ตอนที่ 15 เฉินคัง 1

2333 Words
“และถ้าหากข้าบอกกับเจ้าว่าแท้จริงแล้ว ข้าก็คือเฉินคัง จากแคว้นหมิ่นเยว่เจ้าจะว่าเยี่ยงไร!!!”ชายหนุ่มเจ้าของกระท่อมถามกลับไปเสียงเย็นยะเยียบ มือหนาเรียกพลังหยางในกายของตนขึ้นมาทันที เป้าหมายคือสังหารเด็กสาวที่เอ่ยชื่อดังกล่าวออกมา!!! เสียงที่พูดออกมานั้นฟังแล้วแข็งกร้าวเสียนี่กระไร ร่างใหญ่ที่ยืนสูงตระหง่านค้ำศีรษะเด็กสาวอยู่ในขณะนั้น ค่อยๆ ยกมือของตนขึ้นมาหมายปลิดชีพทันที ในขณะที่ฉิงชวนซึ่งมิรู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคนี้ เพราะเป็นดวงวิญญาณจากยุคอนาคตพลัดหลงมาติดอยู่ในร่างเด็กสาวที่กำลังถูกปลิดชีพเป็นครั้งที่สองจากคำถามที่เธอพูดออกไปโดยมิรู้ตื้นลึกหนาบ้าง พร้อมเสียงของฉิงชวนพูดแทรกขึ้น “ข้าก็ไม่เห็นต้องว่าอะไรเลย เพราะเรื่องจริงพี่ชายก็คือพี่คังที่ช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ ถ้าเช่นนั้นต่อไปข้าก็จะเรียกท่านว่าพี่คังตามที่อนุญาตดีไหม”ฉิงชวนพูดพร้อมฉีกยิ้มกว้างส่งกลับไปให้อย่างไร้เดียงสา และนั่นทำให้มือหนาที่กำลังเกร็งนิ่วเพื่อเรียกกำลังภายในหมายปลิดชีพเด็กสาวตรงหน้าให้สิ้นชีพ มลายหายไปโดยพลันครั้นได้ยินเช่นนั้น “อ่อ...แล้วแต่เจ้าเถิดข้าอนุญาตแล้วก็ตามนั้น”เสียงทุ้มพูดออกมาพร้อมดวงตาที่แข็งกร้าวแปรเปลี่ยนไปทันใด เมื่อเจ้าปลาอ้วนตัวน้อยกำลังพยายามที่จะลุกขึ้นจากเตียงไม้ไผ่ เพื่อสำรวจบริเวณกระท่อมแต่เรี่ยวแรงยังมิห้วนคืน จึงทำให้ร่างอวบนั้นซวนเซไปมาจะล้มฟาดลงไปกับพื้น พรึ่บ!!! ว่องไวปานสายลมพาดผ่าน ครั้นชายหนุ่มเร้นกายเข้าไปรับร่างเด็กสาวเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพลัดตกลงจากเตียงไม้ไผ่ดังกล่าว หมับ! ร่างใหญ่ถลาเข้าอุ้มร่างเด็กสาวเอาไว้อย่างทันท่วงที ท่ามกลางความตกใจของฉิงชวน “ระวังหน่อยเจ้าปลาอ้วน! ข้าบอกแล้วมิใช่รึว่าเจ้าเพิ่งฟื้น พลังหยินแม้จะกลับคืนมาแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ ยังต้องเปิดจุดหยางชวี่เพื่อให้เจ้ามีพละกำลังและเรี่ยวแรงกลับมาจะต้องใช้เวลาอีกนานเลยทีเดียวกว่าจะเดินได้เป็นปกติ”เสียงทุ้มดุเด็กสาวหน้าใสกลับไปพลางก้มลงมองใบหน้าอ้วนกลมดังกล่าวที่คล้ายจะหน้ามืดเมื่อพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงลุกขึ้นจากเตียง หมับ! ฉิงชวนยกสองมือรวบคอใหญ่ของพี่คังเอาไว้ทันทีเพื่อใช้เป็นหลักยึดของเธอ โดยมิทันได้สังเกตอาการตกใจของอีกฝ่ายที่ถูกเด็กสาวอ่อนวัยกว่ามากแต่อยู่ในวัยที่สามารถออกเรือนได้แล้ว