รักฉันแล้วอย่าเลว
ตอนที่ 3 บอดี้การ์ดผู้ภักดี
ตั้งแต่ที่ลลิตาตกลงรับปากว่ายอมให้ครอบครัวจับคลุมถุงชนแต่งงาน ครอบครัวก็มีหน้าตาที่สดใสมากขึ้น ลลิตาที่รับรู้ว่าผู้เป็นพ่อป่วยได้เห็นสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขแบบนี้ ก็อดที่มีความสุขไปด้วยไม่ได้ แม้ส่วนลึกภายในใจจะไม่อยากแต่งงานตามที่รับปากไปก็ตาม
“ ฤกษ์แต่งงานอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า ลูกรู้แล้วใช่ไหม ” คุณอดุลย์ ผู้เป็นพ่อของลลิตาเอ่ย ขณะนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
“ ทราบค่ะ ”
“ บ้านในหมู่บ้านทรายแก้ว พ่อยกให้เป็นเรือนหอของลูก ชอบแบบบ้านหลังไหน ลูกเลือกเอาแล้วกันนะ ”
“ ค่ะ ” หมู่บ้านทรายแก้ว เป็นหมู่บ้านอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวลลิตา ที่คนที่มาจับจองซื้อมักจะเป็นชาวต่างชาติ ที่ซื้อไว้พักผ่อน รวมไปถึงพวกเศรษฐีไฮโซที่ซื้อไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ
“ ทานข้าวเสร็จ ไปหาพ่อที่สวนด้วยนะ พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย ”
“ ค่ะ ” คุณอดุลย์เอ่ยจบก็ลุกออกไปจากโต๊ะอาหาร ลลิตาหันมองหน้าคุณหญิงโสม ผู้เป็นแม่ทันที
“ พ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับลิตาเหรอคะแม่? ”
“ เรื่องสำคัญกับตัวลูก ”
“ บอกลิตาหน่อย ลิตาอึดอัด ”
“ ทานกุ้งทอดของชอบลูกดีกว่า ”
“ แม่อ่ะ ” ผู้เป็นแม่ยิ้มให้กับความกังวลของลลิตา ก่อนจะตักอาหารเบี่ยงเบนคำตอบของผู้เป็นลูกสาว
ลลิตามายังในสวนหย่อม ศาลาที่ร่มรื่น ลมพัดเย็นสบาย เป็นสถานที่ประจำที่คุณอดุลย์ผู้เป็นพ่อชอบมานั่งทำงาน คุยงานกับลูกน้อง ลลิตามาถึงก็เจอผู้เป็นพ่ออยู่กับชายหนุ่มคนนึง ที่ใส่ชุดสูทซึ่งเป็นชุดลูกน้องของผู้เป็นพ่อ
“ พ่อมีอะไรจะคุยกับลิตาเหรอคะ? ”
“ นี่คีริน คนที่จะติดตามดูแลลูกที่นี่แทนพ่อ ”
ลิตาหงายหน้าไปมองหน้าผู้ชายที่ชื่อคีริน แววตาที่สื่อสารตอบกลับมาคือความเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก ราวกับไม่เป็นมิตรมากนัก
“ ทำไมต้องให้ใครมาดูแลลิตาด้วยคะ พ่อไม่ต้องให้ใครมาดูแลลิตาหรอกค่ะ ลิตาดูแลตัวเองได้ ”
“ คีรินเป็นลูกน้องที่พอไว้ใจ ลูกต้องมีคีรินอยู่ข้างๆ พ่อจะได้มั่นใจว่าลูกมีคนคอยดูแลช่วยเหลือ ”
“ จะให้ลูกน้องพ่อมาช่วยเหลืออะไรลิตาล่ะคะ? ”
“ ทุกเรื่องที่ลูกมีปัญหา คีรินจะคอยช่วยและปกป้องลูก ”
“ ทำไมพ่อทำเหมือนไม่ไว้ใจใคร ”
“ ลูกแต่งงานมีครอบครัว ต้องพบเจอเรื่องราวที่ต้องเรียนรู้อีกมากมาย คีรินจะเป็นคนช่วยเหลือลูก ”
