‘แก้ม’ ของฉันทันที และปล่อยตัวฉันออกจากอ้อมกอดเขาอย่างอ้อยอิ่ง ตอนนี้เหมือนกับวิญญาณฉันหลุดออกจากร่างไปแล้วด้วยการกระทำอันรวดเร็วนั้น เขาบอกให้ฉันหอมแก้มฉันก็ทำแล้ว แต่เขาดันทำในสิ่งที่เหนือกว่าด้วยการดึงฉันเข้าไปหาอีกครั้งและจูบลงมาที่แก้มฉันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“ที่เธอทำมันไม่ถูก...”
“…”
“แบบเมื่อกี้ถึงจะถูกต้อง” เขายังมีหน้ามาบอกถึงความถูกต้องอีกเหรอ ทำไมเขาหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้
ทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง ฉันไม่ยอมหรอกนะต้องจูบคืน ไม่ใช่สิ ทำไมฉันไม่เล่นตัวหน่อยล่ะ แกต้องยึดมั่นในอุดมการณ์การสงวนตัวขอแกสิ ทำไมใจแตกเร็วขนาดนี้ ฮือออออ
“เฮีย! ทำแบบนี้ได้ยังไง มันใช่ที่ไหน” ทำเป็นโวยวายแก้เขินไป ตอนนี้เริ่มทำตัวไม่ถูกในใจรู้สึกว่ามันเต้นรัวๆ เหมือนกลองสะบัดชัย ราวกับตื่นเต้นไปกับสิ่งที่เขาทำ นี่เขาแค่จูบแก้มแกเองนะ ถ้ามากกว่านี้ไม่หัวใจวายตายไปแล้วเหรอ
“ทำได้...แล้วก็จะ ‘ทำ’ บ่อยด้วย” เขาว่าด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์และโน้มตัวเข้ามาหา จนฉันต้องขยับถอยหนีตัวติดกระจกไปแล้ว เดี๋ยวนี้เขาเริ่มรุกหนักเกินไปแล้วหนีก่อนดีกว่า ก่อนที่ฉันจะต้านไม่ไหวแล้วเผลอให้ความร่วมมือกับเขาไป
ก็ดูเขาสิ แค่จ้องมาก็เหมือนมีมนตร์สะกด เมื่อก่อนฉันก็พอจะสามารถต้านเขาได้ แต่ตอนนี้ฉันเริ่มไม่ไหวแล้วโอนเอียงตามเขาเหมือนกัน เพราะความรู้สึกที่มีมันเริ่มชัดเจน การกระทำมันก็ไปทางเดียวกัน
“ไปแล้ว ง่วง!” ฉันผลักตัวเขาออก เปิดประตูรถด้วยความรวดเร็ว พาตัวเองออกมา หนีเข้าหอพักทันที วันนี้ฉันขอไปพักเอาแรง เพื่อจะไปสู้กับเขาใหม่ในวันต่อไปก่อนก็แล้วกัน
หลังจากวันนั้นที่ฉันหอมแก้มเขาและเขาจูบแก้มฉัน จนตอนนี้มันก็เกิดขึ้นบ่อยจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว อย่างคำกล่าวที่ว่า มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป เพราะเดี๋ยวนี้เขาคอยแต่จะหาเรื่องที่จะจูบฉันตลอดแต่ก็ได้แค่แก้มละนะ
พอทำได้ครั้งหนึ่ง เขาก็เริ่มได้ใจ ทำอีกเรื่อยๆ และคงเห็นว่าฉันไม่ค่อยขัด เรียกว่าขัดไม่ได้ดีกว่า เหมือนอย่างตอนนี้ที่เรากำลังดูหนังกันอยู่ที่คอนโดของเขาในวันหยุด ใช่ค่ะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ห้องของเขา ก็เป็นเขานั่นแหละที่ชวนมาบอกอยากดูหนังอ้างว่าไม่มีเพื่อนดู แต่ก็ไม่อยากดูกับเพื่อนตัวเอง
ใครก็ดูออกเถอะ ถามเด็กอนุบาลยังรู้เรื่องเลยว่าแบบนี้ก็คืออยากให้ฉันไปห้องเขาและดูหนังด้วยกันนั่นแหละ ตอนแรกฉันก็กลัวใจเขาเหมือนกัน กลัวใจตัวเองด้วย ฮ่าๆ
เหมือนจะรู้ว่าฉันคิดอะไร เขาก็สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเกินกว่าที่เคยทำ แถมยังบอกอีกว่ายังไม่ถึงเวลา ทำเป็นพูดไปเถอะมากกว่านี้ก็ไม่ได้แล้ว ยังไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย นั่นแหละค่ะ พอเขาบอกแบบนั้นฉันก็เลยยอมมาด้วย อีกอย่างเพราะวันนี้เป็นหยุด ก็อยู่ห้องเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว
“นี่เฮีย ไหนว่าอยากดูหนัง นี่ครึ่งเรื่องแล้ว เฮียยังนอนอยู่แบบนี้”
ก็ตามที่พูดไป ตั้งแต่เขาไปรับฉันมาและเปิดหนังดูด้วยกัน ฉันยังไม่ยักเห็นเขาชายตามองจอเลย มีแต่ฉันที่นั่งดูอยู่และเขาก็นอนหนุนตักฉันเหยียดตัวยาวๆ อยู่บนโซฟาหน้าทีวีจอยักษ์
นอนเฉยๆ ไม่ว่า ถ้าเขานอนแล้วหันไปดูจอบ้าง นี่นอนหนุนตักแถมยังหันหน้าเขาหาตัวฉัน แล้วยังกอดเอวกันไว้ซะแน่น ท่าทางดูสบายมาก นี่ฉันยอมเขาเกินไปรึเปล่านะ
“ง่วง” เงยหน้าขึ้นมาตอบฉัน และกลับไปซุกหน้าลงตักหลับตาเหมือนเดิม สรุปคือเขาเรียกฉันมาเป็นหมอนหนุนเขาเหรอ ไหนว่าอยากดูหนัง นี่มันคนขี้ตู่นี่นา
“ง่วงแล้วทำไมไม่ไปนอนดีๆ” มานอนตักกันแบบนี้มันสบายตรงไหน แล้วอีกอย่างฉันก็เมื่อยเป็นเหมือนกันนะ
“อยากนอนตรงนี้...” เขาว่าด้วยเสียงที่งัวเงียพร้อมกับกระชับวงแขนขึ้น สรุปคือเขาจะนอนและจะนอนตรงนี้ และจะไม่ดูหนังที่ชวนฉันมาดูด้วย ทำไมฉันดูท่าทางเขาเหมือนอ้อนๆ ยังไงก็ไม่รู้ นี่เขาอ้อนเป็นด้วยเหรอ
“สรุปแล้วเฮียจะนอนตรงนี้”
“อือ...” แล้วเขาก็หลับไป หลับจริงจังเลยสิ นี่มันเป็นแผนการล่อลูกเสือเข้าถ้ำของเขาหรือเปล่านะ
อืออออ ทำไมอากาศมันหนาวขนาดนี้ ฉันคิดพร้อมกับเอามือควานหาผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงลำคอ แล้วขยับตัวเพื่อนอนต่อ แต่เอ๊ะทำไมฉันขยับตัวไม่ได้นะ เหมือนมีอะไรมารัดตัวฉันไว้ หรือว่าผีจะอำ ผะผี ผีเหรอ
เฮ้ย! ฉันสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นมา แต่พอขยับตัวแล้วก็ยังขยับไม่ได้เหมือนเดิม นี่คือไม่ได้อำแค่ในฝันแต่ตามมาอำถึงชีวิตจริงเลยเหรอ พ่อจ๋าแม่จ๋า...ช่วยหนูด้วย ในหัวฉันตอนนี้คือพยายามคิดบทสวดเพื่อที่จะไล่ผีที่อำฉันอยู่ตอนนี้ แล้วที่นี่คือที่ไหน ฉันมองไปรอบๆ ห้อง เห็นถึงการตกแต่งและจัดวางข้าวของต่างๆ นี่มันไม่ใช่ห้องฉันหนิ
นี่ผีมันพาฉันมาอำถึงที่ห้องคนอื่นเลยเหรอ นี่มันอะไรกัน หรือฉันฝันซ้อนฝัน ฉันพยายามท่องบทสวดเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากสิ่งที่มองไม่เห็นและพยายามขยับตัวดิ้นให้แรงขึ้นและมันก็เป็นผลสำเร็จ หลังจากที่ฉันพยายามอยู่นาน สิ่งที่รัดฉันอยู่ก็คลายออกพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น
“อือ...ดิ้นทำไม” เฮ้ย เสียงมันดังมาจากใต้ผ้าห่ม ว่าแต่เอ๊ะทำไมเสียงมันคุ้นๆ
ไม่ปล่อยให้คิดไปเองอย่างเดียว ฉันเปิดผ้าห่มออกด้วยความรวดเร็วเพื่อหาที่มาของเสียงและสิ่งที่รัดตัวฉันอยู่
“เฮีย!!!” เกินคาด ไม่ใช่ผี ไม่มีอะไรอำ แต่เป็นคนที่ฉันรู้จักดีที่กำลังนอนเอาแขนรัดตัวฉันไว้ พร้อมกับซุกใบหน้านิ่งๆ เข้ากับหน้าอกฉัน กรี๊ดดดดดด ฉันกรี๊ดได้ไหม นี่ฉันมานอนอยู่ข้างเขาในห้องนอนของเขาอย่างนี้ได้ยังไง แถมเขายังนอนเอาหน้าซุกในที่ที่มันล่อแหลมอีกต่างหาก
“เสียงดัง” เขาว่าแล้วขยับหน้าออกจากที่ที่เขาซุกอยู่ลุกขึ้นนั่ง ท่าทางไม่พอใจเหมือนคนนอนไม่พอแล้วถูกกวน นี่ๆ เป็นฉันไหม ที่ต้องไม่พอใจ นี่มันเหมือนกับเขาลวนลามฉันก็ว่าได้เลยนะ ทั้งกอดทั้งซุก แถมยังพาฉันเข้ามานอนในห้องอีก นี่เขาทำไมหน้ามึนอย่างนี้
“เฮีย!!!” มันหมดคำจะพูดเลย หันไปหยิบหมอน ยกขึ้นมาฟาดๆ ใส่ตัวเขา เป็นการระบาย พูดไม่ได้ก็ขอใช้กำลังแล้วกัน
“ตีทำไม” และเขาก็ไม่ปล่อยให้ฉันทำร้ายเขานาน ยกแขนขึ้นมาเป็นเกราะกำบัง พอได้จังหวะเขาก็ปัดหมอนในมือฉันทิ้ง พร้อมกับหันมายกฉันที่นั่งอยู่บนที่นอนไปนั่งบนตักเขาแทน พร้อมทั้งกอดตัวฉันเอาไว้แน่น เกินไปแล้วไอ้คนหน้ามึน