เหนี่ยวรั้งคอของตนเอาไว้แน่นเช่นนั้น ใบหน้าคมคร้ามหล่อเหลาเริ่มทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเด็กสาวหันกลับมา หากแต่ใบหูนั้นเล่าแดงแจ๋ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “โอ๊ย! ดีนะที่พี่ท่านรับข้าเอาไว้ได้ทัน หาไม่ข้าคงกลิ้งตกเตียงกลายเป็นปลาอ้วนดิ้นกระเด่วๆ อยู่กับพื้นบ้านของท่านเป็นแน่”หญิงสาวพูดเปรียบเทียบตัวเองจนเห็นภาพ เล่นเอาคนตัวโตอดเปล่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้ครั้นได้ยินเช่นนั้น “ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าลงไปนอนดิ้นกับพื้นบ้านอย่างนั้นหรอกเจ้าปลาอ้วน”ชายหนุ่มตอบกลับไปและทำท่าจะปล่อยร่างของเด็กสาวด้วยรู้สึกว่าจะเข้าถึงเนื้อตัวนางมากเกินไป หมับ! หากแต่ฉิงชวนกลับเหนี่ยวคอใหญ่เอาไว้แน่นยิ่งไปกว่าเดิม “พี่ท่านพาข้าไปด้วย อยากไปเห็นอะไรด้านนอกกระท่อมบ้าง นอนเป็นผักมานานจนจะเป็นง่อยตายแล้วเหอะ”หญิงสาวพูดออกไปโดยหลงลืมไปว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจเธอหรือไม่ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันครั้นได้ยินถ้อยคำแปลกๆ ของเด็กสาวพูดออกมาเช่นนั้น “เจ้าพูดอะไรข้าฟังไม่เข้าใจ”ชายหนุ่มถามกลับไปในขณะที่อีกฝ่ายพยายามใช้แรงเหนี่ยวรั้งลำคอใหญ่อยู่ตลอดเวลา “ที่ข้าพูดก็หมายความว่า อยากออกไปเห็นอะไรข้างนอก นอนนิ่งๆ อยู่แต่ในนี้ทำให้ข้าจะกลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้นะสิ คราวนี้ท่านเข้าใจหรือยัง”ฉิงชวนพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ ใบหน้าหล่อเหลาพยักขึ้นลงว่าเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดครั้นได้ยินเช่นนั้น พลางเหลือบสายตามองสองมือของเด็กสาวที่กำลังเหนี่ยวคอของตนอยู่ในขณะนั้น “เหนี่ยวคอข้าเอาไว้แบบนี้ หากแม้นผู้ใดมาเห็นเข้าจะไม่งามและทำให้สตรีที่อยู่ในวัยออกเรือนเช่นเจ้าเสียหายได้ล่วงรู้หรือไม่”ชายหนุ่มบอกเด็กสาวกลับไป ใบหน้าหล่อเหลาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าขัดเขินอยู่มิใช่น้อย ในขณะที่ฉิงชวนถึงกับทำหน้าเหรอหราออกมาทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น “บนเกาะนี้ท่านบอกว่ามีเพียงข้ากับท่านพำนักอยู่เท่านั้น หามีผู้ใดสามารถล่วงล้ำเข้ามาได้ไม่ใช่เหรอ หรือว่ายังมีผู้อื่นอยู่ร่วมกับพี่คังนอกเหนือจากข้ากระนั้นสิ”หญิงสาวถามกลับไป “เออ....”