บทที่ 9
โบราณว่าไว้รักแรกพบ
หลังจากพี่ราชันพาฉันแวะซุปเปอร์มาร์เก็ต ฉันก็เลือกซื้อของสดที่ทำง่ายๆ และไม่เปลืองเวลา เพราะฉันมีเวลาที่จำกัดฉันเลยเลือกทำข้าวผัดปูง่ายๆ กับต้มจืดและกะเพรากุ้ง ส่วนของสดฉันก็ซื้อมาเผื่อไว้ให้เขาเล็กน้อย แต่ดูท่าแล้วฉันว่ามันจะเน่าซะก่อนแน่ เพราะพี่ราชันบอกว่าทำกับข้าวไม่เป็น
ตอนแรกที่เข้ามาในครัวพี่ราชันก็ตามเข้ามาช่วยนะ ช่วยเป็นภาระนะ เพราะเขาทำอะไรไม่เป็นเลย ฉันให้เขาหั่นฟักให้นะ มาเป็นลูกเต๋าเชียว และพอให้ไปปอกกระเทียม เขาก็ปอกซะไม่เหลือแม้แต่เนื้อกระเทียม ฉันเลยไล่ให้เขาไปรอด้านนอก พอเสร็จแล้วจึงไปเรียก
“น่ากินจัง” พี่ราชันเดินมานั่งที่โต๊ะ แล้วมองอาหารตาเป็นประกายอย่างกับเด็กที่กำลังหิวโหย
“ก็กินสิคะ” ฉันตักข้าวให้พี่เขา
“กินคนทำด้วยได้ปะ”
อะไรคือการเงยหน้าขึ้นมาพูดหน้าตาเฉย แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“วะ วันนี้พี่มาแปลกนะ” ฉันพยายามตั้งสติ แล้วหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด
“ทำไม” คำถามของเธอ ทำให้ผมถามกลับ
“ก็ปกติพี่จะนิ่ง วันนี้พี่ดูซนๆ ขี้เล่นอะ” ฉันว่าขึ้นอย่างไม่คิดอะไร
“ไม่ดีเหรอ” ผมเลิกคิ้วใส่น้อง
“เปล่า มันก็แปลกดี” ฉันย่นหน้าใส่เขา
“แล้วชอบแบบไหน” ผมถาม เพราะอยากรู้
“หนูว่าพี่น่าจะยิ้มบ้างนะ ทำไมชอบทำหน้านิ่ง” ฉันพูดออกไปตรงๆ เพราะตั้งแต่ฉันเจอเขา ฉันยังไม่เห็นเขายิ้มกว้างๆ เลยสักที นอกจากกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์
“งั้นพี่จะยิ้มให้เธอบ่อยๆ ละกัน” ผมบอกแล้วยิ้มกว้าง
ตึก ตึก ตึก..บ้าไปแล้วแค่ยิ้มของเขาก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงมาก นี่เขาจะรู้ไหมนะว่ารอยยิ้มของเขานั่นแหละที่อันตรายต่อใจฉันมาก
“กินๆ ไปเลยนะ” ฉันก้มหน้าลงหลบสายตาเขาแล้วพูดขึ้น
“หึหึ” ผมหัวเราะในลำคอ พลางเหลือบตามองหน้าแดงของน้อง
พอกินเสร็จแล้วฉันก็ทำหน้าเป็นแจ๋วอีกครั้งเพื่อเก็บกวาดห้องครัวและล้างถ้วยจาน
“พี่ราชัน” ฉันอุทานเสียงเขียว เมื่อเขาเข้ามากอดฉันทางด้านหลัง
“หอมจัง” พี่ราชันก้มลงหอมแก้มฉันฟอดใหญ่
“พี่ราชัน” ฉันหันไปมองเขาตาโต
“อะไร?” แต่พี่แกกลับไม่รู้อะไร มิหนำซ้ำยังเอาคางมาเกยที่ไหล่ฉัน แล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก
“ปล่อยก่อนค่ะ” ฉันบอกเขาแล้วหยิบจานขึ้นมาล้างต่อ
“ไม่” ผมตอบชิดข้างแก้มหอม
“แต่หนูล้างไม่ถนัด” ฉันหันไปมองหน้าคนเอาแต่ใจ
“ไม่ได้กวนซะหน่อย ก็ล้างไปสิ” ผมเถียงเธอตามนิสัยของผม
“มันไม่ถนัดค่ะ” ฉันทำหน้ามุ่ย
“เรื่องของเธอสิ” แล้วเขาก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ยังไม่ปล่อยแขนจากเอวของฉัน ยังกอดฉันแน่นอีกด้วย
ฉันจึงต้องล้างถ้วยทั้งอย่างนั้น เพราะให้เถียงเขาทั้งวันคงไม่เสร็จ อีกอย่างฉันต้องรีบไปทำงานด้วย…
NT COFFEE..
“ขอบคุณนะคะ” ฉันหันไปบอกคนที่ขับรถมาส่ง
“จะลงไปด้วย” พี่ราชันปลดเบลล์แล้วหันมาบอกฉัน
“จะกินกาแฟเหรอคะ แต่นี่ค่ำแล้วนะ” ฉันถาม
“เปล่า รอรับกลับ” เขาบอกแล้วเดินนำฉันไปที่ร้าน
“แต่มันหลายชั่วโมงนะคะ” ฉันรีบเดินตามไปบอกเขา
“แล้วทำไม” แล้วพี่ราชันก็หันมามองฉันนิ่งๆ แต่คำพูดพี่เขานี่หาเรื่องกันชัดๆ
“เปล่า ตามใจพี่ก็แล้วกัน” ฉันส่ายหน้าให้เขาแล้วเดินเข้าร้านมาโดยที่มีพี่ราชันเดินตามมา
ฉันเดินไปหลังร้านเพื่อใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อทำน้ำให้พี่ราชัน ฉันเลือกทำโกโก้ปั่นให้เขาแล้วตักเค้กดาร์กช็อกโกแลตไปให้เขาที่โต๊ะ แต่ไม่ทันไป ฉันก็ต้องกลับไปที่เคาน์เตอร์เมื่อมีลูกค้าเข้าร้าน..
ฉันรับออเดอร์และเดินมาทำตามที่ลูกค้าสั่ง
“ยังไงยะ ทำไมมาด้วยกัน” พี่หน่อยเดินมากระแซะฉันเบาๆ แล้วพูดกระซิบพร้อมพยักหน้าให้ฉันมองพี่ราชัน ซึ่งเขาก็มองฉันอยู่
“ไม่มีอะไรค่ะ” ฉันหันไปมองพี่ราชันแล้วหันมาตอบพี่หน่อย
“ไม่เชื่อ อย่ามาโกหกฉันนะยะ” พี่หน่อยหรี่ตามมองฉันอย่างจับผิด
“คะ คือ” ฉันทำท่าอึกอัก
“เหมย” แล้วพี่แกก็เรียกชื่อฉันอย่างกดดัน
“ก็คุยๆ กันอยู่ค่ะ” ฉันก้มหน้าบอกพี่หน่อย
“นั่นไง ฉันว่าแล้ว” พี่หน่อยทำท่าตบขาตัวเอง แล้วพูดออกมาอย่างมั่นใจ
“ว่าอะไรคะ” ฉันถาม
“ก็ผู้ชายคนนั้นไง ที่มองแกแปลกๆ วันนั้นน่ะ ที่ฉันบอกแกว่ารักแรกพบน่ะ ทีนี้เชื่อฉันรึยัง” พี่หน่อยทำท่าวิเคราะห์การณ์ไกล
“ค่า เชื่อแล้วค่า” ฉันยิ้มให้พี่หน่อย แล้วหันไปมองพี่ราชันที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่…
เวลา 21.30 น.
วันนี้ร้านปิดเร็วเพราะไม่มีลูกค้าแล้ว พี่หน่อยเลยให้เลิกงาน ฉันพี่หน่อยและน้องในร้านอีกคนหนึ่งช่วยกันเก็บกวาดร้านจนเสร็จ
“กลับดีๆ นะเด็กๆ” พอปิดร้านทุกอย่างเสร็จแล้ว พี่หน่อยก็หันมาลาพวกฉัน
ฉันและน้องในร้านอีกคนยกมือไหว้พี่แก แล้วเดินแยกกันไปคนละทาง
“ไปค่ะ กลับกัน” ฉันเดินมาหาพี่ราชันที่ยืนรออยู่ที่รถ…
ปากซอยทางเข้าบ้าน..
กึกกก!!
ฉันพยายามปลดเบลล์ออกแต่ดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออก
“เป็นอะไร” พี่ราชันถาม
“มันปลดไม่ออกค่ะ” ฉันบอกเขา แล้วก้มลงมองว่ามันติดอะไร
กึกกก!!
แต่มันก็ไม่ได้ติดอะไรนะ ฉันดึงสายเบลล์ให้เขาดู
“อยู่นิ่งๆ”
พี่ราชันโน้มตัวมาทางฉันแล้วเอื้อมไปจับเบลล์
ฉันได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อเพราะระยะห่างของฉันกับเขาตอนนี้มันไม่มีเลย เรียกได้ว่าแนบชิดกันเลยก็ว่าได้ พี่ราชันมองหน้าฉันแล้วอมยิ้มนิดๆ ที่เห็นฉันเกร็ง
“ออกแล้ว” ในที่สุดเขาก็สามารถปลดมันออกได้
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ฉันนั่งท่าเดิม เพราะพี่ราชันยังไม่ขยับไปไหน แต่พี่ราชันยังมองหน้าฉันอยู่อย่างนี้
“ฝันดีนะ” พี่ราชันยิ้มแล้วก้มลงมาจุ๊บที่ปากฉันเบาๆ
“...” ฉันตกใจอ้าปากค้างตานี่โตเท่าไข่ห่าน
“ฮ่าๆ” เขาหัวเราะแล้วผละออก
“ฉะ ฉวยโอกาส” ฉันพยายามรวบรวมสติแล้วต่อว่าเขา
“ช่วยไม่ได้ มันแดงน่าจูบดี” พี่ราชันแลบลิ้นเลียปากของตัวเอง
“มะ ไม่คุยด้วยแล้ว” ฉันทำเสียงเข้มและท่าทีโกรธเพื่อกลบเกลื่อนความอายของฉัน
กึง!
เสียงล็อกประตูรถ ทำให้ฉันหันขวับมองพี่เขา
“เปิดรถสิคะ” ฉันรู้ว่าเขาล็อกรถ เพราะฉันเปิดประตูแล้วมันไม่ออก
“โกรธเหรอ” เขาหันมามองฉันแล้วขยับเข้ามาใกล้ๆ
“มะ ไม่ได้โกรธ ไม่ต้องขยับเข้ามา” ฉันรีบร้องห้ามทันที
“งั้นเหรอ แต่ถึงจะโกรธก็ไม่ขอโทษนะ เพราะว่าตั้งใจจูบ” พี่ราชันกระตุกยิ้มให้ฉันอย่างร้ายกาจ
“บ้า คนนิสัยไม่ดี” ฉันว่าเขา แล้วรีบลงมาจากรถ แล้วรีบเดินเข้าซอยตรงไปยังบ้าน…
ตึก ตึก ตึก...ขนาดมาถึงบ้านแล้วใจฉันยังเต้นแรงไม่หยุดอีก อันตรายเกินไปแล้วนะพี่ราชัน ฉันว่าเขาแล้วเอามือจับปากตัวเองแล้วยิ้มออกมาเขินอาย..
Rrrrrrrr...
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ฉันหันไปมองอย่างอารมณ์ดี
สายเรียกเข้า : XXX
แต่แล้วฉันก็ต้องหยุดยิ้ม เมื่อเห็นว่าใครโทรมา ฉันมองไปที่โทรศัพท์อย่างสับสนว่าจะรับดีหรือเปล่า ชั่งใจอยู่นานฉันก็ทำใจกล้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
“ค่ะ เหมย พูดสายค่ะ” ฉันกรอกเสียงไปยังปลายสายนิ่งๆ
“หนูเมลิษาใช่ไหม”…