“ ………. ” ลลิตามองหน้าคีรินที่ยังคงมีเพียงสายตาเรียบนิ่งที่ส่งตอบกลับมาเท่านัั้น
“ พ่อให้ลูกน้องตามลิตา คนอื่นจะมองลิตาว่ายังไงล่ะคะ ที่มีผู้ชายคอยเดินตามตลอดเวลาแบบนี้ ”
“ คีรินคือคนขับรถและเลขาของลูก ”
“ ……….. ”
“ พ่อฝากฝังงานกับคีรินไว้ทุกอย่างแล้ว ลูกไม่ต้องคิดมากเรื่องสังคมภายนอก หวังว่าลูกจะไม่ขัดคำสั่งพ่อใช่ไหม ”
“ ค่ะ ”
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ต้องยอมมีคนติดตามที่ราวกับมีกล้องวงจรปิดติดตัว ที่รู้ดีว่าคีรินต้องรายงานความเคลื่อนไหวของลลิตาให้ผู้เป็นพ่อรับรู้ แต่เพื่อความสบายใจในการเข้ารับการรักษาตัว ลลิตาจำต้องยอมผู้เป็นพ่อทุกอย่าง…
งานแต่งงานของลลิตา & กฤษณ์ ถูกจัดขึ้นที่รีสอร์ทของครอบครัวลลิตา มีแขกมากหน้าหลายตาร่วมเป็นสักขีพยาน ด้วยงานที่มีทั้งแขกระดับไฮโซผู้รากมากดี เศรษฐีที่ร่วมมาเป็นเกียรติในงาน เห็นทีคนที่จะดูภูมิใจในหน้าตานี้จะเป็นเจ้าบ่าวอย่างกฤษณ์ และคุณหญิงวดีผู้เป็นแม่เจ้าบ่าวซะแล้ว
“ ยินดีด้วยนะคะคุณหญิงวดี งานแต่งงานนี้ลูกชายตกถังเงินถังทองเข้าแล้วล่ะคะ ” เพื่อนของคุณหญิงวดีเอ่ยชมกระซิบกระซาบ
“ วาสนาของตากฤษณ์ ดิฉันเห็นแบบนี้ก็ตายตาหลับแล้วล่ะคะ ที่ลูกชายจะมีชีวิตสบายไปทั้งชาติ ”
“ คุณวดีได้ลูกสะใภ้ทั้งสวยทั้งรวย เห็นทีพวกเราต้องขอคำแนะนำไปใช้กับลูกชายบ้างแล้วล่ะคะ ” เพื่อนคุณหญิงวดีอีกคนเอ่ย
“ ยินดีค่ะ ”
หลังจากเสร็จพิธีแต่งงาน ทั้งสองครอบครัวได้มาส่งลูกสาวและลูกชายเข้าหอ ลลิตาและกฤษณ์ได้ย้ายเข้ามายังเรือนหอที่คุณอดุลย์ผู้เป็นพ่อของลลิตามอบให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน บ้านหรูแถวชานเมืองที่มีเนื้อที่กว้างขวาง มีแม่บ้านและคนสวนพร้อมดูแลรับใช้ ลลิตาให้เกียรติกฤษณ์มาก โดยได้แยกห้องให้กฤษณ์อยู่ส่วนตัวเพื่อเป็นการไม่ก้าวก่ายกัน กฤษณ์เองก็ดูเหมือนจะยอมรับการตัดสินใจของลลิตาทุกอย่าง ซึ่งต่างจากนิสัยพ่อเสือคนเดิม ราวกับกำลังทำให้ลลิตาเชื่อใจอยู่ยังไงยังงั้น…
ลลิตาได้มาส่งครอบครัวเพื่อบินไปต่างประเทศ ลลิตาโบกมือลาผู้เป็นพ่อแม่น้ำตาไหล รู้สึกใจหวิวที่อยู่ด้วยกันมาร่วม 27 ปีแต่ต้องมาห่างกันแบบนี้
“ ทิชชู่คับคุณหนู ”
ลลิตาร้องไห้ตลอดทางกลับจากสนามบิน คีรินเห็นทุกอย่างได้ส่งทิชชู่ให้ลลิตาซับน้ำตา ลลิตารับมาและหันออกนอกหน้าต่าง จนมาถึงร้านอาหารที่ลลิตายังคงนั่งซึมในรถไม่ยอมลงจากรถ คีรินก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเฝ้ามองลลิตาผ่านกระจกหลังด้วยสายตาที่ห่วงใย จนลลิตาหันมาสบตาคีริน คีรินรีบหลบสายตานั้นในทันที
