เฉินเฟยหย่าเช็ดเลือดมุมปากของตนเอง สายตาเดือดดาลมองไป๋อวี่ที่ยืนแสยะยิ้มสะใจอยู่อีกฝั่งของห้อง ในใจคิดจะสั่งสอนองค์ชายตัวประกันที่ไม่รู้สถานะของตนเองให้หลาบจำ จึงหยิบแส้ที่วางอยู่บนโต๊ะติดมือมาด้วย หมายจะเฆี่ยนตีจนพอใจ
“หลิวเมิ่ง ระบบช่วยเหลือที่นายบอก รีบเอาออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” ไป๋อวี่ตะโกนลั่นอยู่คนเดียว พลางมองซ้ายขวาแต่ไม่เห็นวี่แววของหลิวเมิ่ง
สุดท้ายแล้ว เขาจึงคิดจะทำตามใจตัวเอง ไหน ๆ ก็ไม่รู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไรกับเหตุการณ์เวลานี้
“ไป๋อวี่ เจ้ากล้าถึงขนาดทำร้ายข้าแล้วหรือ” เฉินเฟยหย่าตวาดใส่ร่างบางที่ยืนชิดมุมห้องพลางเดินตรงรี่เข้ามาหา
ไป๋อวี่ไม่รีรอวิ่งหลบไปอีกทางแบบเฉียดฉิว “แล้วเหตุใดข้าต้องยอมให้เจ้าทำร้ายข้า” เสียงของเขาหนักแน่น ไม่มีร่องรอยของความกลัวแฝงอยู่แม้แต่น้อย
“เฮอะ!” เฉินเฟยหย่าแสยะยิ้มแล้วตวัดแส้ไปที่ไป๋อวี่
เพี๊ยะ!
โอ๊ย! เจ็บได้สมจริงขนาดนี้เลยเหรอ ปลายแส้บาดโดนแขนของไป๋อวี่จนได้รอยแดง เขามองดูแขนของตัวเอง นิ่วหน้า คิ้วขมวด แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครกล้าทำร้ายกู้หลินแบบนี้ แต่ว่าตอนนี้เขาไม่ใช่กู้หลินนี่นา ช่างเถอะ จะเป็นใครก็ช่าง การทำร้ายร่างกายคนอื่นไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยผ่านได้ “สารเลว กล้าดียังไงมาทำร้ายข้า”
เขาหยิบแจกันที่วางเรียงรายบนโต๊ะเขวี้ยงออกไปทางเฉินเฟยหย่าไม่ยั้งมือ
เสียงดังอึกทึกจนคนที่ยืนเฝ้าประตูเรือนด้านนอกร้อนใจ เดินวนไปวนมาแต่ไม่กล้าถาม เดิมทีมักจะได้ยินแต่เสียงร้องของไป๋อวี่
หยุดเถิด อย่าทำร้ายข้าอีกเลย
ข้าขอร้อง
ข้ากลัวแล้ว
ท่านอ๋อง ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด
หากแต่เวลานี้ เสียงของไป๋อวี่กลับกลายเป็นท้าทายอำนาจมืดของอ๋องเฉินเฟยหย่าอย่างไม่เกรงกลัว
ตำแหน่งอ๋องไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เขามีฝีมือด้านการต่อสู้อยู่บ้าง ไฉนเลยไป๋อวี่จะหลบพ้น สุดท้ายก็ถูกคนร่างสูงกำลำคอ เฉินเฟยหย่าออกแรงบีบด้วยความโกรธสุดขีด
ไป๋อวี่จับข้อมือของเขาเอาไว้ หน้าของพ่อกับแม่ลอยเข้ามาในความคิด ตามด้วยความรู้สึกที่ว่า ให้ตายสิ อายุยี่สิบแปดแล้วยังโสด ชีวิตนี้ยังไม่เคยมีแฟน ฉันจะต้องตายไปแบบนี้จริง ๆ เหรอ อย่างน้อยได้เห็นหน้าเนื้อคู่สักหน่อยจะได้ไหม
ในเมื่อสู้แรงของคนตรงหน้าไม่ได้ เขาจะใช้เล่ห์กลเล็กน้อยเพื่อหนีเอาตัวรอด จู่ ๆ นิ้วชี้และนิ้วกลางก็จิ้มเข้าเบ้าตาของเฉินเฟยหย่าที่ถลึงตามองใบหน้าของไป๋อวี่พอดิบพอดี
ไม่เท่านั้น ขาข้างขวาของไป๋อวี่ยังเหวี่ยงเต็มแรงไปที่ตรงกลางหว่างขาของเฉินเฟยหย่าอย่างสุดกำลัง
“สูญพันธุ์ไปซะ คนวิปริตอย่างเจ้าน่ะ อยู่ไปก็รกโลก” พูดจบแล้วไป๋อวี่ก็วิ่งหนีออกไปข้างนอกเรือนปล่อยให้เจ้าของเรือนนอนดิ้นร้องโอดโอยเพราะถูกเตะเข้าที่กล่องดวงใจ
เมื่อเห็นว่าไป๋อวี่วิ่งหนีออกไปนอกเรือน คนสนิทของเฉินเฟยหย่าทั้งสองก็วิ่งเข้ามาหาเจ้านายของตนด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เหตุใดจึงนอนกองอยู่ที่พื้นหน้าเขียวคล้ำ
“นายท่าน!” เสิ่นอวี๋ถาม ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“ไปจับมันมา” เฉินเฟยหย่ากัดฟันพูดด้วยความเจ็บปวดร้าวรานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใครที่ไหนจะกล้าทำร้ายเขาแม้เพียงปลายเล็บ
“แต่ว่าฝ่าบาท...” ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ พอเห็นสีหน้าของเจ้านายก็ได้แต่รีบไปทำตามคำสั่ง “พ่ะย่ะค่ะ”
ทางด้านหนึ่ง ไป๋อวี่วิ่งหนีออกไปนอกเรือนเล็กของตนเองจนเกือบถึงส่วนกลางของตำหนักอ๋อง พยายามมองไปทางซ้ายทีขวาทีเพื่อหาทางหนีแต่ไม่รู้จะไปทางไหนเพราะพื้นที่กว้างใหญ่เกินคาดคะเน
“หลิวเมิ่ง ออกมาได้แล้ว” ไป๋อวี่เรียกระบบช่วยเหลือ แต่ไม่มีเสียงตอบรับราวกับระบบพังไปแล้ว
ไม่รู้ว่าองครักษ์ของเฉินเฟยหย่าอย่างเสิ่นอวี๋และโม่เป่ยเข้าประชิดตัวไป๋อวี่ตั้งแต่เมื่อใด ทั้งสองคนพยายามหิ้วแขนหิ้วขาของไป๋อวี่กลับมาที่เรือนเล็กตามคำสั่ง แต่เจ้าตัวใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ดิ้นจนหลุดออกมาได้พร้อมตั้งท่ารับการโจมตี
หากยอมให้จับกลับไปตอนนี้ คงจะต้องโดนอ๋องฟั่นเฟือนลงโทษทรมานจนหนำใจ เรื่องอะไรจะยอมง่าย ๆ
“พระสนม ตามกระหม่อมกลับไปดี ๆ เถิด” เสิ่นอวี๋กล่าวกับเขาด้วยความเคารพหนึ่งส่วน
“อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ” ไป๋อวี่ชี้หน้าสั่งห้าม
“กระหม่อมไม่อยากทำร้ายพระองค์ กลับเรือนเล็กเถิด” โม่เป่ยส่ายหน้า คิดว่าคนตรงหน้าควรจะรู้อยู่แก่ใจว่าดื้อด้านไปก็เปล่าประโยชน์
ก่อนหน้านั้นไม่ใช่ว่าไป๋อวี่ยอมให้เฉินเฟยหย่าทำร้ายร่างกายทรมานสารพัด เขาเคยหนีออกมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง แต่ทุกครั้งกลับลงเอยด้วยการเจ็บตัวเพราะถูกลงโทษเพิ่มมากขึ้น
แม้จะหนีไปไกลเท่าใดแต่มองไปรอบ ๆ กลับไม่มีผู้ใดช่วยเหลือได้เลย คนที่พึ่งพิงได้อย่างเหอเสวี่ยอิงนั้นอยู่แสนไกลจนเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเขาส่งไปไม่ถึง
