6 ชั่วโมงผ่านไป
“จบบริบูรณ์...เสร็จแล้ว! ฉันเขียนตำนานรักโจรสลัดเสร็จแล้วเสี่ยวเยี่ยน!!!”ฉิงชวนส่งเสียงบอกเพื่อนด้วยความดีใจเมื่อเธอสามารถมาถึงตอนจบของบทละครดังกล่าวได้เป็นผลสำเร็จ พร้อมเงยหน้าขึ้นจากจอโน้ตบุ๊ก
ในขณะที่เสียงเคาะแท่นพิมพ์บนคีย์บอร์ดยังรัวเป็นปืนกลอยู่ในขณะนั้น จากปลายนิ้วของหยู่เยี่ยนเพื่อนสนิท
“อือ! ดีใจด้วย..รีบๆ ส่งเข้าเมล์เลยแก เสร็จแล้วจะได้รีบมาทำงานของแกต่อ”หยู่เยี่ยนตอบเพื่อนกลับไปโดยไม่หันกลับมามองหน้าเพื่อนรักแม้แต่น้อย สายตายังคงจับจ้องอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า
หากแต่ยังมิทันทันที่จะทำอะไรประตูห้องทำงานของเธอก็ถูกเปิดออกกว้าง พร้อมร่างอวบอ้วนของเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลรับผิดชอบแผนกบันทึกข้อมูลของศูนย์วิจัยทั้งหมดปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าประตู เล่นเอาหยู่เยี่ยนแทบจะหลบลงใต้โต๊ะไม่ทัน
ผลุบ!!! โชคดีที่ฉิงชวนสายตาไว รีบดึงร่างเพื่อนรักให้หลบลงไปอยู่ใต้โต๊ะได้ทันจังหวะเข้าให้พอดี
“เสี่ยวชวนเดี๋ยวไปชั้น 11 ห้อง 1112 ไปเอาแฟ้มจากห้องนั้นรีบเอามาลงบันทึกข้อมูลอย่างด่วนเลยนะ หลังจากลงข้อมูลเสร็จแล้วให้ส่งไฟล์ลิงค์เข้าที่แผนก ท่านผู้อำนวยการจะได้เปิดเข้ามาอ่านรายงาน”
“ค่ะหัวหน้า”เธอรับคำอย่างแข็งขัน
ฉิงชวนตั้งใจว่าจะรีบขึ้นไปชั้น 11 หลังจากส่งไฟล์บทละครเข้าอีเมล์ให้อาจารย์ของเธอเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะได้ยินทั้งเสียงและสายตาของหัวหน้าแผนกบันทึกข้อมูลร่างอวบอ้วนยังคงยืนมองอยู่เช่นเดิม
“รีบไปเลยเสี่ยวชวน...เดี๋ยวนี้! รออะไรอยู่”เสียงหัวหน้าร่างอวบลงน้ำหนักชัดเจนและเข้มมากกว่าเดิม
“หนูจะไปเดี๋ยวนี้เลยคะ”หญิงสาวลุกออกจากโต๊ะทำงานอย่างรวดเร็วพลางส่งยิ้มเจื่อนๆให้กับหัวหน้าคนดังกล่าว ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป โดยมีสายตาของหยู่เยี่ยนมองตามหลัง
เพียงไม่นานร่างระหงของหวังฉิงชวนมายืนเคว้งคว้างอยู่บนชั้น 11 ดวงตากลมโตมองป้ายแขวนห้องที่เรียงรายเป็นทิวแถวจนละลานตาไปหมด
“โอโห่เพิ่งจะเคยขึ้นมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาทำงานที่นี่เกือบสองปี ทำไมถึงได้มีห้องเยอะขนาดนี้นะ”หญิงสาวบ่นพึมพำสองขาก้าวเดินตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกวาดสายตามองป้ายเลขห้อง
“เจอแล้วห้อง 1112”ฉิงชวนพูดพร้อมยิ้มกว้างออกมาทันทีด้วยความดีใจ แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักเมื่อเธออ่านป้ายหน้าห้องดังกล่าว
ห้องชันสูตรโครงกระดูก!!!
เอื้อก!!! เสียงกลืนน้ำลายลงคอได้ยินออกมาอย่างชัดเจน เมื่อล่วงรู้ว่าห้องดังกล่าวมีไว้สำหรับวิจัยเกี่ยวกับอะไร
“ก็แค่ห้องพิสูจน์ซากคนตายในยุคโบราณ ไม่ใช่ห้องเก็บศพเธอจะกลัวทำไมฉิงชวน”หญิงสาวพูดปลอบใจกับตัวเอง
พู้ววว!! เสียงเป่าปากออกมาชุดใหญ่ พร้อมยกคีย์การ์ดที่อยู่ในมือขึ้นมามอง
คีย์การ์ดที่อยู่ในมือซึ่งเธอได้รับจากศูนย์รักษาความปลอดภัยก่อนจะขึ้นมาบนตึก ถูกทาบลงบนเครื่องสแกนระบบนิรภัยเพื่อปลดล็อกประตูห้องดังกล่าว
ติ๊ด!!!! แสงสีเขียวปรากฏขึ้นทันใดพร้อมมือเรียวผลักบานประตูดังกล่าวเข้าไปทันที
“ขออนุญาตค่ะ”ฉิงชวนเอ่ยพร้อมก้าวเดินเข้าไปภายในห้องดังกล่าว
“เอ้า! ทำไมไม่เห็นมีใครอยู่ภายในห้องเลย แล้วจะรู้ไหมว่าต้องไปเอาแฟ้มตรงไหน”เธอบ่นพึมพำพลางกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ
ฉับพลัน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยหยุดชะงักไปที่เตียงยาว ซึ่งมีวัตถุโบราณที่เรียกว่าศพของคนในยุคโบราณที่ถูกขุดพบภายในแผ่นดินจีน และถูกลำเลียงส่งมาทางสถาบันวิจัยให้ทำการตรวจพิสูจน์ประเมินค่าอายุ
หากเป็นศพที่ขุดพบในสุสานหรือขุดพบใต้ดินในสถานที่ต่างๆ จะส่งมาที่แผนกตรวจพิสูจน์โครงกระดูก เพื่อค้นหาว่าอยู่ในยุคสมัยใดหรือมีชีวิตอยู่ในช่วงยุคใดในสมัยโบราณ หากเป็นวัตถุโบราณไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตามจะถูกส่งไปตรวจพิสูจน์ที่แผนกโบราณวัตถุ
สองขาเรียวยาวค่อยๆ ก้าวเดินตรงไปที่ร่างไร้วิญญาณซึ่งนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงพิสูจน์เพื่อหาค่าวัดต่างๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น มีบางอย่างชักนำให้ฉิงชวนตรงเข้าไปหาซากศพร่างนั้น ซึ่งเหลือแต่โครงกระดูกโดยมิได้มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
ทันทีที่ร่างระหงมาหยุดยืนอยู่ชิดริมเตียงดังกล่าว ดวงตากลมโตคู่สวยมองโครงกระดูกร่างนั้นด้วยความแปลกใจ ความรู้สึกของเธอบอกว่าช่างคุ้นเคยเสียนี่กระไร
“เป็นใครกันนะ เหลือแต่โครงกระดูกแบบนี้ไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”เธอพูดพร้อมก้มลงสำรวจโครงกระดูกด้วยความอยากรู้ว่าเป็นเพศอะไร
ดวงตาคู่งามเหลือบไปเห็นสายคล้องแขนตรงข้อมือขวาของซากโครงกระดูกมีข้อความระบุอะไรบางอย่าง ก่อนจะเงยหน้าเหลียวซ้ายแลขวาสำรวจไปทั่วห้องจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่
“ขออนุญาตดูหน่อยนะว่าคืออะไร ต่อมเผือกทำงานเห็นแล้วอดไม่ได้จริงๆ”หญิงสาวยืนพึมพำพลางเอื้อมมือหยิบป้ายที่คล้องอยู่ตรงข้อมือซ้ายพลิกหงายขึ้นมาเพื่ออ่านข้อความที่ระบุอยู่ภายในนั้น
“ศพท่านหญิงจากอูเจี๋ยน”หญิงสาวเอ่ยชื่อดังกล่าวจากป้ายคล้องข้อมือพลางขมวดคิ้วสวยเข้าหากันทันที
“ศพนี้เป็นผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ”ฉิงชวนพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะวางป้ายข้อมือลงตามเดิม
ฉับพลันเสียงหนึ่งดังแว่วแทรกขึ้นมากระทบโสตประสาทของฉิงชวน
“เฉียนเฉียน!!!”เสียงเรียกชื่อเล่นของเธอดังขึ้นมาเบาๆ
และนั่นทำให้ฉิงชวนหยุดชะงักทันใด พร้อมหันกลับไปมองทั่วบริเวณห้องที่ไม่มีใครอยู่เลย นอกจากเธอ
“เสียงใครเรียกชื่อเล่นเรา...แปลกจัง”ฉิงชวนบ่นพึมพำพลางยักไหล่ไหวไปมาพร้อมก้าวเดินออกจากเตียงพิสูจน์ซึ่งมีโครงกระดูกปริศนานอนสงบนิ่งอยู่ในขณะนั้น
“เฉียนเฉียนอย่าไป!”เสียงเรียกชื่อเธอรั้งร่างไว้ให้รอ
และนั่นทำให้ร่างระหงของหญิงสาวซึ่งกำลังเดินออกจากเตียงพิสูจน์ดังกล่าวนิ่งงันไปทันที เมื่อเธอได้ยินเสียงเรียกดังมาจากซากโครงกระดูกที่กำลังนอนสงบนิ่งอยู่ในขณะนี้
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามีเสียงเรียกดังออกมาจากทางด้านหลังเราว้า มิหนำซ้ำไอ้ที่อยู่ด้านหลังเป็นโครงกระดูกคนตายที่กำลังนอนอยู่ด้วย”ฉิงชวนบ่นพึมพำก่อนจะตัดสินใจหันกลับไปมองทันที
ขวับ!!! ฉิงชวนหันกลับไปมองอย่างทันทีทันใดเพื่อที่จะได้เห็นว่าเสียงที่เธอได้ยินมาจากที่ใดกันแน่ แต่แล้วสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลับเป็นเพียงความว่างเปล่าและซากโครงกระดูกที่ยังคงนอนสงบนิ่งอยู่เช่นเดิม
เฮ้อ!! เสียงถอนหายใจดังออกมาทันใด พร้อมยกนิ้วเขี่ยเข้าไปในรูหูของเธอ
“กลับบ้านไปเห็นทีจะต้องแคะหูซะแล้ว ได้ยินเสียงแว่วเรียกชื่อตัวเองไปทั่วแบบนี้”เธอบ่นพึมพำพลางก้มลงมองซากโครงกระดูกตรงหน้า มือทั้งสองข้างเท้าอยู่บนเตียงดังกล่าว ก่อนจะตัดสินใจพูดบางอย่างออกมาตามความคิดของเธอ
“หรือว่าจะเป็นคุณที่เรียกฉัน เพราะภายในห้องนี้ก็มีแค่ฉันกับคุณเท่านั้น กลัวการอยู่คนเดียวใช่ไหม แต่จะว่าไปก็น่ากลัวอยู่หรอกหากต้องอยู่เพียงลำพังตัวคนเดียวแบบนี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะพอพวกเขาตรวจพิสูจน์คุณเรียบร้อยแล้ว จะส่งคุณกลับไปอยู่ในสถานที่พวกเขาจัดให้และดูแลเป็นอย่างดีเลย”
ฉิงชวนพูดปลอบโยนให้กำลังใจก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ร่างระหงยืนมองซากโครงกระดูกดังกล่าวซึ่งเธอปราศจากความกลัวอย่างสิ้นเชิง
ทันใดนั้นเอง สิ่งที่เหนือความคาดหมายพลันปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดฝัน เมื่อมือเรียวของหญิงสาวซึ่งอยู่ใกล้กับมือของร่างไร้วิญญาณถูกปลายนิ้วทั้งห้าที่มีแต่โครงกระดูกเคลื่อนตรงเข้าจับมือของฉิงชวน
ห๊ะ!!! หญิงสาวอ้าปากค้างขึ้นมาทันทีด้วยความตกใจสุดขีด พร้อมมองตามมือของเธอ ซึ่งกำลังถูกมือที่มีแต่โครงกระดูกรวบมือเรียวสวยเอาไว้จนแน่นพร้อมเสียงเรียกที่ได้ยินเมื่อครู่ดังขึ้นอีกครา
“เฉียนเฉียน!”เสียงเรียกชื่อเล่นของเธอดังออกมาจากซากโครงกระดูกดังกล่าวพร้อมความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับหวังฉิงชวนขึ้นมาทันที
ทันทีที่มือของโครงกระดูกรวบมือของเธอพร้อมจับเอาไว้จนแน่น ภาพเหตุการณ์บางอย่างผุดขึ้นมาให้เธอเห็นอย่างรวดเร็วๆ ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถูกฆ่ารัดคอ งานศพที่มีแต่ผ้าขาวดำประดับไปทั่วจวนใหญ่ และเสียงร่ำไห้ปริ่มใจจะขาดเสียให้ได้ พร้อมเสียงเรียกดังก้องให้เธอได้ยิน
“เฉียนเฉียน!! เฉียนเฉียน!!”เสียงเรียกยังคงดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของฉิงชวน
“คะ..ใคร! คะ..ใคร..สะ..เสียงใคร!!!”ฉิงชวนพูดวนไปมาอยู่เช่นนั้น
ดวงตาคู่งามที่เบิกค้างเมื่อครู่ที่ผ่านมา เริ่มเลื่อนลอย สติที่เคยมีกำลังดับวูบลงอย่างกะทันหัน ร่างงามเริ่มโงนเงนไปมาแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่ในขณะที่มือของเธอยังถูกมือของโครงกระดูกร่างนั้นจับเอาไว้อย่างมั่นคงประหนึ่งเกรงว่าจะหายไปและแล้วสติสุดท้ายก็ดับลงทันที
ตุบ!!! ร่างระหงของหวังฉิงชวนล้มทาบทับซากโครงกระดูกลงไปอย่างมิรู้ตัว มือที่มีแต่โครงกระดูกนั้นยังคงจับมือของฉิงชวนเอาไว้จนแน่นยังมิมีทีท่าว่าจะยอมปล่อยแต่อย่างใด ก่อนจะรีบคลายมือออก ทันทีที่เสียงเปิดประตูจากนอกห้องดังขึ้น
กรี๊ดดดดด!!! เสียงกรีดร้องของเจ้าหน้าที่ประจำห้องพิสูจน์กระดูกแผดดังขึ้นมาทันที ครั้นสายตาเห็นร่างของเด็กสาวล้มฟุบอยู่บนซากโครงกระดูกดังกล่าว
“ช่วยด้วย!ใครก็ได้เข้ามาในห้องนี้!!!”เจ้าหน้าที่ประจำห้องดังกล่าวส่งเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือดังเอ็ดอึง
เพียงครู่เจ้าหน้าที่ทั้งชายและหญิงต่างแห่กันเข้ามาภายในห้องดังกล่าว ก่อนจะถูกกันออกไปเมื่อฝ่ายพยาบาลมาถึง และเริ่มลงมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับหญิงสาววัยรุ่นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะได้ยินเสียงแผดดังก้อง
“น้องสาวคนนี้หัวใจวาย! รีบเรียกรถพยาบาลเร็วเข้า! เรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้!!!”เสียงเจ้าหน้าที่พยาบาลตะโกนดังกระหึ่ม