ตอนที่ 8 ฝันร้าย

1810 Words
"คุณพ่อ ผ่าตัดเสร็จเร็วเหรอคะ" สายฟ้ายืนรอลูกสาวที่หน้าตึกโรงพยาบาล ฟ้าใสวิ่งไปโอบกอดคนเป็นพ่อด้วยท่าทางออดอ้อน "สวัสดีครับคุณลุง" ธันน์เปิดประตูลงจากรถไปทักทายสายฟ้า ทั้งที่ในตอนแรกตั้งใจว่าจะกลับเลย "ขอบใจมากนะธันน์ที่มาส่งฟ้าใส แล้วยังพาไปกินข้าวอีกด้วย" ธันน์มีสีหน้างุนงงที่สายฟ้ารู้ "ฉันบอกคุณพ่อเองแหละ วันหลังฟ้าใสจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปกินที่ร้านนี้บ้าง อร่อยทู๊กกกกอย่างเลยค่ะ และที่สำคัญถูกมาก วันนี้ฟ้าใสเป็นคนเลี้ยง ฟ้าใสจ่ายไปแค่สองร้อยยี่สิบเอง แต่อิ่มแปล้เลยค่ะ แต่เสียอยู่อย่างเดียว ต้มยำเผ็ดมาก แต่ก็อร่อยสุดๆ ดีนะได้ลูกอมของธันน์ช่วยชีวิตไว้" ธันน์มองท่าทางน่ารักๆ ความสดใสของฟ้าใสเวลาอยู่กับพ่อ ทำให้อดคิดถึงภาพในอดีตของตนเองไม่ได้ที่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยสดใส ได้อยู่ในอ้อมกอดของพ่อแม่แบบนี้ "ธันน์ขึ้นไปดื่มอะไรด้วยกันก่อนสิ หอปิดสี่ทุ่มน่าจะยังพอมีเวลา" สายฟ้ามองลูกสาวที่ส่งเจื่อยแจ้วในวงแขนแข็งแรงก็อดแปลกใจไม่ได้ที่ลูกสาวญาติดีกับธันน์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจอหน้าเป็นต้องส่งสายตาฟาดฟัน ปะทะคารมกันประจำ ก่อนจะเอ่ยกับธันน์ "ครับ" ธันน์มีท่าทางลังเลเพียงครู่ก่อนจะตอบตกลง เดินตามสองพ่อลูกไป "อ้าวธันน์ ไปไงมาไงลูก" แบมทักทายด้วยน้ำเสียงเอ็นดูระคนแปลกใจและเป็นกันเอง ด้วยพบเจอกับบ่อยครั้งทั้งที่สนามแข่งรถ คฤหาสน์แทนไท และงานเลี้ยงครอบครัวที่ภูเก็ต "สวัสดีครับป้าแบม" "ธันน์มาส่งฟ้าใส แล้วก็พาไปกินข้าวมาด้วย" สายฟ้าบอกพร้อมทั้งหยิบเครื่องดื่มชนิดกระป๋องในตู้เย็นออกมาสำหรับทุกคน "จริงเหรอบี๋ บี๋ไม่ได้อำเค้าใช่ไหม" แบมเอ่ยด้วยความตกตะลึงไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่คนเป็นสามีพูด "ทำไมคุณแม่ต้องตกใจขนาดนั้นด้วยคะ" "แม่ก็ต้องตกใจสิ ปกติฟ้าใสเจอธันน์เป็นแยกเขี้ยวใส่ธันน์ทุกที" "คุณแม่ ฟ้าใสไม่ใช่ไซบีเรียนนะคะ" "ฟ้าใสไม่ใช่ไซบีเรียนหรอกลูก ฟ้าใสเป็นชิวาวา" "ฮ่าๆ" ธันน์หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นอย่างชอบอกชอบใจ "คุณแม่ หัวเราะไรไอ้ธันน์" "ก็ขำ ก็ต้องหัวเราะสิ ชิวาวา" ธันน์พยายามกลั้นหัวเราะ แววตาเต็มไปด้วยความขบขัน "ถ้าฉันเป็นชิวาวานายก็เป็นร็อตไวเลอร์ กลับไปเลยป่ะ ไม่ให้กินแล้ว" ฟ้าใสคว้ากระป๋องเครื่องดื่มหนีห่าง กระเง้ากระงอดใส่ "ไม่พาลสิฟ้าใส" สายฟ้าเอ่ยอย่างปรามๆ เลื่อนกระป๋องเครื่องดื่มไปตรงหน้าธันน์ตามเดิม "แม่เป็นคนว่าแต่ไปพาลธันน์เฉยเลย" "ก็อยากมาหัวเราะฟ้าใสทำไมล่ะคะ" ฟ้าใสตอบคนเป็นแม่เสียงอ่อย แต่ยังคงมองธันน์ด้วยความแค้นเคือง ธันน์เห็นความดื้อรั้นในแววตาของเธอ "ไม่เอาไม่งอแงแล้ว เมื่อวานฟ้าใสเล่าเรื่องธันน์กับรุ่นพี่ให้ฟัง ลุงอยากรู้ว่าหลังจากที่ธันน์พูดไปแบบนั้นแล้วรุ่นพี่ทำยังไงกันต่อ" ฟ้าใสเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ฟัง จึงทำให้สายฟ้าอยากรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ "ทำไมคุณพ่อไม่ถามฟ้าใสล่ะคะ" "ก็พ่ออยากฟังจากธันน์บ้าง" "คุณพ่ออ่ะ" "รุ่นพี่เปลี่ยนจากกิจกรรมรับน้องเป็นกิจกรรมค่ายอาสาครับ แต่ยังไม่ได้สรุปวันและสถานที่แน่นอน บอกแค่เพียงว่าจะเป็นช่วงต้นเดือนหน้า เพราะช่วงนี้ต้องทำการคัดเลือกดาวเดือนครับ" "ดีๆ เป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ ลุงเห็นด้วย" "แล้วธันน์ลงสมัครคัดเลือกดาวเดือนด้วยหรือเปล่าลูก" "ไม่ครับ" "น่าเสียดาย แม่ว่าถ้าธันน์สมัครต้องได้เป็นเดือนมหาลัยแน่นอน แล้วฟ้าใสล่ะลูกได้สมัครหรือเปล่า" "ไมค่ะ ฟ้าใสขี้เกียจไปฉีกยิ้มบนเวที เหงือกแห้งพอดี" "เสียชื่อคุณพ่อหมด" "คุณลุงเป็นเดือนมหาลัยเหรอครับ" "ไม่ใช่แค่คุณลุงนะที่เป็นเดือน แม่ชะเอมของธันน์ก็เป็นดาวมหาลัยด้วย ปีนั้นคณะแพทย์ได้ทั้งดาวเดือนมาครองเลยละ" "เดือนต้องคู่กับดาว แต่คุณพ่อเป็นเดือนของคุณแม่ ส่วนป้าชะเอมก็เป็นดาวของลุงอาชิ" "แล้วฟ้าใสมีเดือนเป็นของตัวเองหรือยัง หืม?" สายฟ้าถามพลางลูบศีรษะมนของลูกสาวอย่างรักใคร่ "ยังไม่มีหรอกค่ะ ฟ้าใสอยากอ้อนคุณพ่อคุณแม่ไปนานๆ" "ให้มันจริง วันที่ผลสอบออกยังบอกแม่ว่าจะหาลูกเขยหมอมาให้พ่อกับแม่อยู่เลย แต่ถ้าเป็นหมอธันน์แม่ก็โอเคนะ" แบมแกล้งกระเซ้าลูกสาว "คุณแม่ พูดอะไรที่เป็นไม่ได้ ใครจะไปเป็นแฟนไอ้ธันน์กัน ไม่มีทางค่ะ" "พูดไม่เพราะเลย ไปเรียกธันน์ว่าไอ้ได้ยังไง" "เรียกได้ค่ะ ถ้าอยากเรียก" "แล้วถ้าธันน์เรียกฟ้าใสว่ายัยฟ้าใส ฟ้าใสชอบเหรอลูก" "ก็เคยเรียกค่ะ เรียกฟ้าใสว่ายัยนั่นยัยนี่" "ไม่เอาๆ ไม่ทะเลาะกันแล้วนะ พ่ออยากรู้ว่าฟ้าใสกับธันน์ไปออกค่ายอาสาด้วยหรือเปล่า" "ไปสิคะน่าสนุกดีออก" "ผมก็ไปครับ" "งั้นลุงฝากธันน์ดูๆ ฟ้าใสด้วยนะลูก" "คุณพ่อจะไปฝากให้ธันน์มาดูฟ้าใสทำไมคะ" "ก็ให้ช่วยดูแล เผื่อฟ้าใสเป็นอะไรไงลูก" "ฟ้าใสดูแลตัวเองได้ค่ะ ไม่เห็นต้องให้ใครมาดูแล" "ครับ ผมจะดูแลฟ้าใสให้ครับ" "ใครจะให้นายมาดูแล อย่ามาตู่" "ก็คุณพ่อของเธอไง" "ก็ฉันบอกคุณพ่อไปแล้วว่าไม่ต้อง อย่ามาเจ๋อ กลับไปเลยป่ะ ชิ่วๆ" ฟ้าใสสะบัดมือไล่พร้อมทำหน้าบู้บี้ใส่ "เอ๊ะ! ฟ้าใส ทำไมทำกิริยาไม่น่ารักเลย ทำหน้าทำตาน่าเกลียด" "ไม่น่าเกลียดหรอกค่ะ คนสวยทำหน้ายังไงก็สวยค่ะ" "มั่นหน้าเหมือนแม่ไม่มีผิด" สายฟ้าพึมพำพลางส่ายหน้าเบาๆ "บี๋!" แบมได้ยินทุกคำของคนเป็นสามีหันมาถลึงตาใส่ "เค้าพูดอะไรเหรอ" "ไม่ต้องมาทำเป็นจำไม่ได้เลยนะ" "เค้าเดินไปส่งธันน์ก่อนนะ ...ป่ะธันน์ลุงเดินไปส่ง เดี๋ยวหอจะปิดเสียก่อน" สายฟ้ารู้หลบรีบเดินออกจากห้อง "ผมกลับก่อนนะครับป้าแบม สวัสดีครับ" "สวัสดีลูก ธันน์เรียนไม่เข้าใจตรงไหนถ้าแม่ชะเอมไม่ว่างปรึกษาลุงกับป้าได้นะลูก" "คุณพ่อคุณแม่นั่นล่ะคะที่จะไม่ว่าง ป้าชะเอมว่างตลอดอยู่แล้ว" ฟ้าใสว่า แบมมองค้อนลูกสาวอย่างไม่จริงจังนัก เพราะเป็นอย่างที่ลูกสาวพูดทุกประการ "ขอบคุณมากนะครับ" "ขับรถดีๆ นะลูก" แบมส่งยิ้มอ่อนโยนให้ธันน์ "อย่าถือสาฟ้าใสเลยนะธันน์ เพราะลุงกับป้าไม่ค่อยมีเวลาให้ ฟ้าใสเลยเป็นเด็กเอาแต่ใจไปสักหน่อย ลุงเองก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ไม่ได้ให้เวลากับฟ้าใสเท่าที่ควร ใช้ชีวิตอยู่กับคนไข้มากกว่าลูกตัวเองเสียอีก" "ครับคุณลุง ผมเข้าใจครับด้วยสิ่งที่คุณลุงเป็น แต่ผมเชื่อครับว่าฟ้าใสเข้าใจและภูมิใจในสิ่งที่คุณลุงคุณป้าเป็น ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ" "ขับรถดีๆ ไว้มีโอกาสมาทานข้าวด้วยกัน" "ครับคุณลุง" ธันน์กล่าวคำลาก่อนจะเดินไปยังรถของตัวเอง สายฟ้ายืนมองจนรถของธันน์ขับเคลื่อนพ้นเขตโรงพยาบาลจึงเดินกลับไปหาภรรยากับลูกสาว วันต่อมา "ไอ้กาฝาก แกสองพี่น้องมันเป็นกาฝาก กาฝากที่ควรตายตามพ่อแม่แกไปซะ จะมาอยู่ให้เป็นภาระของฉันทำไม จำไว้ว่าแกสองคนพี่น้องคือกาฝาก กาฝากที่ควรตายๆ ไปซะ" เสียงด่าทอของภรรยาของญาติที่ธามกับธันน์มาอาศัยอยู่ด้วยที่ประเทศเกาหลีใต้ดังกังวาลอยู่ในโสตประสาทยามที่คนเป็นลุงไม่อยู่บ้าน แต่ถึงแม้จะอยู่ก็ไม่เคยช่วยอะไรทั้งสองพี่น้องอยู่แล้ว เพราะเขาก็รู้สึกไม่ต่างจากภรรยาเพียงแต่ไม่พูดออกมาก็เท่านั้น ธันน์สะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย ความฝันที่ฝังรากลึกมาตลอดสิบปี ถ้อยคำที่ฝังอยู่ในใจอย่างไม่เคยลบเลือนจางหาย ถึงแม้ตอนนี้พี่ชายของเขาจะพาออกมาจากที่แห่งนั้น แต่เขาก็ไม่เคยลืมในสิ่งที่ตนกับพี่ชายได้รับ มีเพียงอ้อมกอดเดียวที่คอยปกป้องเขาเสมอมาคืออ้อมกอดของพี่ชาย "ตื่นแล้วเหรอวะ" เสียงของเวียร์ดังขึ้น ธันน์เงยหน้ามองเจ้าของเสียงนั้น "มึงเป็นไรวะ" เก้าถามด้วยความตกใจที่เห็นใบหน้าของธันน์เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา "กูไม่ได้เป็นไร" ธันน์เบือนหน้าหนีพลางปาดเช็ดคราบน้ำตา "ฝันร้ายเหรอวะ" เวียร์ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง "กูไม่เป็นไรจริงๆ มึงสองคนไปอาบน้ำเหอะ" "เออๆ แต่ถ้ามึงมีอะไรไม่สบายใจมึงเล่าให้กูสองคนฟังได้นะเว้ย ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน ถึงจะรู้จักกันได้แค่ไม่กี่วันก็เถอะ" "จริงอย่างที่ไอ้เวียร์ว่า มึงมีอะไรเล่าให้พวกกูฟังได้เสมอนะเว้ย กูสองคนอาจจะให้คำปรึกษาที่ดีต่อมึงไม่ได้ แต่กูสองคนเป็นผู้รับฟังที่ดีได้แน่นอน และพร้อมเป็นกำลังใจให้เพื่อนเสมอ" "ขอบใจมึงสองคนมาก กูดีใจที่ได้เป็นเพื่อนมึงสองคน" ธันน์ซึ้งใจในคำพูดของเพื่อนทั้งสอง "ไปอาบน้ำกันดีกว่า จะได้ไปส่องสาวเภสัช" เก้ายิ้มกริ่มตามวิสัยคนกะล่อน เจ้าชู้ไปเรื่อย แต่ก็ไม่จริงจังกับใครสักที "กูก็นึกว่าจะรีบไปเรียน แล้วทำไมต้องส่องสาวเภสัชด้วย สาวๆ ที่คณะก็เยอะแยะ" "ก็เภสัชมีฟ้าใสไง" "คนนี้กูขอว่ะ" ธันน์ลุกเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว เดินไปเปิดประตูห้องก่อนจะเอ่ยบอกเก้า "ไหนมึงบอกน้องสาวแฟนพี่มึงไง...ไอ้ธันน์...ไอ้ธันน์...ไรว้า งั้นกูส่องมารีแทนก็ได้ แต่จะว่าไปไอซ์กับยุ้ยก็น่ารัก ทำไมรอบๆ ตัวกูมีแต่คนน่ารักวะ" "มึงนี่มันกะล่อนจริงๆ" เวียร์ว่าพร้อมส่ายหน้าไปมาอย่างหน่ายๆ เดินตามธันน์ออกไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD