ตอนที่ 2 เพื่ออนาคต

1446 Words
เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ปลุกให้วารีรัตน์ตื่นขึ้นมาในตอนบ่าย เธอรู้สึกดีขึ้นมากแล้วราวกับว่าเมื่อเช้าไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น แต่เพื่อป้องกันความผิดพลาดและให้หายข้องใจเกี่ยวกับประจำเดือนที่มาไม่ตรงกำหนด หญิงสาวจึงตัดสินใจจะลงไปซื้อที่ตรวจครรภ์ที่ร้านขายยาใต้คอนโดที่พักอยู่ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดลำลองที่สุภาพแล้ว วารีรัตน์ในวัยยี่สิบหกก็เดินถือกระเป๋าสตางค์ใบเล็กเดินออกจากห้อง ในจังหวะนั้นเพื่อนบ้านห้องข้างๆ กันก็เดินออกมาแล้วทักทายเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม “วันนี้ไม่ได้ไปทำงานเหรอน้ำ” “ไม่สบายนิดหน่อยค่ะพี่ศิระ กำลังจะลงไปซื้อยาข้างล่าง” เธอตอบแล้วยิ้มให้เขา ศิระยิ้มมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังดี เธอมีคนรักแล้วและรักกันมาก เขาต้องยินดีกับเธอแม้จะแอบอกหักอย่างเงียบๆ ก็ตาม ทั้งสองเดินลงลิฟต์ไปพร้อมกันแล้วชวนคุยสัพเพเหระ วารีรัตน์ไม่ใช่คนโง่เธอรู้ว่าศิระคิดอย่างไรกับเธอ แต่ตราบใดที่เขาไม่ล้ำเส้นการเป็นเพื่อนบ้านและพี่ชายที่แสนดีเธอก็จะไม่ตัดสัมพันธ์อันดีกับเขา “พี่ไปก่อนนะ” เขาแยกกับเธอที่หน้าลิฟต์ “ค่ะ” หญิงสาวตอบรับแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะเธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอมาซื้อที่ตรวจครรภ์ โดยเฉพาะศิระที่ถือเป็นคนใกล้ชิดแม้จะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนใส่ใจเรื่องของเพื่อนบ้านก็ตาม พอได้ยาและอุปกรณ์ทดสอบการตั้งครรภ์มาแล้ววารีรัตน์ก็ไม่รอช้าที่จะตรวจให้รู้ผล พอหยดปัสสาวะลงไปในช่องทดสอบ หญิงสาวก็ออกไปรอลุ้นที่นอกห้องน้ำ จำประโยคที่คนรักพูดเอาไว้และให้ลดความตื่นเต้นและเป็นกังวล “ท้องก็ดีสิครับ ผมจะได้เปิดตัวแม่ของลูก” “ผมว่าผมพร้อมจะสร้างครอบครัวกับคุณแล้ว” ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งอมยิ้มออกมาแก้มแทบปริ หากผลการทดสอบออกมาว่าเธอตั้งครรภ์วริศคงดีใจร้องตะโกนลั่นห้องแน่ เพราะเขาอยากเปิดตัวคบหากับเธออย่างกับอะไรดี ช่วงนี้งานเขาก็รัดตัว อีกทั้งน้ำเสียงก็ดูเหนื่อยๆ หากรู้ว่าเธอมีข่าวดีว่าที่คุณพ่อมือใหม่ต้องดีใจแน่ “แค่คิดก็นึกภาพรอยยิ้มคุณออกแล้ว วริศ” วารีรัตน์สูดลมหายใจเข้าแล้วเดินกลับเข้าไปดูผลการทดสอบ ขีดสีชมพูจางๆ เส้นที่สองทำให้หญิงสาวดีใจจนน้ำตาคลอ ก่อนหน้านี้เป็นเธอต่างหากเล่าที่ยังไม่พร้อมเพราะยังสนุกกับการทำงาน แต่วริศอยากได้ลูกอยากสร้างครอบครัวแล้ว เธอคงต้องเตรียมตัวให้พร้อมต้อนรับสถานะว่าที่คุณแม่และภรรยาของพระเอกดาวรุ่งอย่างเขา “ลูกจะเป็นของขวัญวันครบรอบที่ดีที่สุดของเรา” เธอลูบที่ท้องแล้วยิ้มออกมา วริศมาถึงห้องพักของคนรักแล้วสวมกอดเธอด้วยความคิดถึง “ช่วงนี้งานหนักมากเลยน้ำ ผมคิดถึงคุณใจจะขาด” ทันทีที่มาถึงประโยคหวานหูก็ยิงรัวไม่หยุด “น้ำก็คิดถึงคุณ ดีใจมากเลยค่ะที่คุณยังจำวันครบรอบของเราได้ น้ำมีของขวัญเตรียมให้วริศด้วยนะ” เธอกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์ในท้ายประโยคดึงดูดความสนใจแก่วริศเป็นอย่างมาก “ผมสิไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย เอาไว้เราไปเลือกของขวัญด้วยกันนะ...ว่าแต่ของขวัญที่น้ำเตรียมไว้คืออะไร อย่าบอกนะว่าจะให้ผมแกะของขวัญชิ้นนี้” เขาชี้ไปที่ตัวเธอแล้วยิ้มกริ่มด้วยสีหน้าที่หื่นกระหายอย่างหยอกล้อ “ยังไม่บอกค่ะ กินข้าวก่อนดีกว่า น้ำหิวมากแล้ว” จมูกโด่งเรียวย่นใส่คนรัก ก่อนจะหมุนตัวไปหยิบจานชามมาจัดอาหารเพื่อเตรียมฉลอง นักแสดงหนุ่มเดินไปที่ตู้ในครัวจะหยิบแก้วไวน์ออกมาสองใบ วารีรัตน์จึงรีบห้ามเขาไว้ “วริศ วันนี้น้ำไม่สบายนิดหน่อยขอน้ำเปล่านะคะ” เธอบอกเขาเพราะรู้ว่าตนเองมีเจ้าตัวเล็กอยู่ในท้องแล้วจะดื่มอะไรแบบนี้ไม่ได้ คิ้วหนาเลิกสูงเล็กน้อยแล้วยักไหล่เบาๆ ก่อนจะหยิบแก้วตัวเองมาใบเดียว แล้วนำไวน์ในชู้เย็นออกมาดื่มฉลองให้กับความรักที่ราบรื่นมาจนถึงปีที่สาม คนรักที่แสนดี อาหารรสเลิศ ไวน์ และบรรยากาศที่ผ่อนคลายทำให้วริศมีสีหน้าที่ดูสดใสขึ้น เขาเล่าเรื่องต่างๆ ให้เธอฟัง และเธอก็เป็นผู้ฟังที่ดี “ผมสบายใจทุกครั้งที่อยู่กับน้ำ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มพร่ำบอกประโยคนี้กับเธอเป็นรอบที่นับไม่ถ้วน วารีรัตน์คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะมองของขวัญวันครบรอบนี้ให้แก่เขา “น้ำมีของขวัญจะให้ รอแป๊บหนึ่งนะคะ” เธอบอกแล้วลุกเดินเข้าไปในห้องนอน วริศมองตามหลังเธอไปด้วยสายตาที่รักใคร่ มองหญิงคนรักวัยเดียวกันเดินถือกล่องของขวัญใบเล็กมาให้ก็ยิ้มออกมา “อะไรครับ นาฬิกา ปากกา หรือว่าสร้อยข้อมือ” เขาเดาจากขนาดของกล่องที่เล็กและเป็นทรงยาว “ลองเปิดดูสิคะ” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น หัวใจเต้นระส่ำอยากเห็นสีหน้าเขาแล้วว่าจะดีใจขนาดไหน มือหนารับกล่องของขวัญจากคนรักแล้วเปิดออกดูด้วยความดีใจ อุปกรณ์ทดสอบการตั้งครรภ์ที่ขึ้นสองขีดตรงหน้าทำให้เขาลดยิ้มแล้วนิ่งอึ้งไป “ดีใจจนพูดไม่ออกเลยใช่ไหมล่ะคะ” เธอถามแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลดยิ้มลงแล้วมองดูใบหน้าที่นิ่งอึ้งนานเกินไปของเขา “วริศไม่ดีใจเหรอ ไหนบอกว่าพร้อมจะสร้างครอบครัว อยากมีลูกด้วยกันไงคะ” เธอถามเขาเสียงเบา คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความสังหรณ์ใจว่ามีบางอย่างที่เปลี่ยนไป “ผมไม่คิดว่าน้ำจะจริงจัง ตอนนั้นผมแค่พูดไปอย่างนั้น ปกติคุณจะเข้าใจผมไม่ใช่เหรอ น้ำต้องรู้สิว่าผมเพิ่งได้ขึ้นแท่นเป็นพระเอกได้เดือนเดียว จู่ๆ จะมีข่าวเปิดตัวลูกเมีย อนาคตในวงการของผมดับแน่” เขาเอาศอกวางบนโต๊ะแล้วก้มหน้าแนบฝ่ามือของตนด้วยความสับสนและกังวลใจ วารีรัตน์ตัวแข็งทื่อ รู้สึกชาไปทั้งตัว ประโยคที่ไร้ความรับผิดชอบนั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกโยนความผิดให้ “อนาคตของผมนะน้ำ น้ำปล่อยให้ท้องได้ไง” “แล้วจะให้น้ำทำยังไงเหรอวริศ จะให้แต่งงานเงียบๆ แล้วเลี้ยงลูกเงียบๆ ไม่ให้สื่อรู้ รอลูกโตแล้วค่อยเปิดเผยอย่างนั้นเหรอคะ” เธอตัดพ้อเขาเสียงเครือไม่คิดว่าเขาจะไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ “ไม่ๆ เราเอาเด็กออกเถอะนะน้ำ ผมยังไม่พร้อมมีลูกในตอนนี้ ตอนนี้หากตั้งท้องยังไม่ถึงสองเดือนสามารถยุติการตั้งครรภ์ได้โดยไม่มีความผิด น้ำไปเอาเด็กออกเถอะนะ” น้ำเสียงของเขาที่แฝงไปด้วยความกังวลบ่งบอกว่าเขาไม่ต้องการของขวัญที่เธอมอบให้ “วริศ คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า” เธอถามเขาเสียงเครือ น้ำตาไหลอาบแก้ม สิ่งที่คิดไม่เป็นอย่างที่คาด ประโยควาดฝันที่เขาพร่ำบอกอยากเปิดตัวเธอนักหนามันเป็นแค่คำพูดเอาอกเอาใจเพียงเท่านั้น “ผมสบายใจเวลาที่มีคุณนะน้ำ ผมรักคุณมากนะ แต่แค่คุณคนเดียวที่ผมต้องการ ผมยังไม่อยากมีลูกมาดับเส้นทางในวงการของผม ถ้ารักผมทำเพื่อผมได้ไหม” เขายังคงยืนยันคำเดิมและโน้มน้าวให้เธอยุติการตั้งครรภ์โดยเอาคำว่ารักมาอ้าง “ตอนแรกฉันคิดแค่ว่าคุณไม่มีความรับผิดชอบ แต่ตอนนี้ฉันว่าคุณมันเห็นแก่ตัว คุณเป็นคนรักที่ดีได้แต่คุณไม่สามารถเป็นพ่อที่ดีได้เลย” เธอตัดพ้อหวังให้เขาคิดได้ “แม่งเอ๊ย!” วริศลุกขึ้นเดินไปมาแล้วสบถคำหยาบคายออกมาอย่างหัวเสียในแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน สักพักก็หยุดเดินแล้วหันมาใช้ไม้ตายกับเธอ “ถ้าไม่เอาเด็กออก งั้นเราก็เลิกกัน!” ************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD