9

1724 Words
เหมือนกับครั้งแรกที่ถูกจูบไม่มีผิด อาการตกใจทำให้กลีบปากสวยอ้าค้าง ปลายลิ้นใหญ่จึงแทรกเข้าไปสำรวจในช่องปากสาวอย่างง่ายดาย รัดเกี่ยวพันลิ้นเล็กที่พยายามจะถอยร่นหนี บดขยี้ปากอิ่มหนักหน่วง แรงจุมพิตที่หักหาญน้ำใจทำให้เพลงมีนาคิดจะต่อต้าน มือเล็กผลักร่างหนา ใบหน้าสาวส่ายสะบัดเพื่อไม่ให้เขาจุมพิตเธอได้โดยง่าย ร้องประท้วงในลำคอ ทว่ามันก็ไม่เป็นตามที่ตนเองคิดไว้ มือใหญ่จับมั่นตรงท้ายทอยของเพลงมีนา ไม่ให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไปไหน ส่งผลให้เธอต้องยอมรับจุมพิตในครั้งนี้ด้วยความจำยอม เรี่ยวแรงทั้งหมดดูจะเหือดหายไปสิ้น เมื่อกระแสบางอย่างแทรกซึมเข้ามาในร่างกาย จุมพิตของเขานั้นสร้างความอ่อนแอให้เกิดขึ้นในจิตใจอย่างมากมาย พ่ายแพ้ หมดแรงต้านทาน จำยอมให้เขาดื่มด่ำความหวานที่ปลูกฝังอยู่ในช่องปากของเธอต่อไป น่าแปลกเหลือเกิน...น่าแปลกจริงๆ ปลายลิ้นของคนแปลกหน้าที่ตวัดโบกลิ้นเล็ก กวาดต้อนซอกซอนหาน้ำหวานรสเลิศอย่างกระหายและเร่าร้อน ไม่ได้ทำให้เธอเกิดความขยะแขยงหรือว่ารังเกียจ ตรงกันข้ามซาบซ่านราวกับเธอกำลังถูกไฟฟ้าสถิตเล่นงาน แปลบปลาบตลอดเวลา ในความรู้สึกของกวินภพ เขากำลังถูกดึงตัวลงไปในบ่อโคลนพิศวาส ที่มีแต่ความร้อนรุ่ม เปลวไฟในร่างกายลุกพรึบพรับ ตอบสนองทันทีที่ริมฝีปากของตนสัมผัสกับกลีบปากสวยของเพลงมีนา เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เรียวปากสวยของเธอจะทำให้เขาเกิดความคลั่งในเพลิงอารมณ์มากขนาดนี้ แค่จูบเขายังแทบแดดิ้น แล้วถ้าทำมากกว่านี้ล่ะ เขาจะเป็นเช่นไร นี่ขนาดเธอยังไม่ยั่วเขาเต็มที่ เขาก็แทบจะทานทนไม่ไหว... ...อยากจะเผด็จศึกเธอเสียตรงนี้... ไม่มีทาง เขาไม่มีทางหลงใหลดาวยั่วคนนี้เด็ดขาด คิดได้ดังนั้น ลำแขนหนาก็คลายตัวออก ดึงริมฝีปากของตนออกห่างปากอวบอิ่ม แล้วผลักร่างของเธอไปกระแทกกับประตูรถอย่างแรง “จำไว้นะ ถ้าเธอแอบพูด แอบนินทาฉันอีกล่ะก็ ได้เห็นดีกว่านี้แน่” จากนั้นก็พูดใส่หน้าเธอเสียงดังลั่นรถ เพลงมีนาก้มหน้านิ่ง ปิดปากเงียบ น้ำตารินไหล เสียใจอย่างสุดแสนที่กวินภพนึกจะทำอะไรเธอก็ทำ ทำโดยที่เธอไม่สิทธิ์ห้ามปราม หรือแม้แต่ร้องขอ ทำราวกับว่าเธอเป็นดอกไม้ข้างทางที่คิดจะดึงมาเชยชมตอนไหนก็ได้ โดยไม่สนใจว่าภายในรถยนต์คันนี้ไม่ได้มีแค่เขาและเธอ นั่นเองที่ทำให้ความกระดากอายตามมา ใครบ้างที่จะไม่อาย ความอายแรกที่โดนกวินภพจูบ ยังเสริมด้วยความอายที่ว่า เขาจูบเธอต่อหน้าลูกน้องอีกสองคน ไม่ให้เกียรติเธอเอาเสียเลย... “นายครับถึงแล้วครับ” จตุรทิศที่หาจังหวะหันมาบอกเจ้านายหนุ่ม รีบเอ่ยบอกกวินภพทันทีที่ปากของคนที่นั่งเบาะหลังผละห่างกัน หากเขาเปิดปากบอกเจ้านายก่อนหน้านี้ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกถีบลงจากรถเป็นแน่ “เออกูรู้แล้ว” กวินภพตวาดลูกน้องเสียงเขียว ลูกน้องที่หันมาพูดรีบนำใบหน้ากลับไปในทิศทางเดิมทันที อารมณ์แบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้ ไม่มีความปลอดภัยเอาเสียเลย ก่อนที่กวินภพจะหันไปมองหน้าดาวยั่วแสนสวยที่นั่งตัวลีบติดกับประตู “ลงมาได้แล้ว ถึงนรกแล้วน้องหนู” มือหนาข้างซ้ายเปิดประตูรถยนต์ มือข้างขวาเอื้อมไปจับข้อมือเล็ก ขยับตัวแล้วก้าวลงไปยืนบนพื้นปูนที่เทราบหน้าบ้านหลังงามของตน ก่อนจะกระตุกข้อมือสาวอย่างแรง และกระชากร่างอรชรให้ลงมาจากรถ ทำเหมือนกับที่เขากระชากเธอลงมาจากรถแท็กซี่ไม่มีผิด “โอ๊ย!!...คุณบอกให้ฉันลงมาดีดีก็ได้ ไม่เห็นต้องทำอย่างนี้เลย” คนที่นั่งอยู่บนพื้นเงยหน้ามองชายหนุ่มร่างสูงด้วยสายตาตัดพ้อ เขาช่างโหดร้ายทารุณกับเธอเหลือเกิน ชอบใช้กำลังเสมอ ไม่สงสารผู้หญิงตัวเล็กๆ บ้างเลย แต่ทว่าเธอก็ต้องทน เพราะไม่ต้องการให้คนไร้อารยะธรรมไปวุ่นวายกับน้องสาวฝาแฝดของตน ฉะนั้นพี่สาวคนนี้จะต้องทนและทน “ก็จะทำอย่างนี้มีอะไรมั้ย?” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุดกวน “ไร้อารยธรรม” เธอพูดเบาๆ ขณะที่ใช้มืออีกข้างปัดเศษหิน ดินทรายที่เปรอะตามร่างกาย “อะไร พูดอะไร แหกปากพูดดังๆ หน่อยสิ เดี๋ยวเตะปากแตกเลย” ไม่พูดเปล่ายังทำท่าทางคล้ายจะฟาดแข้งใส่เธออีกด้วย สาวเจ้าที่นั่งอยู่บนพื้นมีหรือจะไม่กลัว รีบหดศีรษะหนีตามสัญชาตญาณทันที “ไม่ได้พูดว่าอะไรซักหน่อย แค่พูดว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในโลกเลย” แม้ว่าจะกลัวแต่ความหมั่นไส้ในตัวเขาก็มีมากกว่า เธอจึงกล่าวคำประชดประชันออกไป คนที่ถูกว่ากระทบเลือดหมุนเวียนขึ้นบนใบหน้าทันควัน “กล้าพูดประชดฉันเหรอ วอนเจ็บตัวซะแล้ว” เขาปล่อยมือที่จับข้อมือเล็ก นำมือข้างนั้นมาจับแก้มทั้งสองข้างของเธอ ออกแรงบีบและดึงใบหน้าสาวให้สูงขึ้น ทำให้ร่างกายของเธอต้องยืดตัวสูงตามไปด้วย หากไม่ทำเช่นนี้ลำคอระหงต้องขาดออกจากลำตัวแน่นอน “โอ๊ย!!...เอ็บ...เอ็บ” เสียงคำว่า เจ็บ หลุดออกไม่เต็มเสียงนัก เนื่องจากปากของเธอไม่อาจขยับเปิดได้มากกว่านี้ เสียงที่ร้องครางเจ็บออกมาจึงไม่ชัดเจน “คราวหน้าถ้าไม่อยากเจ็บตัว อย่าริอ่านพูดจากับฉันแบบนี้อีกนะน้องหนู ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของเธอ จำเอาไว้” ร่างสาวถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แต่ทว่าการปล่อยของเขาในครั้งนี้ไม่ธรรมดา กวินภพผลักร่างสมส่วนออกห่างด้วยการผลักกายสาวไปปะทะกับตัวรถอย่างแรง แรงจนเธอร้องโอดครวญออกมาเสียงดังลั่น “โอ๊ย!!” “ฉันยังมีเรื่องชำระความกับเธออีกเยอะ แค่นี้มันน้ำจิ้มๆ มีอีกหลายอย่างที่เธอต้องชดใช้ รับรองกระอักเจียนตายแน่” เขาพูดเสียงหนักแน่น แววตาที่มองเพลงมีนานั้นแข็งตึง คนที่ถูกข่มขู่ยืดตัวตรงใช้ฝ่ามือนุ่มๆ คลำตรงสะโพกของตัวเอง เงยหน้าเล็กน้อยเพราะความเจ็บ ดวงตาสาวเบือนหน้ามองไปยังทิศทางอื่นที่ไม่มีร่างของชายที่ชอบพูดคำขู่ แต่สิ่งที่เธอหันไปมองนั้น ในความรู้สึกของเธอมันบอกว่ามีพลังแห่งความหวาดกลัวปกคลุมอยู่ เธอมองบ้านหลังตรงหน้าราวกับว่าไม่เคยเจอะเคยเจอมาก่อน นำพาความความหมั่นไส้ให้เขาอีกรอบ “มองอย่างกับไม่เคยเห็นไปได้ ทั้งๆ ที่เธอเดินอยู่ในบ้าน ในไร่ของฉันจนจะปรุอยู่แล้ว” เสียงของเขาทำให้เธอต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทาง อยากจะตะโกนใส่หน้าเขาเหลือเกินว่า เธอไม่ใช่น้องหนู ไม่ใช่คนที่สร้างความเจ็บแค้น ไม่ใช่คนที่เคยอยู่ที่นี่ ไม่รู้จักไร่แห่งนี้ รวมทั้งไม่รู้จักเขาด้วย แต่ทว่าเธอก็ทำไม่ได้...ทำไม่ได้ “แล้วที่นี่ที่ไหนคะ?” เป็นคำถามที่ไม่สมควรจะถามออกไปเลย แต่เธอก็อยากจะรู้ว่าที่ที่ตนเองยืนอยู่นั้น คือสถานที่ใด “อย่ามาทำเป็นไขสือจำที่นี่ไม่ได้หน่อยเลย แต่ถ้าเธออยากจะได้คำตอบ ฉันก็จะตอบให้ ที่นี่ก็คือไร่พฤกษา ไร่ที่เธอฝากความฉิบหายเอาไว้ให้ยังไงล่ะ ชัดมั้ย?” เขาตอบเสียงดัง มองเพลงมีนาอย่างกินเลือดกินเนื้อ นึกถึงเรื่องนี้ครั้งใด ของขึ้นทุกที เพลงมีนาได้ยินคำตอบแล้วก็นึกอยากจะตบปากตัวเองที่ถามออกไปเช่นนั้น ทำให้กวินภพเปลี่ยนท่าทางเป็นแข็งกร้าว น่ากลัว เธอกลัวว่าเขาจะจับร่างของเธอฉีกออกเป็นชิ้นๆ เปลี่ยนเรื่องพูดน่าจะดีที่สุดในเวลานี้ “เอ่อ...จะให้ฉันพักที่นี่กับคุณเหรอ?” เธอเอ่ยถามอย่างเกร็งๆ มองบ้านหลังใหญ่ที่ไม่คุ้นตาอีกครั้ง ใจยังประหวั่นไม่กล้าเดินตามเขาเข้าไปในบ้าน เพราะเกรงว่าความปลอดภัยจะไม่มี “ฉันคงให้เธอไปพักที่บ้านพักคนงานหรอกนะ ประเดี๋ยวเธอก็หนีไปอีก ฉันขี้เกียจตามตัวเธออีก ฉันเตรียมห้องไว้ให้เธอแล้ว ตามมาก็แล้วกัน” ระหว่างทางที่มาไร่พฤกษา เขาได้โทรศัพท์มาหาจักรพงษ์ให้จัดเตรียมห้องพักพิเศษไว้ให้กับเพลงมีนา ต้อนรับการกลับมาอีกครั้งของเธอ “ฉันนอนหน้าบ้านก็ได้ รับรองไม่หนีไปไหน ฉันสัญญา” พูดพร้อมกับชูสองนิ้ว “เชื่อตายล่ะ เธอน่ะมันทั้งยั่วเก่ง แผนสูง ไม่มีทางที่เธอจะพูดตามสัญญาแน่นอน แต่เธอจะไม่นอนในห้องที่ฉันจัดเตรียมไว้ให้ก็ได้นะ ฉันไม่ว่า” รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าสาวทันที หลังจากได้ยินประโยคท้าย รอยยิ้มนั้นผุดผายได้ไม่กี่วินาทีก็ต้องหุบโดยพลันเมื่อประโยคต่อมาของเขา “แต่ฉันจะนอนเป็นเพื่อนเธอ นอนกอดเธอข้างนอกเพราะกลัวว่าเธอจะหนาวกลายเป็นปอดบวมตาย ว่าไงจะเอายังไง?” “ถามมาได้ว่าจะเอายังไง ก็ต้องทำตามที่เขาพูดในตอนแรกอยู่แล้ว อุตส่าห์บอกว่าจะนอนข้างนอกเขายังจะมานอนเป็นเพื่อนอีก คนบ้าอะไรก็ไม่รู้” เธอบ่นพึมพำในใจ ไม่กล้าเอ่ยปากออกไป “ด่าฉันในใจหรือไง ด่ามากๆ ระวังนะจะจูบให้ขาดใจเลย ว่าไงตกลงจะนอนที่ไหน ถ้าไม่รีบพูดพ่อจะฟันมันตรงเนี่ยแหละ” พูดไปด้วยเท้ายาวๆ ก็เดินเข้าหาร่างสาวที่เดินถอยหลังหนี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD