอยู่ได้ กำลังคิดถึงใครรึไง” ซูซี่หันมาโวยกลับและถามขึ้น พร้อมกับขับรถออกมาเพื่อตรงไปยังมหาลัยทันที “คิดถึงแกนั่นและย่ะ” จะให้บอกความจริงได้ไงว่ากำลังคิดถึงใครอยู่ “ตอแหล” กระแทกหน้าฉันเลยทีเดียว มาถึงมหาลัย ก็เห็นยัยแพรวนั่งรออยู่ที่หน้าตึกเรียนแล้ว แต่คือไม่ได้นั่งรออยู่คนเดียวไง ยังมีแฟนนางที่นั่งอยู่ข้างๆ กันและกลุ่มเพื่อนเขาก็อยู่กันครบทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เฮียอัค ทำไมวันนี้มานั่งรออยู่ด้วยกันได้นะ อ๋อ...เดี๋ยวนี้ยัยแพรวมีแฟนนางไปรับมาเรียนด้วยกันทุกวัน ถ้าหากวันไหนตารางเรียนตรงกัน อิจฉาจริงจริ๊ง เดินมาใกล้ถึงโต๊ะ ฉันก็ยังไม่ทันจะทักทายใคร ก็เป็นยัยซูซี่ที่เสนอหน้าทักไปก่อน เรื่องแบบนี้ฉันยอมแพ้แกเลย “พี่ดินนนนนขา สุดที่รักของซูซี่ ทำไมวันนี้มาหาเขาได้” ว่าแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปหาพี่ดิน นั่งลงแทบจะเกยตักพี่เขาอยู่แล้ว ที่ว่างมีอยู่สองที่ก็คือข้างพี่ดินที่ซูซี่นั่งลงไปแล้ว และข้างเฮีย เอ่อ พี่อัคคีน่ะ ที่ยังว่างอยู่ คือฉันก็คงต้องไปนั่งตรงนั้นใช่ไหม เพราะโต๊ะนี้เป็นโต๊ะม้าหินอ่อนที่ม้านั่งตัวยาวสี่ตัววางรอบโต๊ะ ตัวนึงก็นั่งได้สองคน พี่แบล็คกับพี่กานต์ก็นั่งอยู่ตัวเดียวกัน เลี่ยงไม่ได้แล้วสิ “พี่ไม่ได้มาหาซูซี่ค่ะ พี่มานั่งรอเรียน” พี่เขามาเรียนในรอบเดือนกัน รึไงนะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเจอแถวนี้ “พี่เขาอยู่รอเป็นเพื่อนฉันเพราะพวกแกมาสายกว่าต่างหากย่ะ” และในระหว่างที่ทุกคนกำลังคุยกันฉันก็นั่งลงตรงที่ว่างข้างเขาอย่างเนียนๆ ทันที ลองทำตัวมีพิรุธสิพวกนี้ได้แหกอกฉันแน่ และพอฉันนั่งลงข้างเขา ไม่ได้ใกล้มากหรอกนะ นี่ฉันนั่งตรงริมจนแทบจะตกเก้าอี้อยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับฉันเลย พอเห็นว่าฉันนั่งแบบนั้นแล้วเขาก็หันมาพูดกับฉันทันที “ขยับเข้ามาสิ…นั่งจะตกเก้าอี้อยู่แล้ว” เมื่อเขาพูดขึ้นนั่นก็เป็นการเรียกความสนใจจากทุกคนในโต๊ะทันที ใครบอกให้เขาพูดกับฉันกันล่ะ! แล้วนี่พูดแค่ปากก็ได้มั้ง ทำไมต้องดึงแขนฉันขยับเข้าไปใกล้ด้วย แตก แตก แตก!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD