“เฮีย อยากกินอันนี้” เรามาถึงร้านขนมแล้วหลังจากที่เดินคุย หยุดคุยกันอยู่หลายรอบ ตอนนี้เคลียร์กันเรียบร้อยสถานการณ์กลับคืนสู่ปกติ ส่วนฉันก็อ้อนขอกินนั่นนี่ ก็เขาเป็นคนจ่ายอะนะ จะหยิบเลยก็เกรงใจ
“อืม” ส่วนเขาคอยเดินถือตะกร้าตามฉันอยู่ด้านหลังติดๆ มีแฟนตัวปลอม เอ๊ย คนคุยมันสบายอย่างนี้นี่เอง
“อันนี้ด้วย” ว่าแล้วก็หยิบขึ้นมาอีก
“อือ” เขาก็ไม่ปฏิเสธ งั้นขอลองหยิบอันนี้หน่อยแล้วกัน
“อันนี้นะ” ฉันหยิบบางอย่างขึ้นมาอย่างรวดเร็วชูให้เขาดูแล้วรีบวางลงตะกร้า เพราะกลัวว่าเขาจะไม่ให้ซื้อ
เกือบทุกอย่างที่ฉันอยากกินเขาแทบไม่เคยห้าม แต่มีสิ่งนี้สิ่งเดียวที่ฉันชอบมาก แต่เวลาอยู่กับเขาไม่ได้กินหรอก โดนดุตลอด
“ไม่ได้!” นั่นไง ผิดคาดซะที่ไหน ฉันอุตส่าห์ให้ดูแบบรวดเร็วแล้วนะ สงสัยล่ะสิว่ามันคืออะไร มันคือโค้กนั่นแหละทุกคนนนน เฮียจะคอยบอกตลอดว่าห้ามกิน คนอื่นเขาก็กินทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ฉันกับโดนห้าม แล้วอยากจะบอกว่าเขาห้ามฉันแต่เขากลับกินเอง กลัวโดนแย่งรึไงก็ไม่รู้
“เฮียยยยย น่านะ นะ ซินรู้ว่าเฮียก็อยากกิน” ฉันเกาะแขนแล้วก็ออดอ้อนเขาไป แถมยังแทนตัวเองด้วยชื่ออย่างที่เขาชอบ เพื่อเป็นการให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ
“ไม่ได้” เขาก็ยังยืนยันคำเดิม นี่ฉันอ้อนไม่ได้ผลเหรอ
“ทีเฮียยังกินเลย” ฉันเถียงกลับไป
“ไม่บ่อยเหมือนเธอ รู้นะว่าแอบกิน” ทำมาเป็นรู้ดีเถอะ แต่ก็ใช่นั่นแหละ เพราะเวลาที่ไม่ได้อยู่กับเขาฉันก็กินเป็นปกติ
“ก็...”
“เดี๋ยวจะปวดท้อง” เขาว่าพลางหยิบขวดโค้กออกจากตะกร้าไปวางไว้เหมือนเดิม
พอขอแล้วไม่ได้ดั่งใจ ฉันก็เริ่มจะหน้าบูด พออยู่กับเขาฉันก็ติดนิสัยเอาแต่ใจมาแล้ว เพราะมีเขาคอยตามใจตลอด เขาเริ่มจะทำให้ฉันเสียนิสัย
แต่เรื่องนี้ก็พอจะยอมเขาได้ รู้แหละว่าเขาเป็นห่วง เพราะฉันชอบ กินน้ำอัดลมมากจนบางทีปวดท้องเหมือนจะตาย เขาเลยคอยห้าม (เท่าที่ห้ามได้) อะนะ ครั้งนี้ก็แค่ลองดูเผื่อฟลุ๊กได้ติดไม้ติดมือกลับไป
“กินอันนี้แทน” เขาว่าพร้อมกับหยิบน้ำมะเขือเทศดอยคำกล่องใหญ่ขึ้นมาแล้ววางใส่ตะกร้า ตลกแล้วเถอะ กล่องเล็กก็แทบเอียนนี่หยิบกล่องใหญ่มากะจะฆ่ากันให้ตายเลยรึไง
“ไม่เอา” ขอตายดีกว่าที่จะต้องกินน้ำมะเขือเทศ อีกอย่างผิวฉันดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกินหรอกเนอะ
“อย่าดื้อ” พูดอย่างกับฉันเป็นเด็กน้อย ดื้อเด้ออะไรกัน แค่ไม่อยากกินโว้ยยยยย แล้วนี่เขาก็มองมา ทำหน้าเหมือนตลกกับหน้าฉันตอนนี้เต็มประดา ไม่ขำนะ เอาจริง
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ดดดดด
เป็นโทรศัพท์ของเฮียสั่นขึ้นมาเพราะมีคนโทรเข้า ที่รู้เพราะถ้าของฉันคือเปิดเสียงไว้ คงจะเป็นพี่ๆ โทรมาแหละมั้ง
“อือ” เฮียหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายแล้วกรอกเสียงลงไป แล้วนั่นรับสายแล้ว ‘อือ’ คืออะไร ‘ฮัลโหล สวัสดีครับ’ พูดไม่เป็นรึไง อยากจะจับไปฝึกมารยาทการพูดสักเดือน
“เอาอะไร”
“อย่าลีลา”
“ไอ้สั*! เออๆ” ด่าคนในสายแล้วมองหน้าฉันหมายความว่าไง สักกำบ่!