เสียงในลำคอเปล่งออกมาทันใด ด้วยจำนนกับคำพูดของเด็กสาว “แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดพำนักรวมอยู่ด้วยนอกจากข้าและเจ้าก็ตาม แต่ชายหญิงอยู่เพียงลำพังมิงาม”ชายหนุ่มพยายามอธิบายให้เด็กสาวเข้าใจ “ก็แล้วท่านอย่าคิดอะไรที่มิงามกับข้าสิพี่คัง! ข้ายังไม่คิดอะไรกับท่านเลย ทั้งท่านและข้าต่างบริสุทธิ์ใจต่อกันจะต้องกลัวอะไรด้วยเล่า คิดมากนะพี่ชาย”ฉิงชวนตอบกลับไปจากความรู้สึกของเธอ และนั่นทำให้ใบหน้าคมคร้ามของชายหนุ่มได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ ที่มิอาจมองออกได้เลยว่า แท้จริงแล้วกำลังมีความรู้สึกกับเจ้าปลาอ้วนเช่นไร ด้วยเพราะคอยเฝ้าดูแลและรักษาอาการของนางมานานกว่าครึ่งเดือน คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ แม้กระทั่งเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเห็นเรือนร่างทุกอย่างของนางไปทั่วทุกขุมขนจนหมดสิ้น ก่อนจะได้ยินเสียงของเจ้าปลาอ้วนดังขึ้นอีกครา “ข้าอยากไปดูข้างนอกพี่ชายพาไปหน่อยนะ พาไปหน่อย! นะนะนะนะ”ฉิงชวนออดอ้อนรบเร้าอยากไปด้านนอกใจจะขาดเสียให้ได้ เฮ้อ! เสียงถอนหายใจดังออกมาอย่างหนักหน่วงพลางส่ายหน้าไปมา “ถ้าเช่นนั้นเจ้าขี่หลังข้าก็แล้วกัน จะพาเจ้าไปจับปลาริมทะเล”ชายหนุ่มตอบกลับไป “เย้ๆๆๆ” ฉิงชวนส่งเสียงออกมาด้วยความดีใจ พร้อมชูสองมือขึ้นสูงด้วยความเคยชิน เวลาที่เธอดีอกดีใจอะไรจะแสดงท่าทางดังกล่าวออกมา “พี่คังใจดีจังเลย... ก้มสิก้มข้าจะได้ขี่หลังของท่าน”เธอกล่าวพร้อมรีบกระวีกระวาดทำท่าจะขึ้นขี่หลังผู้ชายตัวโตมหึมาที่กำลังประคองเธออยู่เสียให้ได้ “อะ..เออ...เอา..ข้าจะก้มเดี๋ยวนี้แล้ว”พี่คังพูดพร้อมย่อกายลงอย่างรวดเร็วเพื่อให้เด็กสาวขึ้นขี่หลังได้อย่างสะดวก พรึ่บ!!! สองมือหนาของชายหนุ่มดึงท่อนแขนอวบพร้อมรั้งร่างของเด็กสาวให้ทาบทับอยู่บนแผ่นหลัง ครั้นร่างอวบขึ้นไปอยู่บนแผ่นหลังขนาดใหญ่เป็นผลสำเร็จ สองมือเปลี่ยนมาประคองท่อนขาทั้งสองให้หนีบกระชับเข้าที่บั้นเอวให้แน่นยิ่งขึ้น พร้อมสองมือของเด็กสาวตรงเข้ารวบลำคอใหญ่เอาไว้ทันที ก่อนจะส่งเสียงขึ้นมาทันใดเมื่อมือสัมผัสถูกลูกกระเดือกที่พุ่งแหลมโผล่พ้นออกมาจากสาบเสื้อ “ลูกกระเดือกของท่านทำไมใหญ่จังเลยพี่คัง ดูสิพุ่งแหลมแทงมือข้าเลย”หญิงสาวพูดพลางใช้มือลูบไล้ลูกกระเดือกใหญ่ของพี่ชายขึ้นลงไปมาเบาๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ “แต่จะว่าไปลูกกระเดือกของท่านลูบเพลินดีเนอะ”ฉิงชวนบอกตามความรู้สึกของเธอ ดวงตาสีนิลกาฬเหลือบสายตามองมือของเด็กสาวที่กำลังลูบไล้ลูกกระเดือกไปมาอยู่เช่นนั้นตลอดเวลาด้วยความเพลิดเพลิน ความรู้สึกบางอย่างเริ่มเกิดขึ้นกับชายหนุ่มอย่างเงียบๆ สายตาที่เคยแข็งกร้าวมาโดยตลอดสั่นไหวทุกครั้ง คราใดที่มือน้อยๆ ลูบไล้ลำคอที่เกิดจากความไร้เดียงสาของนาง พู่ววว!!! เสียงพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเพื่อตั้งสติให้มั่นคง พร้อมกระชับร่างของเจ้าปลาอ้วนให้อยู่บนหลัง ก้าวเดินออกจากระท่อมหลังน้อยตรงไปยังริมทะเลเพื่อพาเด็กสาวนามว่าเฉียนเฉียน ได้เห็นทิวทัศน์ของเกาะมรกตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา หวังฉิงชวนไม่รู้เลยว่า ผู้ชายตัวใหญ่ที่มีความหล่อเหลาถึงขนาดที่ว่าสาวสวยในศตวรรษ 21 เช่นเธอยังต้องออกปากชมด้วยความลืมตัว ชายหนุ่มที่เธอกำลังขี่หลังอยู่ในขณะนี้แท้จริงแล้ว คือองค์ชายห้าพระนามว่าเฉินคัง แห่งแคว้นหมิ่นเย่วซึ่งทั่วแคว้นต่างเข้าใจว่าสิ้นพระชนม์ไปแล้วด้วยโรคระบาดจั้งชี่ที่ดินแดนอู๋อี๋ซานเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งครั้งนั้นได้คร่าชีวิตของผู้คนไปจนหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว กลายเป็นดินแดนรกร้างที่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปเหยียบย่ำแม้แต่เพียงพาดผ่านยังมิแลเหลียวด้วยหวั่นเกรงว่าจะติดโรคระบาดนั้นกลับมาด้วย องค์ชายหนุ่มทรงถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ลอบปลงพระชนม์องค์ชายเฉินเหย่าพระเชษฐา ซึ่งเป็นพระโอรสในลำดับที่สามของเฉินหย่งกงกับอี้ซินฮองเฮาในขณะที่มีการแข่งขันล่าสัตว์ หากแต่ในความเป็นจริงแล้วมิใช่ฝีมือของพระองค์แต่อย่างใด เพราะองค์ชายหนุ่มก็ถูกวางแผนให้เข้าไปภายในบริเวณที่พบพระศพของพระเชษฐาราวกับว่ามีการเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า และทุกเสียงต่างยืนยันว่าพบเห็นองค์ชายห้าอยู่กับพระเชษฐาในขณะนั้นทุกคน ซึ่งแท้จริงแล้วผู้ที่อยู่ด้วยในขณะนั้นเป็นองค์ชายสี่เฉินจิ้นพระเชษฐาฝาแฝดผู้มีพระสิริโฉมดุจเดียวกันกับพระองค์ และนั้นทำให้ล่วงรู้ทันทีว่าพระเชษฐาที่ทยอยสิ้นพระชนม์นั้นมาจากแผนการขององค์ชายเฉินจิ้น พระเชษฐาฝาแฝด ซึ่งต้องการขึ้นครองแคว้นหมิ่นเยว่สืบต่อไปแต่เพียงผู้เดียว ไม่เว้นแม้กระทั่งพระอนุชาฝาแฝดที่ประสูติตามกันมาก็ยังถูกซ้อนแผนให้ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้คิดคดทรยศหวังช่วงชิงราชบัลลังก์เพื่อครองแคว้นสืบต่อไป จึงเป็นสาเหตุทำให้พระองค์ถูกเนรเทศออกมาจากแคว้นหมิ่นเยว่ ให้ไปสำนักตนอยู่ดินแดนอู๋อี๋ซาน ในขณะที่ทรงถูกักขังเพื่อสำนึกตนในตำหนักส่วนพระองค์ ก็ปรากฏโรคระบาดจั้งชี่ขยายออกมาอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาผู้คนต่างพากันล้มตายดั่งใบไม้ร่วงหล่น ทว่าองค์ชายเฉินคังกลับรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ เมื่อองครักษ์ผู้ติดตามต่างพากันช่วยพระองค์แอบหนีออกมาจากดินแดนแห่งโรคระบาดนั้นได้เป็นผลสำเร็จ โดยหนีขึ้นเรือล่องผ่านแม่น้ำจนทะลุออกสู่ทะเล ก่อนที่อู๋อี๋ซานจะกลายเป็นสถานที่เต็มไปด้วยร่างอันไร้วิญญาณนับหลายหมื่น ที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับโรคระบาดนั้น องค์ชายเฉินคังลอยคออยู่ในทะเลบนเรือที่หนีออกมาจากอู๋อี๋ซานได้อย่างหวุดหวิด หากแต่พระองค์ทรงติดโรคระบาดนั้นมาด้วยและเรือลำน้อยก็พลัดหลงเข้ามาถึงอาณาเขตของเกาะมรกตในช่วงที่ปราศจากกระแสน้ำวน โดยเจ้าปลาคุนน้อยที่ขึ้นมาจากก้นทะเลลึกจะมาว่ายน้ำเล่นอยู่หน้าเกาะในช่วงเวลาที่ปราศจากกระแสน้ำวนดังกล่าวเป็นประจำทุกปี และเจ้าปลาคุนเป็นผู้ดันเรือที่มีองค์ชายเฉินคังหมดพระสติอยู่ภายในนั้นจนเข้ามาเกยชายหาด ทันทีที่เรือมาเกยอยู่ตรงหน้าหาดของเกาะมรกต และจอดนิ่งสนิทอยู่ข้ามวันข้ามคืนเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งไม่มีผู้คนอาศัยอยู่บนเกาะนั้นแม้แต่ผู้เดียว มีเพียงสัตว์ทะเลและนกนานาชนิดพำนักอยู่เท่านั้น หากแต่เฉินคังกลับฟื้นขึ้นมาอย่างไม่คาดฝันทั้งๆ ที่ติดโรคระบาดจั้งชี่มาด้วย และจะต้องสิ้นพระชนม์ตั้งแต่อยู่กลางทะเลไปนานแล้ว แต่เพราะเกาะมรกตมีกลิ่นอายทิพย์จากแดนสวรรค์แผ่ลงมาเบื้องล่างเพราะว่าสถานที่ตั้งอยู่ตรงกับประตูสวรรค์นั้นเอง และนั่นจึงทำให้โรคระบาดที่พระองค์ได้รับเข้ามาอย่างเต็มที่ภายในพระวรกาย ค่อยๆ ลดน้อยลงจนสามารถมีพระสติฟื้นคืนกลับมาได้ ก่อนจะพบว่ามาติดอยู่บนเกาะกลางทะเลลึก และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทรงใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังบนเกาะมรกตจนเวลาล่วงเลยผ่านไป 2 ปีเข้าสู่ปีที่ 3 เมื่อเกาะมรกตปราศจากคลื่นกระแสน้ำวนได้ไม่ถึงสิบวัน ปลาคุนน้อยก็นำฉิงชวนซึ่งอยู่ในร่างของหยางเฉียนเฉียนมาเกยชายหาดของเกาะมรกตและทำให้ฉิงชวนได้พบกับองค์ชายเฉินคังผู้ถูกลืม ณ ที่แห่งนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD