Tiger Talk
ผมกำลังกล้ำกลืนกับเรื่องที่กำลังเจอ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนผมยังดีใจ กระโดดโลดเต้นอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้น
มันเหมือนกับทั้งหมดที่ผมทำมามันสูญเปล่า ไม่มีประโยชน์อะไรสักอย่าง เหมือนวิ่ง ๆ มาแล้วเจอกำแพง กำแพงสูงที่ไม่มีวิธีปีนป่ายขึ้นไป เหมือนหลุมลึกที่ตกลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว และไม่สามารถขึ้นไปได้อีก
‘ล้อมดาว แม่ของเราน่ะหลงรักคนเลวอย่างพ่อเราหัวปักหัวปำ สมิงมันไม่เคยบอกว่ามีภรรยากับลูกอยู่แล้ว พอความแตกก็แยกกัน เลิกกัน แต่ล้อมดาวก็ท้อง สมิงโผล่มาตอนที่เราได้ 1 ขวบกว่า มาบอกว่าจะรับผิดชอบ จะรับเป็นลูก จะจดทะเบียนสมรสด้วย เพราะล้อมดาวคลอดลูกชาย สมิงที่อยากได้ลูกชายพอใจมากที่จะมีทายาทสืบสกุล ล้อมดาวเห็นว่าเป็นผลดีกับบิว และเชื่อว่าสมิงจะหยุดที่เธอ เธอจึงตอบตกลง ยายไม่เห็นด้วย ขู่ตัดแม่ตัดลูก ซึ่งล้อมดาวยอมให้ยายตัดแม่ตัดลูก ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นห่วงบิว ถ้าล้อมดาวไม่ตกลง ยังไงซะสมิงคนเจ้าเล่ห์ก็จะหาทางเอาบิวไปให้ได้ จากนั้นยายกับยัยล้อมก็ไม่ติดต่อกันอีก ไม่รู้ว่าเป็นตายอย่างไร ยายได้แต่สวดมนต์ภาวนาขอให้ยัยล้อมกับบิวปลอดภัยจากอันตราย’
‘แม่ได้จดทะเบียนสมรสครับ เขาไม่จดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนไหนเลย จนกว่าจะมีลูกชายให้เขา และแม่มีผมทำให้แม่ได้จด เขารับผมเป็นลูก เลี้ยงดูผมอย่างดี แม่มีความสุขมาก แต่แม่ทนแรงริษยาของบรรดาเมียที่เหลือไม่ไหวจึงขอย้ายออกมาอยู่บ้านอีกหลังตอนผมอายุ 10 ขวบ และตั้งแต่นั้นผู้ชายคนนั้นก็มีผู้หญิงเพิ่มมาเรื่อย ๆ ขณะที่ผมถูกเพื่อนที่โรงเรียน และบรรดาพี่สาวสายเลือดเดียวกันรุมเรียกว่า ลูกเมียน้อย แม่ได้แต่ปลอบว่าไม่จริง แต่ผมไม่เชื่อหรอก ผมเชื่อสายตาตัวเองที่เห็นมาตลอด’
“ไปไหนครับนายน้อย” เสียงของคนขับรถทำให้ผมหยุดนึกถึงคำพูดที่ได้พูดกับคุณย่าของนิเนล ไม่ใช่สิ ตอนนี้เป็นยายของผมแล้ว
“พวกมึงลงจากรถกูให้หมดเลย ไสหัวไปหาเจ้านายมึงโน่น” ผมกลายเป็นคนโง่ให้พวกมันหัวเราะเยาะ ความทุ่มเททุกอย่างของผมไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลย
“นายน้อยครับ”
“กูไม่ใช่เจ้านายพวกมึง เจ้านายมึงผู้ชายคนนั้นไม่ใช่หรือไง”
“พวกผมไม่รู้เรื่องนั้นจริง ๆ ครับ นายใหญ่ไม่ได้บอกอะไรพวกผมเลย สั่งแต่ว่าให้ตามใจนายน้อยทุกอย่าง”
“โกหก ลงไป”
“นายน้อย ถ้าไม่เชื่อพวกผมสองคน ก็ชักปืนมายิงได้เลยครับ ผมเป็นคนของนายน้อยตั้งแต่นายน้อยเลือกมา พวกผมยอมตายเพื่อนายน้อยครับ”
“...” ข้อเสียของผมคือเป็นคนไม่เด็ดขาดกับคนใกล้ตัว “ขับกลับกรุงเทพ”
“ครับ” เพราะผมต้องไปจัดการเรื่องที่โดนต้มจนเปื่อย ผิดที่ผมเชื่อใจคนเจ้าเล่ห์แบบนั้น ผมน่าจะเอะใจว่าทำไมถึงยอมง่าย ๆ ที่ไหนได้มันเป็นหลุมพรางทั้งนั้น
ผมพลาดเอง จะพูดว่าโง่ก็ยังได้
‘ไทเกอร์’ ชื่อที่คนเป็นพ่อตั้งให้ผม พ่อที่โคตรเจ้าชู้ ไม่เคยหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนไหน และไม่เคยรักแม่ผม วันที่แม่ผมเสีย ผมไม่เห็นน้ำตาสักหยดจากผู้ชายคนนั้น ถ้าแม่ไม่ยอมมากับเขา บางทีวันนี้ผมก็คงไม่ต้องเสียใจอย่างนี้ ผมคงจะไม่หลงรักนิเนลจนบ้าคลั่ง ถึงขั้นยอมกลับเข้าไปเป็นหุ่นให้ผู้ชายคนนั้นเชิดอย่างสนุก
คราวนั้นผมชวนแม่เดินออกมาจากอาณาจักรของเขาตั้งแต่ที่ผมจบม.6 แม่ยอมออกมาเพื่อผม หรือเพราะรู้ตัวว่าป่วยก็ไม่รู้ ทุกวันนี้ผมยังหาคำตอบไม่ได้ และไม่มีใครตอบผมได้เพราะแม่ที่รู้คำตอบดีที่สุดจากผมไปแล้ว
ผมเกลียดที่มีคำว่าลูกเมียน้อยตามติดเป็นเงา เกลียดที่มีพ่อเจ้าชู้ เกลียดที่แม่ยอมเขาทุกอย่าง เกลียดตัวเองที่เกิดมา กระทั่งผมได้เจอนิเนล ผู้หญิงที่มีบางอย่างดึงดูดให้ผมสนใจ เธอไม่เหมือนใคร และไม่มีเพื่อนสักคน เธอเหมือนคนมีปม ที่ดูเข้มแข็งมาก เวลาเธอร้องเพลงอยู่บนเวทีแล้วดูมีความสุขที่สุด ผมแอบรู้มาว่าเธอไม่มีพ่อแม่ ทำให้ผมเข้าใจว่าเราอยู่ในความรู้สึกคล้ายกัน ผมมอง ผมสังเกต ผมสนใจ และกีดกันคนที่ชอบเธอออกจากเธอห่าง ๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว เมื่อผมมั่นใจว่าผมชอบ ผมก็จีบตามแบบของผม ผมรู้ว่าเธอชอบอะไร ผมก็พาไปกิน ไปรับไปส่งทุกวัน มีของขวัญให้ทุกเทศกาล เป็นอย่างนั้นสามปี สามปีที่ผมจีบเธออย่างใจเย็น ทำตัวแทรกซึมเข้าไปในชีวิตประจำวันของเธอให้เธอเคยชินกับการมีตัวตนของผม สามปีที่ผมไม่เคยรู้ว่าเธอมีคู่หมั้น ในตอนนั้นผมคิดว่าเพราะผมเป็นคนธรรมดา ไม่มีอำนาจในมือ ทำให้รู้ไม่ทันสถานการณ์ ผมจึงต้องเดินกลับไปคว้าอำนาจที่วางตั้งรอคอยผมตลอด
เมื่อผมมีอำนาจทุกอย่างมันเข้าทางผมไปหมด กระทั่งผมคิดว่าผมได้นิเนลแน่ ๆ และยังชนะตาแก่มากตัณหาอีกด้วย แต่มันสุดเซอร์ไพรส์เมื่อปีที่สี่ที่เรารู้จักกันมา เราสองคนเสือกเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ทั้งที่ผมเกือบเคยจะมีอะไรกับเธอ
ใครกันที่ผิด ผมเหรอ ผมผิดใช่ไหม ผิดตั้งเกิดมา แล้วยังผิดที่หลงรักลูกพี่ลูกน้องตัวเอง ตัวผมโคตรน่าสมเพช
รู้อะไรไหม ต่อให้นิเนลไม่รักผม แต่ถ้าได้ตัวเธอมาครองได้แต่งงานกัน ยังไงผมก็ยินดีและมีความสุข ต่อให้เธอท้องลูกของคนอื่นยังไงผมก็รับได้ รักและเอ็นดูอย่างดีด้วย แต่นี่อะไร ‘ลูกพี่ลูกน้อง’ คำนี้มันใช่ที่ไหน แบบนี้ผมจะรักเธอแบบนั้นได้ยังไง
โคตรจะบัดซบ แล้วยังต้องมาโดนสั่งให้แต่งงานแบบเร่งด่วน
‘ถ้าแกแต่งกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ แกต้องแต่งกับน้องหนูให้เร็วที่สุด’
‘งั้นก็เตรียมหาฤกษ์ผมกับนิเนลได้เลย’
‘หึ จำคำของแกให้ดี ถ้าแกผิดคำพูด ฉันจะทำลายสิ่งสำคัญของแกซะ รู้ใช่ไหมว่าฉันไม่เคยล้อเล่น’
‘ผมก็คนจริง พูดคำไหนคำนั้น’ เพราะตอนนั้นผมมั่นใจมากว่าไม่มีทางพลาด
ทว่าผมก็เสียรู้ตาแก่คลั่งตัณหานั่นจนได้ แล้วผมก็ต้องปกป้องของสำคัญของผมที่มีแค่นิเนล ซึ่งตอนนี้มีคุณยายเพิ่มมาด้วย ผมถึงต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคนที่ชอบบอกว่าตัวเองเป็นพ่อ
พ่อที่ไม่เคยให้ความรัก ความอบอุ่น พ่อที่ทำตัวไม่น่าเคารพนับถือ พ่อที่ขยันผลิตลูกแต่ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกคนเป็นลูก
END Tiger
EPISODE05 ชักโครกเคลื่อนที่
Nongnoo Talk
“คุณปุ้ยคะมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณแม่ถึงบอกให้น้องหนูเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว ในเมื่อเมื่อวานนี้คุณคู่หมั้นเพิ่งโทรมาบอกน้องหนูว่าจะแต่งงาน คราวนี้มันยังไงคะ ทำไมตกเย็นอีกวันคุณแม่ถึงบอกน้องหนูแบบนั้น” น้องหนูโวยวายใส่ปลายสาย เขาคือคนที่คุณคู่หมั้นสั่งให้พาน้องหนูไปทานขนมอยู่บ่อย ๆ เราค่อนข้างสนิทกัน น้องหนูไว้ใจเขา เพราะคุณคู่หมั้นบอกว่าเขาเชื่อใจได้ และน้องหนูก็สัมผัสได้ว่าเขาเชื่อใจได้ในระดับหนึ่ง
(เกิดความผิดพลาดครับ)
“ผิดพลาดยังไงคะ แล้วคุณคู่หมั้นไปไหนทำไมไม่รับสายน้องหนูเลย”
(นายน้อยเมาครับ)
“เมา? ที่ไหนคะ เขาเป็นยังไงบ้าง” มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงเกิดความผิดพลาดได้
(บ้านของนายน้อยครับ และอาการแย่)
“ทำไมคะ ผู้หญิงคนนั้นตกลงแล้วไม่ใช่เหรอ หรือเธอกลับคำทีหลัง”
(เขาสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกันครับ)
“โอ๊ะ! แบบนี้...” คุณคู่หมั้นก็แย่เลยน่ะสิ
(ครับ นายน้อยรับไม่ได้)
“คุณปุ้ย คุณปุ้ยมารับน้องหนูหน่อยค่ะ” น้องหนูคิดว่าควรไปดูให้เห็นกับตา ไม่ควรปล่อยให้คุณคู่หมั้นอยู่คนเดียว เขาไม่ควรผ่านเหตุการณ์นี้ไปเพียงลำพัง
(จะไปได้ยังไงครับ แม่ของคุณน้องหนู...)
“เดี๋ยวน้องหนูออกทางหน้าต่างค่ะ คุณปุ้ยจอดรอข้างบ้านเลย”
(จะดีเหรอครับ) จะมัวลังเลอะไรเล่า
“ดีค่ะ คุณคู่หมั้นไม่ควรอยู่คนเดียวค่ะ”
(งั้นก็ได้ครับ ถึงแล้วผมจะโทรหานะครับ)
“ค่ะ ถึงแล้วดับไฟหน้ารถด้วยนะคะ เผื่อคุณแม่ยังไม่หลับ”
(ครับ) น้องหนูกดวางสายแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดวอร์มเพราะอยากทะมัดทะแมง ถึงจะอ้วนแต่คล่องแคล่วอยู่นะคะ เคยแอบออกไปซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงตอนดึกค่ะ แอบไปโดยไม่ให้คุณแม่รู้
@บ้านคุณคู่หมั้น
สองชั่วโมงต่อมาน้องหนูมาอยู่ที่บ้านของคุณคู่หมั้น นี่เป็นครั้งแรกที่น้องหนูมาที่นี่ สาเหตุก็เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของคุณคู่หมั้น จากที่คุณปุ้ยคนสนิทของคุณคู่หมั้นเล่าให้ฟังระหว่างทาง เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก ๆ สำหรับน้องหนู ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัว หรือเรื่องผู้หญิงคนนั้น เพราะน้องหนูรับรู้มาตลอดว่าคุณคู่หมั้นทุ่มเทกับผู้หญิงคนนั้นมาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะมากจนยอมทำทุกอย่างแบบนี้ ถึงคุณคู่หมั้นจะชอบปากร้าย ชอบบูลลี่หุ่นของน้องหนูก็เถอะ แต่พอเอาเข้าจริงก็อดสงสารไม่ได้
เขาคือคนน่าสงสารคนหนึ่ง
“นายน้อยอยู่ในห้องนี้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ระวังตัวด้วยนะครับ”
“อ่อ ค่ะ” ต้องระวังอะไรกัน ถึงคุณคู่หมั้นจะปากร้ายแต่ก็ไม่เคยทำร้ายน้องหนูนะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
ไม่มีเสียงตอบรับเลยอะ
“นายน้อยไม่เปิดหรอกครับ”
“ถ้างั้นเข้าไปเลยนะคะ” คงแบบไม่อยากเจอใครอะไรแบบนั้นแหละมั้ง แต่น้องหนูไม่อยากให้คุณคู่หมั้นอยู่คนเดียวนี่
เปิดประตูเข้ามาภายในห้องสลัวนิด ๆ ไม่ถึงกับมืดสนิท เงียบกริบเลย
เคร้ง! เคร้ง! แล้วเสียงขวดแก้วก็ดังขึ้น น้องหนูเดินไปตามเสียง เห็นคุณคู่หมั้นนั่งโงนเงนโอนเอนไปมาซ้ายขวา น้องหนูจึงเดินไปนั่งข้าง ๆ ดื่มตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ได้พักผ่อนบ้างหรือเปล่า ถึงได้อยู่ในสภาพนี้
“คุณคู่หมั้นคะ”
“...” เงียบกริบเลยอ่า เหมือนไม่ได้ยินที่น้องหนูเรียก
“คุณคู่หมั้น คุณคู่หมั้นโอเคไหมคะ” รอบนี้น้องหนูยื่นมือไปสะกิดแขนของคุณคู่หมั้นด้วย
คุณคู่หมั้นเอียงคอหันมามองหน้าน้องหนู มองอยู่นานมาก ท่าทีของคุณคู่หมั้นไม่เหมือนที่น้องหนูเคยเจอ น้องหนูจึงได้ถามขึ้นอีกครั้งว่า “น้องหนูรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะคะ เป็นยังไงบ้างคะ ไหวหรือเปล่า ได้พักผ่อนบ้างไหม”
คุณคู่หมั้นไม่ตอบ จับจ้องน้องหนูนานมาก เขาค่อย ๆ ยื่นมือมาจับที่ใบหน้า มองเหมือนว่ารักใคร่เอ็นดูเสียใจโหยหา หลากหลายความรู้สึกในนัยน์ตาคู่นี้
“เนล” เขาเปล่งเสียงออกมาพลางจับจ้องที่ใบหน้าของน้องหนู นัยน์ตาของความโหยหาเหมือนเวลาพระเอกนายเอกมองหน้ากัน
“น้องหนูค่ะ ไม่ใช่คุณนิเนล” พยายามแกะมือของคุณคู่หมั้นออกค่ะ ทว่าคุณคู่หมั้นกลับยกมืออีกข้างขึ้นมาจับมือของน้องหนูออก ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของน้องหนูมากกว่าเดิม นัยน์ตาคู่นี้ที่มองมาทำให้น้องหนูรู้สึกทำอะไรไม่ถูก รู้นะว่าเขาไม่ได้มองน้องหนู แต่นัยน์ตาเศร้า ๆ นี้ช่างน่าสงสาร ทำให้น้องหนูอดไม่ได้ที่จะสงสารเขา
“ฮื้อ!” ความน่าสงสารหายไปทันทีที่ริมฝีปากของคุณคู่หมั้นสัมผัสที่ริมฝีปากของน้องหนู
ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจ ไม่นะ! นี่มันจูบแรกเลยนะ ทำไมมาขโมยกันแบบนี้
คุณคู่หมั้นถอนจูบออกแล้วเอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากน้องหนู มือข้างหนึ่งของเขาจับที่ท้ายทอยบังคับห้ามน้องหนูขยับเขยื้อน นัยน์ตาของเราสบกัน “พี่รักเนลนะ พี่ไม่เชื่อ ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะเป็นพี่น้องกัน พี่ โคตร รัก เนล”
น้ำสีใสจากนัยน์ตาคู่สวยไหลรินไม่ขาดสาย การที่ผู้ชายสักคนจะหลั่งน้ำตาเพื่อใครสักคน มันคงถึงที่สุดแล้วจริง ๆ
เกิดมาน้องหนูเคยร้องไห้หนัก ๆ อยู่หนึ่งครั้ง หลังจากนั้นก็ร้องเพราะไม่ได้กินขนมที่อยากกิน
เมื่อคุณคู่หมั้นเริ่มร้องไห้ มือหนาที่จับท้ายทอยก็คลายออก น้องหนูขยับใบหน้าถอยห่าง ยกมือเช็ดน้ำตาให้คุณคู่หมั้น จากนั้นก็ขยับตัวเข้าไปกอด ลูบหลังปลอบเขาเบา ๆ “ไม่เป็นไรนะคะ ไม่ร้องน้า เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น คุณคู่หมั้นต้องผ่านไปได้ค่ะ น้องหนูจะอยู่ข้าง ๆ คอยช่วยเหลือคุณคู่หมั้นเอง”
สองมือจับที่บ่าทั้งสองข้างของน้องหนูแล้วผละกอดออก คุณคู่หมั้นจับจ้องมาที่ใบหน้าของน้องหนู เขาส่ายหน้าพลางขยี้ดวงตาแล้วพูด “ยัยอ้วนซื่อบื้อ เธอมาได้ไง”
พอเห็นหน้าก็เปลี่ยนโทนเสียงเชียวนะ เมื่อกี้ยังงอแงเป็นเด็กอยู่เลย ปากร้ายแบบนี้ควรสงสารดีไหม “น้องหนูเป็นห่วงคุณคู่หมั้นนี่คะ ก็เลยให้คุณปุ้ยไปรับมา น้องหนูไม่อยากให้คุณคู่หมั้นอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวเวลาแย่ ๆ มันไม่ดีนะคะ”
พรึบ! จู่ ๆ ก็ทำรุนแรง ผละน้องหนูออกให้ห่าง พร้อมพูดจาทำร้ายหักหาญน้ำใจคนเป็นห่วงซะดื้อ ๆ “มาทางไหนกลับไปทางนั้น คนอย่างฉันไม่ต้องการให้เด็กอย่างเธอมาห่วง ไสหัวไป”
“เกินไปนะคะ น้องหนูมาเพราะห่วง…”
“อย่ามาห่วงฉัน ความห่วงใยจากเธอฉันไม่อยากได้”
“คุณคู่หมั้น…”
คุณคู่หมั้นตะคอกใส่ทันที “เลิกเรียกฉันแบบนั้นสักที ฉันรำคาญจะแย่อยู่แล้ว อะไร ๆ ก็คุณคู่หมั้น คุณคู่หมั้น เลิกทำตัวปัญญาอ่อนได้ไหม เธอมัน…หึ๋ย!”
“มันอะไรคะ น้องหนูมันอะไร พูดมาเลยค่ะ น้องหนูจะได้รู้” ขนาดนี้แล้ว พูดมาเลย น้องหนูจะได้รู้ว่าความจริงแล้วคุณคู่หมั้นคิดยังไงกับน้องหนู
คิดกับน้องหนูเหมือนที่คนอื่น ๆ คิดไหม
“เธอมันตัวภาระไง ถ้าไม่มีเธอชีวิตฉันคงไม่เป็นแบบนี้ เด็กอย่างเธอแม่ง…” คุณคู่หมั้นจ้องหน้าน้องหนูแล้วเงียบลง เขาหันกลับไปคว้าขวดเหล้ายกขึ้นกระดก
สิ้นคิด การเมาไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา ซ้ำยังทำให้ร่างกายทรมาน สติสัมปชัญญะขาดหาย พูดไม่ไตร่ตรอง ทว่าผู้คนก็มักใช้ความมึนเมาสยบความเจ็บปวดที่มีภายในใจ เพื่อหวังจะลืม ชั่วข้ามคืนก็ยังดี
“ค่ะ น้องหนูรู้ และขอโทษนะคะ”
“เหอะ เหอ ๆ” น้องหนูไม่ชอบเสียงหัวเราะนี้เลย คุณคู่หมั้นหันมามองหน้าน้องหนู มุมปากมีรอยยิ้ม นัยน์ตาดุร้ายขึ้น “ขอโทษ ขอโทษแล้วฉันได้อะไร เธอคิดว่าฉันได้อะไรจากคำขอโทษไร้ค่าของเธอ ตัวเธอเหรอ เหอะ เด็กปัญญาอ่อนแบบเธอมีประโยชน์อะไร”
“ฆ่าน้องหนูไหมคะ ให้น้องหนูตาย คุณคู่หมั้นจะได้ไม่ต้องแต่งกับน้องหนู”
สองมือหนาคว้าหมับที่ต้นคออวบ ๆ ของน้องหนู เขากดน้ำหนักลง ดวงตาแข็งกร้าว ริมฝีปากเผยอ “ตายเหรอ อย่างเธอน่ะเหรอตาย” แรงบีบแรงขึ้นกว่าเดิม น้องหนูเริ่มหายใจติดขัด
น้องหนูไม่ได้อยากให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ไหม น้องหนูไม่ได้อยากเป็นเจ้าสาวของคุณคู่หมั้น ไม่ได้อยากแต่งด้วยเลย ไม่อยากรู้จักด้วย
มือสองข้างคลายออกจากลำคอของน้องหนูเมื่อน้องหนูเหมือนจะขาดอากาศหายใจขึ้นมาจริง ๆ ระหว่างที่กอบโกยอากาศเข้าร่างกาย มือข้างขวาของคุณคู่หมั้นเลื่อนมาจับที่ปลายคางของน้องหนู เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึก “อย่าตาย อย่าคิดจะตาย เธอต้องแต่งกับฉัน ถ้าฉันไม่ให้ตาย เธอไม่มีสิทธิ์ตาย”
“…” ห่วงเหรอ ไม่หรอก ดวงตาที่ดุร้ายเวลาพูด ไม่ได้ทำให้น้องหนูรู้สึกถึงความห่วงใย
“แล้วอย่าโลกสวย ฉันไม่ได้ห่วงเธอ การที่เธอมีลมหายใจ ก็เพื่อคนสำคัญของฉัน ที่ฉันยอมแต่งงานกับเธอก็เพื่อปกป้องคนที่ฉันรัก สำหรับฉัน เธอมีค่าแค่นั้น ไสหัวไปซะ” เขาผละน้องหนูให้ห่างด้วยมือข้างที่จับปลายคาง จากนั้นคุณคู่หมั้นก็หันไปดื่มเหล้าต่อก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง “ใครอยู่ข้างนอก มาเอายัยเด็กนี่ออกไปเดี๋ยวนี้!”
น้องหนูมองทุกการกระทำของคุณคู่หมั้น กระทั่งมีคนเปิดประตูเข้ามา “เอายัยอ้วนซื่อบื้อไปส่งบ้าน แล้วอย่าทำอะไรที่กูไม่ได้สั่งอีก กูยังไม่อยากแต่งเพราะต้องรับผิดชอบที่เด็กนี่หนีมาอยู่บ้านกู”
“ครับนายน้อย” คุณปุ้ยขานรับและหันมาพยักหน้าให้น้องหนู “เชิญครับคุณน้องหนู”
“น้องหนูกลับนะคะ คุณคู่หมั้นอย่าลืมพักผ่อนนะ…”
“เสือก!” น้องหนูยังพูดไม่ทันจบเลยไหม
เอาเป็นว่าน้องหนูจะไม่โกรธคุณคู่หมั้นเพราะคุณคู่หมั้นกำลังเครียด เขาคงอยากจะระบาย ก็เลยพอดีที่น้องหนูมาเป็นชักโครกเคลื่อนที่พอดิบพอดี หวังว่าการรับบทเป็นชักโครกเคลื่อนที่จะทำให้คุณคู่หมั้นรู้สึกดีขึ้นบ้างนะ