“เสือก” แล้วเฮียก็คุยโทรศัพท์อยู่สักแป๊บ ฉันก็ไม่ได้ยินกับเขาหรอกว่าคนในสายพูดอะไร และจับใจความจากที่เขาพูดไม่ค่อยได้ด้วยเพราะเขาพูดสั้นมาก
“พวกนั้นโทรมาด่า” อ่าเป็นพวกเพื่อนเขาสักคนโทรมาจริงๆ ด้วย แล้วเขาโทรมาด่าเรื่องอะไรกัน
“ว่าอะไร”
“มันบอกว่าเรามากันนาน...แล้วมันก็ฝากซื้อของ” พวกฉันก็ออกมานานกันอย่างที่เขาว่านั่นแหละ ก็เล่นเดินไปคุยไป กว่าจะมาถึงร้านกว่าจะได้ซื้อ ถ้าฉันเป็นพวกเพื่อนของเขาฉันก็คงจะโทรมาด่าเหมือนกัน
“อื้อ...แล้วพี่เขาฝากซื้ออะไรล่ะ” ฉันถามเขาไป เพื่อจะได้ไปหยิบของที่เพื่อนเขาต้องการให้ แต่ตอนนี้คือขนมน้ำก็เยอะแยะจนเต็มตะกร้าแล้วนะ อยากได้อะไรเพิ่มกันอีก
“เดี๋ยวก็รู้” อ้าว ของอะไรของเขาทำไมไม่ยอมบอก หรือว่าหวงกลัวฉันซื้อตามเหรอ
“อ้าว” แล้วเขาก็เดินถือตะกร้าไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ ฉันที่เดินตามมาก็ยืนรอเขาจ่ายเงินอยู่ข้างๆ มากับป๋าสายเปย์ ก็แค่ยืนดูเขาจ่ายไม่ต้องจ่ายเอง พอคิดเงินแล้วก็ไม่น้อยเลยนะเนี่ย ทั้งจำนวนของทั้งราคา แล้วไหนของที่เพื่อนเขาฝากซื้อ ไม่เห็นเขาจะหยิบเลยมาจ่ายเลยหรือหยิบตอนที่ฉันไม่เห็น
และไม่ทันได้ขาดคำตามความติด เขาก็เอื้อมมือไปหยิบบางอย่างที่วางอยู่ข้างเคาท์เตอร์ มาวางเพื่อจ่ายเงิน และเมื่อฉันเพ่งมองก็ทำให้ต้องเขินจนหน้าแดง เพราะสิ่งที่เขาหยิบมา โอ๊ยยยยย นี่อย่าบอกนะที่เพื่อนเขาฝากซื้อคือไอ้ที่มันเริ่มด้วยคำว่า ‘ถุง’ และจบด้วยคำว่า ‘ยาง’ นั่นแหละ แล้วนี่ไม่ได้หยิบกล่องเดียว หนึ่ง สอง สาม สามกล่อง! จะเอาไปถมที่หรือไง!
ทุกคนคงไม่ต้องคิดหรอกนะ ว่าฉันจะถามว่าพี่เขาจะเอาไปทำอะไร ฉันไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น เขาคงไม่ได้เอาไปใส่น้ำมาโยนเล่นกัน หรอกมั้ง ขอหายตัวไปจากตรงนี้ได้ไหม ใครเขาฝากซื้อของแบบนี้กัน แล้วเขาก็ดันรับฝากอีกต่างหาก ที่เขาด่าเพื่อนเขาไปตอนคุยโทรศัพท์ เพราะเพื่อนเขาฝากซื้อของสิ่งนี้รึเปล่า ฉันขอกลับไปด่าด้วยได้ไหม
แล้วนั่นพนักงานทำไมต้องมองหน้าฉันกับเขาสลับกันไปมาด้วย คนที่ต่อแถวก็มอง เมื่อเห็นเขาหยิบในจำนวนที่เยอะ ไม่ต้องมองไม่ใช่ของพวกฉันโว้ยยยย เมื่อความอายมันครอบงำ ฉันเลยถอยตัวออกมาให้ห่างจากเขาแล้วทำเป็นว่าไม่ได้มาด้วยกัน ทำไมเขาไม่บอกฉันก่อนนนน อยากทุบทั้งเขาทั้งเพื่อนของเขา
พอคิดเงินเสร็จเขาก็เดินมาหาฉันที่ยืนทำเป็นเลือกดูของอย่างอื่นอยู่อย่างแนบเนียน ฮืออออ น่าอายที่สุดเลย แล้วนี่พี่คนไหนเป็นคนฝาก อยากจะกลับไปฟาด ความจริงเรื่องอย่างนี้ถ้าจะบอกให้ถูกก็คือการซื้อถุงยางไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่การที่มาพร้อมเขาแบบนี้มันก็อดที่จะอายไม่ได้นี่นา
“ไม่ต้องหลบหรอก อายอะไร” เขาว่าแล้วก็มาจับมือฉันเพื่อเดินออกจากร้าน
“ที่เพื่อนเฮียฝากคืออันนั้นเหรอ” เมื่อออกมาจากร้านแล้วฉันก็ถามเขา แต่ไม่พูดว่าเป็นอะไร และหวังว่าเขาจะรู้
“อือ”
“แล้วเฮียก็รับฝากเนี่ยนะ” ฉันนึกถึงตอนที่เขาหยิบไปจ่ายเงินแล้วพนักงานมองเราสองคนก็ทำให้หน้าร้อนขึ้นมาอีก
“เรื่องธรรมดา” ธรรมดาสำหรับเขาน่ะสิ แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน แล้วนี่เขาพูดเหมือนการซื้อของสิ่งนี้เป็นเรื่องปกตินี่คือเขาซื้อบ่อยจนชิน คิดได้ดังนั้น ฉันก็มองหน้าเขาตาขวาง คุยกับฉันแล้วห้ามไปเกาะแกะกับใคร เหมือนเขามองมาและจะรู้ถึงสิ่งที่ฉันกำลังคิดอยู่