คิดแล้วก็ได้แต่แอบหนักใจ เพราะไม่อยากให้ความหวังกับแฟนคลับ แต่ก็ไม่อยากทำลายน้ำใจ จึงตอบกลางๆ ไว้
‘เรื่องอนาคตก็ไม่สามารถตอบได้ค่ะ แต่ตอนนี้เป็นแค่พี่น้องกันเท่านั้น’
บัณทิสาเดินตามหลังมะปรางเข้าไปในห้องแต่งตัว บรรยากาศก็เหมือนทุกครั้งที่เข้ามาในห้อง ฝ่ายคอสตูมของนิตยสารก็สาละวนกับการจัดเตรียมชุด โดยมีสไตล์ลิสต์ดูแลควบคุมงานอีกที
บัณทิสาทักทายยกมือไหว้ทีมงานทุกคนเหมือนวันแรกที่เคยร่วมงาน ก่อนหันไปทางหน้ากระจก เมกอัพอาร์ตติสต์ชื่อดังกำลังละเลงหน้าหล่อๆ ของซุป’ ตาร์หนุ่มคู่จิ้นของเธออยู่ และแฮร์สไตล์ลิสต์ก็ยืนประกบเพื่อไม่ให้เสียเวลา
“หวัดดีค่ะพี่มิกซ์ พี่รุต พี่หยิน” บัณทิสาเอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้ทั้งสาม
“อือ หวัดดี” ศรุตทักทายตอบพร้อมยกมือโบกเบาๆ ตามสไตล์ของอีกฝ่าย
“วันนี้หน้าอิ่มฟูนะ แสดงว่าเมื่อคืนได้นอนเต็มที่แล้ว” มิกซ์ทักทาย ด้วยการสังเกตใบหน้าของนางอีกฝ่าย โล่งใจที่ไม่เห็นรอยคล้ำใต้ตา หรือสิวบนใบหน้าของนางเอกคนดัง
“เมื่อคืนนอนครอบแปดชั่วโมงเลยค่ะ แต่ดูเหมือนพี่รุตจะนอนไม่ถึงนะคะ” เธอพูดขณะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ อีกฝ่าย
“อย่าพูดสิ เดี๋ยวพี่มิกซ์สวดอีกรอบ” ศรุตว่า แล้วยิ้มแหยให้มิกซ์
“ก็มันน่าบ่นไง รู้อยู่ว่าต้องตื่นเช้ามาทำงาน ยังจะไปปาร์ตี้อีก”
“ก็วันเกิดเพื่อน มันคะยั้นคะยอ ขืนไม่ไปมันก็งอนไง”
“ไปได้จ้า แต่รู้ลิมิตตัวเองว่าควรกลับเวลาไหน อย่าคิดว่าช่างแต่งหน้าจะกลบร่องรอยทุกอย่างบนใบหน้าได้หมดนะ หรือใช้ฝ่ายกราฟฟิกรีทัชให้ เพราะอดนอนดวงตามันไม่สดชื่น”
“คร้าบผม ต่อไปนี้จะไม่ทำแล้ว พี่ไม่โกรธนะพี่มิกซ์คนดี๊ คนดีของผม” เจ้าตัวพูดพร้อมทำเสียงอ้อนๆ แค่นั้นมิกซ์ก็ใจอ่อน ไม่บ่นต่อแล้ว
ศรุตก็เลยยิ้มออก เพราะสำหรับศรุตแล้ว มิกซ์เป็นผู้มีบุญคุณ เพราะอีกฝ่ายเป็นคนชักนำเขาเข้าวงการ ด้วยการพาเข้ามาอยู่ในการดูแลของมะปราง เพื่อนสนิทของมิกซ์นั่นเอง
“ทำผมก่อนแล้วกันเนอะ” หยินเดินไปด้านหลังของ
บัณทิสา แล้วจัดแจงทำผมตามแพลนของสไตล์ลิสต์ ซึ่งจะเปลี่ยนหลายทรง เพื่อให้เข้ากับชุดที่สวมใส่ในวันนี้ การแต่งหน้าก็ต้องปรับเปลี่ยนเช่นกัน
เมื่อทำผม แต่งหน้าเรียบร้อยทั้งสองคน ก็ถูกฝ่ายคอสตูมจับไปแต่งตัวชุดแรกตามคอนเซปต์ของการถ่ายแบบวันนี้ ธีมคู่รัก เสื้อผ้าหน้าผมออกแนวสดใส และเหมือนโลกมีแค่สองเรา
เมื่อฝ่ายภาพพร้อมแล้ว ทุกคนก็พากันไปยังห้องสตูดิโอถ่ายภาพ ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่
“สวัสดีค่ะพี่เรย์ พี่ทิพย์”
“หวัดดีครับ”
สองหนุ่มสาวซุป’ ตาร์ ทักทายพร้อมยกมือไหว้ช่างภาพกับบรรณาธิการแฟชั่น รวมทั้งหันไปยกมือไหว้ผู้ช่วยช่างภาพที่มีอยู่สามคน
“วันนี้คงทำงานได้เร็วขึ้น เพราะพี่มีผู้ช่วยเพิ่มมาอีกหนึ่งคน” เรย์ หนุ่มใหญ่ที่ยึดอาชีพช่างภาพแฟชั่นที่คว่ำหวอดในวงการมานานเอ่ยบอก
“ดีจังเลยพี่เรย์จะได้ไม่เหนื่อย” บัณทิสาพูดพร้อมรอยยิ้มสดใส
“ผู้ช่วยคนนี้เป็นงานมาก แถมมีแววว่าวันหนึ่งอาจได้เป็นช่างภาพมืออาชีพของวงการ ถ้าเขาไม่เอาดีด้านแสดงเสียก่อน
“โห ผู้ช่วยคนนี้ของพี่เรย์คงจะหล่อมากนะครับ” ศรุตว่า
“ก็แหงสิ เพราะเป็นเด็กในสังกัดคนใหม่ของยัยปรางเขา”
“อ้าว งั้นก็เป็นคนนี้สินะ ที่พี่ปรางบอก จะแนะนำให้บันนี่รู้จัก แล้วเขาไปไหนเสียล่ะคะ” บันนี่หันไปทางมะปราง ที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“อ๋อ นั่นไง มาพอดี” มะปรางกวักมือเรียกชายหนุ่มร่างสูงสง่าที่กำลังเดินส่งยิ้มเข้ามาในสตูดิโอ ซึ่งเมื่อครู่เขาขอตัวเข้าห้องน้ำ หลังจากจัดการกับทุกอย่างเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับถ่ายแบบแล้ว ทั้งฉาก ไฟ และพรอพต่างๆ
โจฟินเผลอยิ้มมุมปากอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นสายตาและท่าทางของซุป’ ตาร์สาวคนดัง
ใช้คำว่าช็อกน่าจะเหมาะกว่า ทั้งสีหน้าประหลาดใจและดวงตาที่เบิกกว้าง กระทั่งเขามาหยุดตรงหน้าเธอ
“ไง ตะลึงในความหล่อเลยสิท่า” มะปรางเข้าใจท่าทางของบัณสิตาแบบนั้น
“โจ นี่พี่บันนี่กับพี่รุตนะ ฝากเนื้อฝากตัวกับพี่ๆ เขาสิ”
“สวัสดีครับพี่บันนี่ พี่รุต ผมชื่อโจฟิน ขอฝากตัวด้วยนะครับ” โจฟินยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม สร้างความประทับใจให้กับศรุตจนอีกฝ่ายเดินมาตบบ่าเบาๆ หลังจากรับไหว้แล้ว
“โห หล่อนี่หว่า มิน่าพี่ปรางถึงชมว่าหล่อเทพ”
ส่วนบัณทิสานั้น นอกจากยกมือรับไหว้แบบเงอะงะแล้ว เธอก็พยายามดึงสติตัวเอง ด้วยการทักทายตามมารยาท เพื่อไม่ให้ทุกคนสงสัย หรือเข้าใจผิดไปว่าเธอตกตะลึงกับความหล่อของอีกฝ่าย
“เอ่อ ยินดีต้อนรับรุ่นน้องในสังกัดพี่ปรางนะคะ”
“ขอบคุณมากๆ ครับพี่บันนี่ ตัวจริงสวยกว่าในทีวีอีกนะครับ” เขาพูดพร้อมยิ้มมุมปาก ดวงตาเขากวาดมองใบหน้าสวยนั้นด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ทั้งดีใจ สะใจที่ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“แหมๆ หยอดเลยนะ” มะปรางแซว ยิ่งเห็นสายตาสีฟ้าเข้มมองบัณทิสาแบบไม่กระพริบตาก็ไม่แปลกใจ เพราะเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าสังกัด เจอความสวยของบัณทิสาก็เคลิ้มกันทุกคนอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครทำให้บัณทิสาตกตะลึงได้เท่ากับโจฟิน
เมื่อทักทายกันเสร็จเรย์ก็บอกทุกคนให้เข้าประจำที่ รวมทั้งนายแบบกันนางแบบด้วย
บัณทิสายอมรับว่ากว่าจะรวบรวมสมาธิกลับมาทำงานได้ เธอต้องใช้พลังใจบวกกับสมาธิเป็นอย่างมาก
ไม่คิดว่าจะเจอเขาอีกครั้งเร็วขนาดนี้ แถมมาเจอในฐานะรุ่นน้องร่วมผู้จัดการคนเดียวกัน แถมพ่วงด้วยตำแหน่งผู้ช่วยช่างภาพใหญ่อย่างเรย์อีก
เธอพยายามเลี่ยงที่จะมองเขา แต่ก็ยาก เพราะหน้าที่ผู้ช่วยช่างภาพของเขา นอกจากจัดฉาก แสง ตั้งกล้อง แล้วยังมีหน้าที่ถือรีเฟลกซ์ส่องหน้านางแบบนายแบบอีก
อยู่ตรงหน้าขนาดนี้แล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะมอง ถึงเขาจะไม่ได้แสดงให้ใครรู้ว่ารู้จักกับเธอมาก่อน ซึ่งเธอควรจะโล่งใจ แต่แววตาเฉยชาของโจฟินก็ทำให้เธอใจหายแปลกๆ
:::::::::::::