ลลิตาลงจากรถโดยมีคีรินเดินตามมา ลลิตานั่งลงที่โซฟา แต่คีรินยืนมองลลิตาด้วยสายตาเรียบนิ่งตามเดิม ลลิตาหันมองเอียงคอให้คีรินมานั่งตรงข้ามตน
“ ลิตาสั่งให้มานั่ง ”
คีรินพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินมานั่งตรงหน้าลลิตา ลลิตาจ้องหน้าคีรินที่คีรินยังคงมีหน้าเรียบนิ่งอยู่ตลอดเวลา
“ พี่อายุเท่าไหร่? ”
“ 29 คับ ”
“ งั้นลิตาต้องเรียกว่าพี่สินะ ”
“ เรียกชื่อผมเฉยๆจะดีกว่าคับ ”
“ ทำไม? ”
“ ผมเป็นลูกน้องของคุณท่าน เป็นลูกน้องของคุณหนู เรียกว่าพี่จะไม่เหมาะสมคับ ”
“ แต่ลิตาจะเรียก ”
“ ………….. ”
“ ไม่ต้องทำตามที่พ่อสั่งหรอก ถ้าพี่จะไม่ทำตาม ลิตาจะไม่บอกพ่อเรื่องนี้ ”
“ ไม่ได้คับ ผมรับปากคุณท่านไว้ต้องรักษาคำพูดคับ ”
“ พี่ต้องดูแลลิตาจริงๆแล้วใช่ไหม? ”
“ คับ ”
“ ตอนนี้ลิตาคงมีแค่พี่แล้วสินะ ที่อยู่กับลิตา ”
“ ผมจะอยู่ข้างๆคุณหนูคับ ”
ลลิตาสายตาเศร้าเมื่อคิดถึงความห่างไกลกับครอบครัว คีรินมองลลิตาด้วยสายตาที่ห่วงใย แอบมีสายตาแปลกๆที่ซ่อนอยู่ในนั้น
‘คีริน’ อคิราห์ ภาสโอฬาร อายุ 29 ปี เด็กกำพร้าที่ถูกครอบครัวทอดทิ้ง เมื่อครั้งอายุ 22 ปีได้เสี่ยงชีวิตช่วยเหลือคุณอดุลย์จากการประสบอุบัติเหตุต่อหน้าต่อหน้า ทำให้คุณอดุลย์ได้ให้คีรินเข้ามาทำงานด้วยเป็นการตอบแทน ในตอนนี้เปลี่ยนจากหน้าที่ติดตามคุณอดุลย์ มาเป็นติดตามลลิตาแทน…
‘ ผมจะดูแลปกป้องคุณหนูด้วยชีวิตคับ ’
การแต่งงานของคู่รักทั่วไปคือการเริ่มต้นมีความสุขและรอยยิ้มด้วยกัน แต่สำหรับการแต่งงานของลลิตากับกฤษณ์ ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่างที่ต่างคนต่างทำงาน แม้จะอยู่บ้านเดียวกัน แต่ต่างคนต่างออกจากบ้านคนละเวลา ราวกับแค่อยู่ร่วมกันตามที่ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวต้องการเท่านั้น…
“ คุณกฤษณ์… ”
ลลิตาชะงักแอบตกใจ เมื่อออกจากห้องทำงานที่ร้านอาหารก็มีช่อดอกไม้ยื่นมาตรงหน้า กฤษณ์ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายคือเจ้าของช่อดอกไม้ ยืนยิ้มหวานฉ่ำให้ลลิตา
“ สำหรับภรรยาคนสวยของผมคับ ”
ลลิตารับช่อดอกไม้จากกฤษณ์ ก่อนจะพากฤษณ์เข้ามานั่งในร้านอาหาร แต่ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อกฤษณ์เข้ามาเดินโอบเอวลลิตาท่ามกลางสายตาของทุกคนที่อยู่ในร้านอาหาร ราวกับตั้งใจเปิดตัวบอกกับทุกคน
“ ผมได้ข่าวว่าที่ร้านอาหารของลิตา ยังไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นสามีภรรยากัน ผมต้องเปิดตัวสักหน่อย ”
“ …………. ” ลลิตาไม่เอ่ยตอบและไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของกฤษณ์ เพราะที่ร้านอาหารของตนมีแค่ข่าวลือเรื่องการแต่งงานของตน แต่ไม่มีใครรับรู้ว่าใครคือเจ้าบ่าวของลลิตา
“ ทำไมทำหน้าแบบนั้นใส่ผมล่ะ ”
“ ลิตาแค่รู้สึกไม่ชินกับแบบนี้ ” ด้วยสีหน้าเป็นกังวลของลลิตา กฤษณ์เอื้อมมือไปจับมือลลิตาพร้อมลูบเบาๆ
“ ผมเข้าใจ ผมจึงอยากทำให้ลิตาได้ปรับตัว เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว ผมอยากทำให้เราไว้ใจและมีความสบายใจต่อกัน ”
“ ………… ”
“ ทานอาหารกันดีกว่า ถือว่าเป็นการทานด้วยกันมื้อแรก ให้กับการเริ่มต้นชีวิตของเรานะคับ ”
กฤษณ์พยายามเข้าหาลลิตา เพื่อปรับตัวให้เข้ากัน แต่ดูเหมือนลลิตายังคงมีความนิ่งเฉยให้กับกฤษณ์ บ่ายวันนี้ลลิตามีประชุม คีรินช่วยแบ่งเบางานลลิตาได้มากพอสมควร แม้กระทั่งเข้าประชุมแทนในยามที่ลลิตาติดงาน ลลิตาเสร็จจากงานที่บริษัทอาหารเสริมก็มายังโรงแรมที่คีรินเข้าประชุมแทนตน ขณะที่ลลิตาลงจากรถรีบย่ำเท้าเพื่อเดินเข้าล็อบบี้ของโรงแรม
“ ว๊าย!!! ”
ลลิตารีบจนไม่ได้มองรถที่ขับสวนมา ทำให้เกือบจะโดนรถเฉี่ยว ดีที่กฤษณ์เข้ามาดึงตัวลลิตาไว้ได้ทันถ่วงที
“ ลิตา เจ็บตรงไหนไหม? ”
“ ไม่ค่ะ คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า? ” ลลิตาอยู่ในอ้อมกอดของกฤษณ์ ทั้งคู่สบตากันก่อนลลิตาจะได้สติขยับตัว กฤษณ์จึงปล่อยกอด
“ ไม่ต้องเป็นห่วงผม เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ อย่าเหม่อแบบนี้สิ ถ้าผมไม่ดึงไว้ได้ทันจะเกิดอะไรขึ้น ผมเป็นห่วงนะ ”
“ ขอบคุณนะคะ ”
“ ไม่ต้องขอบคุณเลย ผมห่วงภรรยาไม่ใช่การมีน้ำใจ แต่เป็นการที่ผมต้องทำให้ภรรยานะ ”
“ …………. ” คำพูดดูดีสวยหรูของกฤษณ์ ทำให้ลลิตาใจสั่น ทั้งคู่สบตากันด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ค่อยๆสื่อถึงกัน
“ คุณหนู เป็นอะไรรึเปล่าคับ ”
คีรินพรวดพราดเข้ามาด้วยความเป็นห่วง ทำให้ความรู้สึกที่กำลังสื่อถึงกันได้จางหายไปกะทันหัน กฤษณ์หันไปมองหน้าคีรินด้วยความไม่พอใจ
“ มึงเป็นใครวะ ”
กฤษณ์เอ่ยตอกหน้าคีรินด้วยสีหน้าและท่าทางจะเอาเรื่องมาก ที่คีรินเข้ามาวุ่นวายกับลลิตา กฤษณ์แสดงออกอย่างหึงหวงลลิตามาก
“ พี่คีรินเป็นคนของลิตาเองค่ะ ” ลลิตาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเอ่ยออกไป
“ นี่ลิตามีคนสนิทเป็นผู้ชายเหรอ ”
“ พี่คีรินเป็นคนของคุณพ่อให้ติดตามลิตาค่ะ ”
“ …………. ” เมื่อรับรู้แบบนั้น กฤษณ์จึงทำได้แค่เงียบอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ พี่คีริน ประชุมยังไม่เลิกใช่ไหมคะ? ”
“ ยังคับ ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ลลิตามองหน้ากฤษณ์เชิงขอตัวก่อนจะเดินเข้าล็อบบี้ของโรงแรมไป เหลือไว้แต่กฤษณ์ที่มองคีรินตาขวาง ราวกับไม่ชอบหน้าคีรินเอามากๆ ก่อนที่กฤษณ์จะเดินกระแทกไหล่คีรินตามลลิตาไป คีรินได้แต่หน้านิ่งยืนมองการกระทำของกฤษณ์…
“ ลิตา เหนื่อยไหมคับ? ” กฤษณ์เอ่ยถาม เมื่อลลิตาออกจากห้องประชุมด้วยสายตาที่เป็นห่วงเป็นใย
“ คุณกฤษณ์ยังไม่กลับเหรอคะ? ”
“ ผมจะกลับได้ไงล่ะ ผมรอกลับพร้อมลิตา ”
“ ??? ”
“ เราไปหาอะไรทานกันนะ ”
“ ค่ะ ” กฤษณ์ชวนลลิตาออกไปทานอาหารเย็นด้วยกัน ลลิตาเดินนำกฤษณ์ โดยมีคีรินเดินตามทั้งสองคนไปด้วย ทำกฤษณ์ไม่ค่อยพอใจ
“ ลิตา พี่จองสถานที่ดินเนอร์เพื่อเราสองคน คนอื่น… ” กฤษณ์ทอดสายตาไปยังคีริน
“ พี่คีรินไปรอลิตาที่บ้านนะคะ ”
“ แต่ว่า… ” คีรินที่เป็นห่วงไม่อยากออกห่างลลิตา อยากจะคัดค้าน แต่ทว่า…
“ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ลิตาจะกลับกับคุณกฤษณ์ ”
“ คับคุณหนู ” คีรินเอ่ยตอบรับคำพยักหน้าให้ลลิตาเบาๆ ลลิตาเดินออกไปแต่กฤษณ์ยืนมองหน้าคีรินด้วยสายตาที่แค้นเคืองมาแต่ชาติปางก่อน
“ ลิตาเป็นเมียของกู จำใส่หัวสมองมึงไว้ด้วย ไอ้ขี้ข้า ”
“ ………….. ” กฤษณ์ใช้นิ้วจิ้มลงไปที่อกของคีรินก่อนจะยิ้มเยาะเย้ยราวกับผู้ชนะและเดินออกไป คีรินมองตามหลังกฤษณ์ที่เดินไปโอบเอวลลิตาขึ้นรถออกไป
‘ ถึงจะเป็นขี้ข้า แต่ผมก็จงรักภักดีกับคุณหนู ’
กฤษณ์เตรียมสถานที่จองโต๊ะเพื่อดินเนอร์หรูสุดโรแมนติกกับลลิตาภรรยาคนสวย กฤษณ์เนรมิตให้ลลิตาเป็นดั่งเจ้าหญิงในเทพนิยาย ความโรแมนติกนี้ทำให้ลลิตาแอบหวั่นไหว ราวกับตอบรับสิ่งที่กฤษณ์ทำให้ตน
“ ลิตารู้ไหม ว่าผมรู้สึกกับลิตาตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็นหน้า ยิ่งตอนนี้ลิตาเป็นภรรยาของผม ผมปฏิเสธหัวใจไม่ได้เลยว่าผมรักลิตามาก แล้วลิตาล่ะ รักผมบ้างรึเปล่า? ”
“ ลิตาเอ่อ… ”
“ ลิตาไม่ต้องอึดอัดนะ ผมขอแค่ลิตาเปิดใจมองผม แล้วลิตาจะรู้ว่าผมรักลิตามากแค่ไหน ”
“ ค่ะ ลิตาจะเปิดใจให้คุณกฤษณ์ ”
“ ขอบคุณมากคับภรรยาคนสวยของผม ”
ดูเหมือนลลิตาและกฤษณ์จะค่อยๆกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการกระทำคอยเอาอกเอาใจและช่วยเหลืองานของกฤษณ์ ทำให้ลลิตามองเห็นความดี ด้วยใจที่อยากมีครอบครัวที่มีความสุขเป็นทุนเดิม อยากให้ผู้เป็นพ่อแม่สบายใจ ในเมื่อชีวิตที่เลือกจะแต่งงาน ลลิตาจึงอยากเปิดใจให้กฤษณ์ที่ตอนนี้ความดีของกฤษณ์ได้ชนะใจลลิตา ทำให้รู้สึกดีกับกฤษณ์มากล้นแล้ว…
‘ ครอบครัวของเรามันจะต้องอบอุ่น ’
…………….. ?………………
⭐อ่านจบแล้ว กดเข้าชั้น กดติดตาม ขอคอมเมนต์น่ารักๆ ให้กำลังลิตารับมือกับสามีเลวกับแม่สามีตัวร้ายกันด้วยนะคะ
? นามปากกา วิยดา ?