ไป๋อวี่เอ๋ย ไป๋อวี่ เจ้าคงจะกลัวมากเลยสินะ กู้หลินรำพึงรำพันคิดถึงความรู้สึกของนายเอกนิยายเรื่องนี้ที่โดดเดี่ยวอ้างว้างไร้ที่พึ่ง
“กลับไปให้โดนลงโทษน่ะสิ ใครจะบ้าทำเช่นนั้นเล่า” ไป๋อวี่คนใหม่นี้เลิกคิ้ว มองหน้าองครักษ์ทั้งสอง แม้จะไม่เคยฝึกรบที่ไหนแต่ก็เคยเรียนการป้องกันตัวมาตั้งแต่เด็กเพราะเป็นบุตรชายคนสำคัญของตระกูล อย่างน้อยคงจะพอช่วยเหลืออะไรได้บ้างกระมัง
ขณะที่ยังต่อล้อต่อเถียงกับองครักษ์ทั้งสองอยู่ เฉินเฟยหย่าก็เดินกระเผลก ๆ ตะโกนบอกคนสนิทว่า “อย่ามัวแต่ชักช้า ทำยังไงก็ได้จับมันไปโบยสิบครั้งแล้วขังไว้ที่คุกใต้ดินจนกว่ามันจะสำนึก”
คุกใต้ดิน ที่ไหนหว่า ตอนอ่านนิยายไม่เห็นเคยได้ยิน ไป๋อวี่พยายามนึกพลางจ้องมองความเคลื่อนไหวขององครักษ์
“นี่ พวกเจ้าน่ะ ถ้ามีศักดิ์ศรีของความเป็นบุรุษหลงเหลืออยู่บ้าง ทิ้งดาบนั่นเสีย เจ้าก็เห็นว่าข้าไม่มีอาวุธอะไร” ไป๋อวี่ชี้ไปที่มือของทั้งคู่ ทำสีหน้าท่าทางแบบดูถูกดูแคลนเต็มที่เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกละอายใจ
ทว่า เฉินเฟยหย่าไม่คิดเช่นนั้น เดินมาคว้าดาบของเสิ่นอวี๋ตรงรี่เข้ามาหาไป๋อวี่อย่างเป็นเดือดเป็นแค้น
แม่ครับ ผมขอโทษที่ไม่ได้ร่ำลา เห็นทีชาตินี้แม่คงจะไม่มีโอกาสเห็นงานแต่งงานที่แม่ฝันแล้วล่ะ เขาถึงแม่ของตนเองเมื่อเห็นดาบยาวของเฉินเฟยหย่าจ่อเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
เวลานั้นทั้งชายาเอก ชายารองและสนมทั้งหลายรวมถึงบ่าวรับใช้คนงานต่างพากันมายืนออบริเวณนั้นเพราะได้ยินเสียงวุ่นวาย แต่ไม่มีใครสักคนกล้าเข้ามาห้ามเจ้าของตำหนักที่เวลานี้โกรธจนเส้นเลือดตรงคอปูดโปน
แล้วจะยืนบื้ออยู่ตรงนี้ทำไม สู้ไม่ได้ก็หนีสิ ไป๋อวี่บอกตัวเองรีบหันหลังวิ่งไปทางที่ไม่มีใคร
“จับตัวมันมา” เฉินเฟยอย่าตะโกนก้องจนทหารคนอื่น ๆ รวมถึงคนงานบ่าวรับใช้พากันกรูเข้าหาไป๋อวี่เพราะหวาดกลัว
ไป๋อวี่ฉวยดาบข้างกายของทหารคนหนึ่งมาได้จึงตวัดกลางอากาศห้ามผู้ใดเข้าใกล้ เวลานี้จึงมีดาบหลายสิบเล่มจ่อมาที่ไป๋อวี่
“กล้าเข้ามา ข้าจะฟันไม่เลี้ยง” ร่างบางขู่คนที่จ่อปลายดาบหาตัวเอง
ข้าง ๆ ก็มีเสียงซุบซิบจากฝั่งชายาและบ่าวรับใช้
พระสนมรนหาที่ตายแท้ ๆ
สมน้ำหน้า ตายเสียได้ก็ดี
ตึกตัก ตึกตัก
จู่ ๆ หัวใจของไป๋อวี่ก็เต้นผิดจังหวะ สร้างความเจ็บปวดภายในเป็นอย่างยิ่ง หยาดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า มือที่ถือดาบสั่นจนจับเอาไว้ไม่อยู่
ตึกตัก ตึกตัก
ร่างบางของไป๋อวี่ล้มลงกับพื้นท่ามกลางวงล้อมของคนในจวนอ๋องก่อนที่เฉินเฟยหย่าจะเข้ามาประชิดตัว
ข้าจะตายแล้วหรือ ไป๋อวี่คิดในใจ