นางสนมแสนพยศ (1)

1448 Words
“ไม่นะ หม่อมฉันยังเที่ยวดูดอกไม้ไม่ทั่วเลยนะเพคะ” “วันหลังค่อยมาดูใหม่ แต่วันนี้เจ้าต้องถูกเราอบรมเสียหน่อยแล้ว” สายพระเนตรที่ดุดัน ทำให้อารียาต้องหันมามองตัวช่วยทั้งสองคน แต่ดูท่าทั้งอาดัมกับอาร์ซูจะเอาตัวเองรอดหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เพราะสายพระเนตรที่ทอดไปยังสองคนนั้น ราวกับจะคาดโทษพวกเขาเอาไว้ในพระทัยอย่างหมายมาด จนข้ารับใช้ทั้งคนต่างก็ก้มหน้าขนานไปกับพื้น คล้ายกับจะรอรับโชคชะตาของตนเองที่จะมาถึงเร็วๆ นี้ “หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องอบรมด้วยเพคะ” เธอถามขณะที่ข้อมือก็ถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนากึ่งลากกึ่งจูงเธอเข้าไปในพระตำหนักใหญ่ส่วนพระองค์ “เจ้าน่ะรึไม่ผิด สองคนนั่นจะต้องถูกลงโทษก็เพราะเจ้าเป็นต้นเหตุ แล้วอย่างนี้จะไม่ผิดได้อย่างไร” “ทำไมสองคนนั่นจะต้องถูกลงโทษด้วยเพคะ พวกเขาไม่ผิดสักหน่อย” เธอ ต่อปากต่อคำกับชีคหนุ่มโดยไม่เกรงอาญาสักนิด “ผิด ผิดที่ทำให้เจ้าเกือบได้รับบาดเจ็บยังไงล่ะ และผิดที่ทำให้เราแทบหลังหักเพราะเจ้าตกลงมาทับ” “แล้วท่านจะลงโทษสองคนนั้นอย่างไรเพคะ” อารียายังอดห่วงสองคนนั้นไม่ได้ เพราะเธอแท้ๆ เชียวที่ทำให้ผู้ติดตามที่หวังดีกับเธอ ที่คอยห้ามปรามเธอแต่แรกแล้วแต่เธอไม่ยอมฟังต้องได้รับโทษ ก็เพราะไอ้ชุดที่แสนจะรุ่มร่ามนี่แหละที่ทำให้เธอปีนป่ายต้นไม้ลำบากจนต้องพลัดตกลงมา “เจ้าควรจะถามว่าเราจะลงโทษเจ้าอย่างไรมากกว่านะฮาบิบตี้” พระพักตร์หล่อเข้มหันมาสบตากลมโตของเชลยสาวอย่างคาดโทษ อารียาอ้าปากค้างพูดไม่ออก ไม่คิดว่าจะถูกชีคหนุ่มย้อนถามกลับมาแบบนี้ แล้วนี่เธอจะต้องถูกเขาลงโทษแบบไหนล่ะ ‘ท่านพ่อท่านแม่ ช่วยหญิงเล็กด้วย หญิงเล็กควรจะทำยังไงดี’ เชลยสาวรำพึงรำพรรณในใจไปตลอดทางที่ถูกพระหัตถ์แข็งดุจปลอกเหล็กฉุดดึงเข้าไปด้านในของพระตำหนักใหญ่ส่วนพระองค์ “ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ! หม่อมฉันเจ็บ!”        “เราจะปล่อยเจ้าแน่ แต่ต้องในห้องบรรทมของเราเท่านั้น”        คำตอบของชีคหนุ่มทำให้อารียารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาทันที เริ่มรู้สึกหวาดกลัวในใจลึกๆ จนมันเต้นโครมครามอย่างไม่อาจควบคุมได้ รู้สึกเหมือนตนเองเป็นนักโทษแดนประหารยังไงยังงั้น กระทั่งเขาพาเธอมาถึงห้องพระบรรทมและอยู่กันเพียงลำพังสองคน        ตุ้บ!        “โอ๊ย!” สาวน้อยอุทานออกมาเบาๆ        ร่างบอบบางถูกผลักโยนลงบนที่นอนไม่ค่อยจะเบานัก สายตาหวาดหวั่นจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อเข้มเต็มไปด้วยหนวดเคราเขียวครึ้มนั้นไม่วางตา มิใช่ด้วยเหตุชื่นชมความหล่อเหลาของเขา แต่เพราะรู้สึกหวาดกลัวเขาจับจิตต่างหาก เพราะท่าทางของชีคแห่งดาร์บูย่าในตอนนี้ ดูคุกคามมากเหลือเกิน        “เราจะลงโทษอะไรเจ้าดีนะ ถึงจะสาสมกับความผิดของเจ้า” พระพักตร์คมเข้มที่เหมือนจะมีแววหื่นกระหายอยู่ในพระเนตรสีทรายคู่นั้น กำลังโน้มต่ำลงมาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ แทบจะรินรดลงบนพวงแก้มนวลที่เริ่มเป็นสีแดงระเรื่อเข้มขึ้นเรื่อยๆ        “ท่านจะทำอะไร อย่าเข้ามาใกล้นะ” ร่างบางกระถดถอยหนี ขณะที่ร่างใหญ่ก็ไล่ต้อนเข้าใกล้ สายตาคู่สวยไหวระริกไปมาด้วยความหวาดหวั่น        “เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งเรา ตอนนี้ฐานะของเจ้าคือต้องทำตามคำสั่งของเราเท่านั้น” ทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงเข้มดุ จ้องเธอด้วยสายพระเนตรดุดันเช่นกัน        “ไม่นะเพคะ พระองค์ไม่สิทธิ์มากักขังหม่อมฉันไว้แบบนี้นะเพคะ และ...และพระองค์ก็ไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวหม่อมฉันแบบนี้ด้วย หม่อมฉันมีคนรักแล้วนะเพคะ” อารียารีบโพล่งออกไปว่าเธอมีคนรักแล้ว เพราะคิดว่าถ้าพูดออกไปแบบนี้บางทีชีคหนุ่มอาจจะไม่หักหาญน้ำใจของเธอก็ได้ แต่เชลยสาวก็คิดผิดถนัด “เรารู้แล้ว ว่าเจ้าน่ะไม่ใช่สาวโสด และคงผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน แต่เราไม่ถือสาเจ้าหรอก ดีเหมือนกันเราจะได้ไม่ต้องสอนงานเจ้าให้มากความ”        “มะ...หม่อมฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะเพคะ หม่อมฉันยังมะ...” คำว่า ‘ไม่ได้แต่งงาน’ ถูกกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อริมฝีปากอุ่นจัดนาบทับลงมาครอบครองเรียวปากบางสีกุหลาบอย่างมีชั้นเชิง พร้อมกับร่างเล็กที่ถูกพระหัตถ์ทั้งสองข้างกดไหล่บางลงบนที่นอนด้วยพลังกายที่มีเหนือกว่า        พระวรกายใหญ่โตทาบทับตามลงมาทันที คนตัวเล็กดิ้นรนสุดชีวิต แต่ก็สู้แรงเจ้าแห่งทะเลทรายดาร์บูย่าไม่ไหว อารียาจึงต้องใช้สมองที่เริ่มจะพร่าเลือนเพราะจุมพิตเร่าร้อนของเขาพยายามคิดต่อต้านอีกครั้ง เพราะเธอไม่ได้รักเขา และเขาก็ไม่ได้รักเธอ ทุกอย่างที่ดำเนินไปคือการลงโทษจากชีคหนุ่มโดยไร้ซึ่งเสน่หา เธอจึงจำเป็นต้องรวบรวมสมาธิหาทางเอาตัวรอด ออกไปจากกรงเล็บของหยี่ยวทะเลทรายตัวนี้ให้ได้        “อื้อ...” หญิงสาวกำลังรอจังหวะด้วยหัวใจที่แทบจะหยุดเต้น        ยอมให้ชิวหาร้อนๆ สอดแทรกเข้ามาภายในโพรงปากของเธอ พอได้จังหวะ ฟันแหลมคมก็งับลงมาทันที!        “โอ๊ย!” พระสุรเสียงห้าวอุทานออกมาเพราะความคาดไม่ถึง ว่าคนใต้ร่างจะพยศถึงเพียงนี้ เขาประมาทเธอเกินไปเสียแล้ว แต่พระองค์ก็ถูกกระต่ายสาวกัดโดนแค่เพียงปลายลิ้นของเขาเท่านั้น เพราะชีคหนุ่มรู้ตัวทันเสียก่อนจึงได้รีบหลบหลีก เพียงแต่อารียาไวมากเท่านั้นพระองค์จึงพลาดไปนิดเดียว “ร้ายนักนะตัวแค่นี้” “หม่อมฉันจะร้ายกว่านี้อีก ถ้าพระองค์ยังไม่หยุด” แม่กระต่ายสาวที่กลายร่างเป็นนางแมวสาวแล้วขู่ฟ่อ ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรจะมาสู้กับเขา ทำให้ชีคหนุ่มหัวเราะออกมา “คิดจะสู้กับศัตรู ดูกำลังตนเองเสียก่อนสิ ฮาบิบตี้” พระองค์ทรงหยอกเย้ามากกว่าที่จะกล่าวตำหนิตรงๆ ด้วยการเรียกเธอว่า ‘ที่รัก’ และเริ่มรู้สึกสนุกที่ได้ต่อปากต่อคำกับเชลยสาวมากขึ้น “ออกไปจากตัวหม่อมฉันนะเพคะ...” แมวสาวขู่อีกครั้งด้วยสายตาวาววับอย่างเอาเรื่อง “ถ้าเราไม่หยุด เจ้าจะทำอะไรเราได้” ชีคหนุ่มกระหยิ่มในพระทัยอย่างโอหัง ไม่คิดหรอกว่า ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะทำอะไรพระองค์ได้ “ไม่เชื่อก็คอยดู!”        “เราไม่เชื่อเจ้าหรอก เราจะทำอย่างที่ใจเราอยากทำ และเราจะไม่หยุดให้เจ้าได้พักหายใจอีก จนกว่าเราจะหมดแรง” แล้วพระพักตร์เข้มจัดเต็มไปด้วยเพลิงพิศวาสก็ก้มต่ำลงมาอีกครั้ง และก็ทรงทำตามที่รับสั่งทุกอย่างยกเว้นประโยคสุดท้าย เพราะนี่มันเพิ่งจะเริ่มต้น กว่าพระองค์จะหมดแรงก็คงต้องรอจนกว่าดวงอาทิตย์จะลับผืนทรายไปแล้วเท่านั้น อารียาใจเต้นโครมครามอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ปากของเธอก็บอกว่ามีคนรักแล้ว และเธอก็ไม่ได้พิศวาสอะไรเขาเลย แต่ทำไมร่างกายใหญ่โตนี้ จูบที่แสนเอาแต่ใจเช่นนี้ถึงได้ทำให้เธอรู้สึกวาบหวามในหัวใจยิ่งนัก หญิงสาวไม่เข้าใจเลย แม้ภายนอกจะดูตื่นตระหนก หวาดหวั่นไปสารพัด แต่ภายในหัวใจกลับเต้นตูมตามกระเด็นกระดอนไปมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ลิ้นอุ่นจัดแสนหวานไล่ต้อนเกี่ยวกระหวัดเธอจนต้องกลั้นหายใจ และความซาบซ่านที่เขาส่งมอบให้ก็ทำให้คนไร้ประสบการณ์ในเชิงรักครวญครางออกมาอย่างลืมตัว หญิงสาวยอมรับว่าจุมพิตของชีคหนุ่มช่างแสนหวานมากเหลือเกิน และนอกจากจะแสนหวานแล้วยังพาให้หัวใจและร่างกายของเธอสั่นสะท้านราวกับดอกไม้ต้องสายฝน ใจอยากจะต่อต้านขัดขืน แต่ทว่าฝ่ามือร้อนที่ลูบไล้ไปมาบนผิวเนียนนุ่มบวกกับจูบที่แสนดูดดื่มของเขากลับทำให้เธอรู้สึกตัวอ่อนระทวยแทบจะสิ้นเรี่ยวแรง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD