EPISODE07 ห่วง

1626 Words
‘เมื่อแต่งงานแล้ว น้องหนูจะมีไทเกอร์เป็นผู้ปกครอง จนกว่าจะอายุ 20 ปี’ ‘แล้วคุณแม่…’ ‘แม่อยากไปพักผ่อนไกล ๆ สักพักน้องหนูแต่งงานแล้ว แม่ไม่อยากเข้าไปตัดสินใจแทน ให้ไทเกอร์กับน้องหนูตัดสินใจกันเองจะดีกว่า แม่หวังว่าทั้งคู่จะสร้างครอบครัวด้วยกันได้’ ‘ค่ะ น้องหนูเข้าใจคุณแม่’ เป็นบทสนทนาที่คุณแม่บอกกับน้องหนูในอีกวัน หลังจากที่น้องหนูไปทานขนมหวานตามร้านต่าง ๆ กับคุณคู่หมั้น คุณแม่กลับมาตอนสายของอีกวันแล้วบอกน้องหนู ท่านกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วต้องไปทำงานต่อ น้องหนูไม่เห็นด้วย แต่ก็เอ่ยปากว่าเข้าใจ เพื่อไม่อยากให้คุณแม่กังวลใจ “ถึงแล้วครับ” เสียงคุณลุงคนขับรถแท็กซี่ดังขึ้น น้องหนูมาตามที่อยู่โลเคชันที่ได้รับมาค่ะ คุณคนนั้นคือใครก็ไม่รู้ เขารับสายคุณคู่หมั้นแล้วพูดว่าคุณคู่หมั้นบาดเจ็บ กำลังจะตาย ที่น้องหนูโทรหาเพราะอยากจะถามว่าคุณคู่หมั้นรู้หรือยังว่าต้องเป็นผู้ปกครองของน้องหนู ทว่ากลับได้รับข่าวร้ายแทน น้องหนูจึงต้องมาดูให้เห็นกับตา เพราะในสายขณะพูดคุยมีเสียงของคุณคู่หมั้นจริง ๆ “ขอบคุณค่ะ” จ่ายเงินเตรียมจะลง คุณลุงคนขับรถแท็กซี่ร้องทัก “เดี๋ยวก่อนสิแม่หนู บ้านเปลี่ยวดูร้าง ๆ แบบนี้มาทำอะไรคนเดียว มันอันตรายรู้ไหม” อ่า จริงด้วย เมื่อโดนทักน้องหนูถึงได้มองเห็นว่าที่นี่น่ากลัวมาก “คุณคู่หมั้นของน้องหนูบาดเจ็บอยู่ข้างในค่ะ เขากำลังต้องการความช่วยเหลือจากน้องหนู” จะมัวกลัวไม่ได้ ถ้าหากคุณคู่หมั้นบาดเจ็บอยู่ในนั้นจริง ๆ เขาอาจจะกำลังรอความช่วยเหลืออยู่ “งั้นเดี๋ยวลุงเข้าไปเป็นเพื่อน มันดูอันตรายเกินไป” “ขอบคุณค่ะ” คุณลุงใจดีจัง น้องหนูและคุณลุงขับรถแท็กซี่ลงจากรถแล้วเดินเข้ามาในบ้าน บ้านไม่ได้ล็อคค่ะ ไฟในบ้านเปิดสว่างมาก แสดงว่าอาจจะมีคนอยู่จริง ๆ จากที่น้องหนูเดินดูทั่ว ๆ บ้านหลังไม่ใหญ่ มีห้อง 2 ห้อง น้องหนูเปิด 1 ห้อง คุณลุงขับรถแท็กซี่เปิดอีกห้อง ห้องที่น้องหนูเปิดไม่มีอะไร “เจอแล้วแม่หนู ตายแล้วมั้งเนี่ย!” ลุงขับรถแท็กซี่ร้องด้วยความตกใจ น้องหนูรีบวิ่งไปดู ภาพที่เห็นทำเอาน้องหนูอยากอาเจียน เลือดไหลเต็มไปหมด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นภาพแบบนี้สักครั้งเลยค่ะ มองไปที่คนสามคนนอนอยู่หนึ่งในนั้นมีคุณคู่หมั้นของน้องหนู น้องหนูรีบวิ่งเข้ามาหาคุณคู่หมั้น “คุณคู่หมั้น!” “...” คุณคู่หมั้นนอนแน่นิ่งมาก น้องหนูเขย่า ๆ ที่ร่างกายเพื่อปลุกเขา “คุณคู่หมั้น ตื่นสิ ตื่นเร็ว น้องหนูไม่ให้ตายนะ ห้ามตาย” เมื่อน้องหนูแตะที่หน้าอก เลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาไม่หยุดเปรอะเปื้อนที่มือของน้องหนู ให้ความรู้สึกคลื่นเ**ยน เหม็นคาวคลุ้งไปหมด “...” ไม่มีการตอบกลับมาจากคุณคู่หมั้น น้ำตาของน้องหนูเริ่มเอ่อคลอ จะตายจริงเหรอ ตายที่นี่ไม่ได้นะ “อีกสองคนตายแล้วแม่หนู ลุงแจ้งความก่อนดีกว่า” เสียงลุงขับรถแท็กซี่ “ยะ อย่า แจ้ง ความ” เสียงขาด ๆ หาย ๆ จากคุณคู่หมั้นสร้างความดีใจให้น้องหนูเป็นอย่างมาก “ฮื้อ คุณคู่หมั้นยังไม่ตาย ยังไม่ตายจริง ๆ ด้วย” น้องหนูรีบโผเข้ากอดคุณคู่หมั้น “ฉันจะตายเพราะเธอเอาหุ่นอ้วน ๆ มาทับเนี่ย” เหมือนคุณคู่หมั้นรวมแรงที่มีเพื่อพูดประโยชน์นี้ เจ็บขนาดนี้ยังจะด่าน้องหนูได้อีก “ก็น้องหนูดีใจนี่คะ ฮือ… นึกว่าจะตายแล้ว เรียกก็ไม่ขาน อดทนนะคะ อดทนอีกนิดเดี๋ยวน้องหนูแบกคุณคู่หมั้นไปหาหมอ” น้องหนูตั้งท่าจะแบก คุณคู่หมั้นใช้มืออีกข้างห้ามไว้ “พอ ๆ เดี๋ยวคนของพ่อฉันก็มา ฉันโทรบอกแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “เจ็บมากไหมคะ ดูสิเลือดไหลหมดเลย ทำไมพาตัวเองมาเจ็บตัวแบบนี้ ไม่รักตัวเองบ้างหรือไง” น้องหนูถอดเสื้อแขนยาวที่ใส่สวมทับมาเช็ดเลือดที่ใบหน้าออกให้คุณคู่หมั้น ก่อนจะวางซับเลือดที่ไหลตรงหน้าอก ปล่อยให้ไหลนานกว่านี้ไม่ดีแน่ ปากซีดเซียวหมดแล้ว “คุณคู่หมั้น ทำไมไม่ตอบน้องหนูคะ อย่าเงียบสิ น้องหนูใจไม่ดีเลย ตื่นมาพูดกับน้องหนูก่อน” ที่เคยดูหนังมา เราควรชวนคุยเพื่อที่เขาจะได้ไม่หลับไม่ใช่เหรอ เล่นเงียบแบบนี้น้องหนูใจไม่ดีนะ น้องหนูซบหน้าลงที่หน้าอกซึ่งมีเลือดไหล เพื่อฟังว่าเสียงหัวใจยังเต้นอยู่ไหม ตุบ ตุบ ตุบ “โล่งอก หัวใจยังทำงานอยู่ อดทนนะคะ อย่าหลับนะ ฟังเสียงน้องหนูไว้ค่ะ โฟกัสที่น้องหนู คุณคู่หมั้นจะได้ไม่เจ็บปวด” “เงียบปากหน่อย เสียงเธอทำฉันปวดหัว” “ก็เป็นห่วงนี่คะ” “ไม่ต้องห่วง ฉันหายเธอโดนเยอะแน่” ยังจะมาดุอีก อ่า แรงอาฆาตแบบนี้น้องหนูหุบปากดีกว่า ไม่ถึง 5 นาที มีรถมาจอดหน้าบ้านและมีคนเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นมีคุณปุ้ยที่น้องหนูคุ้นเคย พวกเขาเข้ามาจัดการทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว เสมือนว่าทำจนคุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีใครมีท่าทีตกใจสักคน คุณปุ้ยเคลียร์กับคุณลุงขับรถแท็กซี่ด้วยนะ ไม่รู้ว่าเคลียร์ยังไง ทว่าคุณลุงขับรถแท็กซี่รีบขับรถจากไปอย่างเร็ว @บ้านคุณคู่หมั้น ที่นี่มีคุณหมอรอพร้อมรักษาคุณคู่หมั้น คุณปุ้ยบอกว่าไม่ต้องห่วง คุณคู่หมั้นจะปลอดภัย ตอนนี้น้องหนูถูกพามาพักที่ห้องห้องหนึ่ง มีเสื้อผ้า กับข้าวและขนมหวานเตรียมไว้พร้อม “น้องหนูไปเฝ้าคุณคู่หมั้นไม่ได้จริง ๆ เหรอคะ” “ไม่ได้ค่ะ คุณไทเกอร์สั่งว่าให้คุณทานอาหารที่เตรียมไว้แล้วพักผ่อน” น้องสาวของคุณปุ้ย เธอแนะนำตัวว่าชื่อเปียร์ คุณเปียร์เธอเป็นคนดูแลที่นี่ “คุณคู่หมั้นจะปลอดภัยจริง ๆ ใช่ไหมคะ” หมอจะช่วยได้จริง ๆ ใช่ไหม ทำไมถึงไม่ไปโรงพยาบาล “ค่ะ ถ้าขาดเหลือ อยากได้อะไรบอกได้ทุกเมื่อนะคะ” “ค่ะ ขอบคุณนะคะ” น้องหนูยิ้มอย่างเป็นมิตร “ค่ะ” คุณเปียร์ก้มหัวก่อนจะเดินออกจากห้อง คุณปุ้ยบอกว่าน้องหนูไม่ต้องห่วงเรื่องคุณแม่ คุณปุ้ยจะจัดการให้ น้องหนูมองอาหารคาวหวานที่ดูน่าทาน ทว่าภาพเหตุการณ์ก่อนหน้ามันติดตาจนไม่นึกอยากหยิบจับอะไรเข้าปาก ก็เลยจัดการอาหารคาวของหวานไปไว้อีกที่ของมุมห้อง แล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างเลือดที่เปื้อนติดมือติดตัวมา จากนั้นก็เดินวกวนภายในห้อง เดิน นั่ง นอนกลิ้ง ทำอยู่อย่างนั้นกระทั่งเผลอหลับ สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝันเห็นเหตุการณ์ที่บ้านหลังนั้น คนตายตาไม่หลับโผล่เข้ามาหลอกน้องหนูในฝัน คราวนี้นอนไม่หลับค่ะ ก็เลยเลือกที่จะเดินออกจากห้อง ไม่อยากอยู่คนเดียว ก็เลยเดินตรงไปห้องที่คุณคู่หมั้นพักรักษาตัว “น้องหนูนอนไม่หลับ จะเฝ้าคุณคู่หมั้นค่ะ” คนเฝ้าหน้าประตูมายืนขวางประตู ทำให้น้องหนูต้องบอกความต้องการของตัวเอง “แต่…” “เป็นคู่หมั้นมีสิทธิ์ไม่ใช่เหรอคะ ถ้าไม่อนุญาตน้องหนูจะไปถามคุณลุงสมิงดูว่าท่านจะอนุญาตไหม” น้องหนูพูดเอาแต่ใจ “เชิญครับ” บางทีการเอาคนใหญ่คนโตมาอ้างก็เป็นเรื่องดีอยู่ไม่ใช่น้อย แต่จะไม่ทำบ่อย ๆ แน่นอน “ขอบคุณค่ะ” น้องหนูกรีดยิ้มแล้วเดินเข้ามาในห้อง คุณคู่หมั้นนอนอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือ มีเครื่องอะไรต่าง ๆ มากมายที่น้องหนูไม่รู้จัก คุณคู่หมั้นนอนหลับสนิทมาก แล้วแบบนี้น้องหนูจะคุยกับใคร แบบนี้ก็เหงาเหมือนเดิมนะ อ่าคุยทั้งที่คุณคู่หมั้นหลับ ๆ ก็ได้ “รักคุณนิเนลมากขนาดนี้เลยเหรอคะ รักคนอื่นจนลืมรักตัวเอง หรือที่จริงคุณคู่หมั้นไม่รักตัวเอง” ก็ใบหน้าของคุณคู่หมั้นฟกช้ำ และรอยแตกก็มีเยอะ ไหนจะบวม ไหนจะโดนยิง “ถ้ามีคนที่รักน้องหนูมาก ๆ แบบนั้นบ้างก็คงจะดีไม่น้อย คงเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ” หรือมันจะแย่กันนะ ถ้าหากคนที่มารักเรา ไม่ใช่คนที่เราอยากให้รัก “น้องหนูขอโทษนะคะที่คุณคู่หมั้นต้องมาดูแลน้องหนูต่อจากคุณแม่ น้องหนูรู้การถูกบังคับไม่มีใครชอบค่ะ น้องหนูก็ไม่ชอบ คุณคู่หมั้นอดทนหน่อยนะคะ น้องหนูอายุ 20 เมื่อไหร่จะไม่เป็นภาระของคุณค่ะ” บางทีชีวิตคนเราเมื่อเกิดมาแล้วก็ไม่มีทางเลือกมากนัก คนที่โชคดี ก็มักจะโชคดีอยู่ตลอด ส่วนคนโชคร้ายก็มักเจอโชคร้ายจนท้อใจ แต่จะว่าไปคุณคู่หมั้นตื่นมาคงไม่แคล้วลุกมาดุน้องหนูเรื่องที่เสนอหน้าไปช่วยแน่ ๆ อ่า ปั้นหน้ายิ้ม ยื่นอกรับสารภาพอย่างสำนึกผิดรอแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD