ตอนที่ 13 เกาะมรกต 2

2239 Words
หุบเขามรกต บริเวณกระท่อมน้อย  ภายในเกาะมรกตมีภูเขาสูงเสียดฟ้าทอดตัวยาวขนานไปตามความกว้างของแนวเกาะ ลึกลงไปมีหุบเขาและถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งมีบ่อน้ำทองคำที่สามารถแปรสภาพได้ทุกสิ่งให้กลายเป็นสีทองเหลืองอร่าม และยังมีหินงอกหินย้อยมากมายสวยงาม อัดแน่นไปด้วยหยกสูงค่าและหินสีเขียวมรกต บริเวณด้านนอกถ้ำมีน้ำตกไหลจากหุบเขาสูงลงมาเบื้องล่าง สะสมน้ำจืดเอาไว้เป็นแอ่งขนาดใหญ่ลึกลงไปหลายสิบเมตรเลยทีเดียว สีของน้ำเป็นสีเขียวมรกตเช่นเดียวกัน ใสแจ๋วจนสามารถเห็นก้นแอ่งได้เป็นอย่างดีว่ามีแต่หินเบื้องล่างมากมาย ซึ่งมีทั้งหินธรรมดาและหินสูงค่านานาชนิด ภายในบริเวณดังกล่าวปรากฏกระท่อมหลังน้อย ทำจากไม้ไผ่ขนาดกำลังพอดี มีลานกว้างซึ่งเป็นโขดหินยกสูงขึ้นเป็นตัวกระท่อม มีบันไดสำหรับก้าวขึ้นประมาณห้าขั้น ซ้ายมือคือเรือนนอนและห้องหนังสือ ขวามือคือโรงครัวแบบเปิดโล่ง และระเบียงด้านนอกชานยื่นออกไป เต็มไปด้วยดอกไม้ป่านานาพรรณส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ฝีมือการสร้างกระท่อมที่ทำจากไม้ไผ่บ่งบอกได้ว่ามีฝีมือดุจช่างไม้เจนประสบการณ์ก็มิปาน ภายในห้องนอนซึ่งมีเตียงไม้ไผ่ยกขึ้นจากพื้นขึ้นมาพอประมาณ ปรากฏร่างของหยางเฉียนเฉียนกำลังหลับใหลอยู่ในขณะนั้น ใบหน้าอวบอิ่มเริ่มมีสีเลือดฝาดของวัยสาวปรากฏ ทั่วร่างจากที่เคยขาวซีดดั่งคนตายกลับหวนคืนมาดั่งเดิม หากแต่ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างได้แต่อย่างใด ด้วยผลจากดอกไม้หวนคืนที่มีสรรพคุณรักษาร่างไม่ให้เน่าเปื่อย จึงทำให้สะสมไอเย็นเอาไว้จนทั่วร่างดุจน้ำแข็ง ใต้เตียงไม้ไผ่มีก้อนหินสีเหลืองอมส้มเปล่งประกายแสงวูบวาบอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นหินที่ให้ความร้อนและเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายเป็นอย่างดี เกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่ในถ้ำมรกต สามารถนำมาใช้บรรเทาความหนาวเหน็บในเวลากลางคืนได้เป็นอย่างดี ด้วยเกาะมรกตจะมีความแตกต่างจากเกาะทั่วไปนั่นก็คือ ช่วงพระอาทิตย์ขึ้นจะมีอากาศเฉกเช่นฤดูชุนเทียนหรือฤดูใบไม้ผลิ แต่ครั้นถึงช่วงเวลากลางคืนอากาศกลับหนาวเหน็บดังอยู่ในฤดูกาลตงเทียนก็คือฤดูหนาวนั่นเอง ด้วยสภาวะอากาศที่เป็นเช่นนั้น ภายในถ้ำจึงเกิดหินอัคคีขึ้นเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ บริเวณส่วนใดที่ปรากฏแสงสีเหลือมอมส้มอยู่ตลอดเวลาและมีความร้อนแผ่ออกมาไม่ขาดสาย นั่นหมายถึงบริเวณดังกล่าวมีหินอัคคีสามารถนำมาช่วยทำให้ร่างกายมีไออุ่นมิต้องหนาวเหน็บดั่งอยู่ในจุดเยือกแข็ง และหินอัคคีดังกล่าวบัดนี้นำมากองสุมไว้อยู่เบื้องล่างใต้เตียงไม้ไผ่ เพื่อทำให้เกิดไออุ่นแก่ร่างของหยางเฉียนเฉียน ที่มีไอเย็นดุจน้ำแข็งให้กลับคืนเป็นปกติ โดยชายหนุ่มอายุประมาณ 21 ปี เจ้าของกระท่อมที่อาศัยอยู่ในเกาะมรกตเพียงลำพัง นำหินอัคคีจากในถ้ำมรกตมากองสุมผลัดเปลี่ยนเช่นนี้ทุกวันนับตั้งแต่ช่วยหยางเฉียนเฉียนขึ้นมาจากแพ จวบจนกระทั่งวันนี้ย่างเข้าสู่วันที่ 15 ร่างอวบอ้วนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอย่างเห็นได้ชัด “น้ำแกงมาแล้ว! วันนี้ข้าทำน้ำแกงปลามาให้กินด้วยนะเจ้าปลาอ้วน”ชายหนุ่มเจ้าของกระท่อมดังกล่าวส่งเสียงมาก่อนตัว เสียงทุ้มก้องกังวานดังตั้งแต่อยู่ชานระเบียงด้านนอกจนกระทั่งก้าวเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ซึ่งตอนนี้ถูกเด็กสาวที่ได้ช่วยชีวิตครอบครองไปเสียแล้ว แกรก! น้ำแกงปลาถูกวางไว้บนโต๊ะที่ทำจากไม้ไผ่พร้อมร่างใหญ่ทรุดลงนั่งบนขอบเตียง พลางใช้มือจับชีพจรพร้อมรอยยิ้มปรากฏขึ้นบางๆ “พลังหยินในกายของเจ้ากลับมาเป็นปกติแล้วเจ้าปลาอ้วน อีกไม่นานก็สามารถขยับกายและตื่นขึ้นมาแล้ว”พูดพร้อมหันกลับไปหยิบถ้วยน้ำแกงพลางใช้ช้อนที่ทำจากไม้คนไปมาและเป่าให้ไอร้อนเย็นลง “กินน้ำแกงฝีมือข้ารองท้องไปก่อนนะ พอเจ้าฟื้นขึ้นมาข้าจะเผาปลาให้กินหลับไปนานร่วมครึ่งเดือนตื่นขึ้นมาจะต้องหิวมากแน่ๆ เลย”ชายหนุ่มพูดพร้อมใช้ช้อนตักน้ำแกงก่อนจะค่อยหยอดใส่ไปในปากของเด็กสาว หวังฉิงชวนซึ่งอยู่ในร่างดังกล่าวล้วนได้ยินจนหมดสิ้น เธอนอนนิ่งเป็นผักมานานกว่า 15 วัน ได้ยินทุกอย่างที่ชายหนุ่มเจ้าของกระท่อมพูดทุกอย่าง และล่วงรู้ว่าสถานที่หญิงสาวกำลังนอนอยู่ในขณะนี้คือเกาะมรกตที่อยู่กลางทะเลลึก ตั้งอยู่ทางทิศใต้ห่างไกลจากชายฝั่งนับหมื่นลี้เลยทีเดียว และที่สำคัญเธอได้ยินเรื่องราวของเจ้าผู้ครองแคว้นหมิ่นเยว่ทุกวัน จากนกสื่อสารที่อยู่บนเกาะมรกตส่งข่าวมารายงานทุกๆ สามวัน น้ำแกงปลาถูกป้อนลงไปในปากติดต่อกันและรอจังหวะให้ไหลลงคอไปอย่างช้าๆ รสชาติของน้ำแกงทำให้ฉิงชวนบ่นพึมพำขึ้นมาทันที “โอ๊ยรสชาติ! ทำไมมันถึงได้จืดชืดได้ใจ เค็มได้โล่ขนาดนี้นะ นี่กระมังที่เรียกว่าผู้ชายทำกับข้าวแต่จะว่าไปถ้าไม่ได้พี่ชายคนนี้ช่วยชีวิตเราคงต้องตายคาแพบ้านั่นแน่ๆ”ฉิงชวนนอนรำพึงโดยมีน้ำแกงปลาค่อยๆไหลลงไปในปากของเธอ ทันใดนั้นเอง จู่ๆ หญิงสาวก็เกิดอาการสำลักน้ำแกงเสียขึ้นมาดื้อๆ พรืดดดด!!! น้ำแกงที่อยู่ในปากพุ่งออกมาทันที แค่ก! แค่ก! แค่ก! เสียงไอเพราะสำลักน้ำแกงที่เล็ดรอดเข้าไปในหลอดลม ทำให้ร่างที่นอนนิ่งมานานกว่า 15 วัน ส่งเสียงไอโครกครากและเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาทันใด ท่ามกลางสายตาของชายหนุ่มเจ้าของกระท่อมเมื่อเห็นปฏิกิริยาของการมีชีวิตรอดของเด็กสาว ท่อนแขนใหญ่รีบสอดเข้าไปใต้ล่างพร้อมยกร่างของหยางเฉียนเฉียนขึ้นมาจากฟูกนอน พลางใช้มือรีบลูบหลังก่อนจะกดลงเบาๆบริเวณที่เป็นจุดสำคัญตรงกลางหลังเพื่อให้เด็กสาวหายจากอาการสำลัก ตึก! ตึก! ปลายนิ้วแข็งดุจหินกดลงจุดกลางหลังอย่างรวดเร็วพร้อมอาการสำลักของเด็กสาวจางหายไปทันที คงเหลือเพียงอาการหอบโยนด้วยเพราะหายใจไม่ทันเท่านั้น ก่อนจะฟุบลงคาท่อนแขนใหญ่ “แค่ก!แค่ก! โอ๊ยสำลักเกือบตาย”ฉิงชวนพูดออกมาเบาๆ ทั้งๆ ที่ยังฟุบคาอยู่บนท่อนแขนใหญ่อยู่เช่นนั้น และทันทีที่ได้ยินเสียงของเด็กสาวพูดออกมาเช่นนั้น ดวงตาสีนิลกาฬเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลันด้วยดีใจที่ได้ยินเสียงคนที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้สติกลับคืนมาเสียที “ในที่สุดก็ฟื้นเสียทีนะเจ้าปลาอ้วน”ชายหนุ่มพูดพลางค่อยๆ ใช้ท่อนแขนอีกข้างรองรับแผ่นหลังของเด็กสาวให้นอนหงายลงไปเพื่อให้นางอยู่ในท่านอนที่สบายขึ้นและหายใจได้สะดวก พรึ่บ! ทันทีที่ร่างดังกล่าวอยู่ในท่านอนหงาย ดวงตากลมโตดั่งตากวางและดวงตาสีนิลกาฬสบประสานเข้าหากันอย่างจัง พร้อมอาการตกตะลึงเกิดขึ้นกับหวังฉิงชวนทันทีที่ได้เห็นพี่ชายใจดีที่ช่วยชีวิตเธอขึ้นมาจากทะเล “โอโห่! ผู้ชายอะไรหล่อเป็นบ้า! หล่อจนวัวตายควายล้มเป็นฝูงเลย”ฉิงชวนรำพึงอยู่ภายในใจ หญิงสาวอ้าปากค้างเผยอเอาไว้ด้วยความลืมตัวที่เห็นผู้ชายหล่อเหลาจนเธอเองซึ่งเห็นผู้ชายทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นใหญ่กว่าเธอในเมืองปักกิ่งและในแวดวงบงการบันเทิงมานักต่อนัก ยังต้องยอมรับว่าผู้ชายที่ช่วยชีวิตเธอนั้นหล่อมากจริงๆ “ลิ้นเจ้าคงยังแข็งคงอยู่สินะเจ้าปลาอ้วน! น้ำลายจึงไหลออกมาเช่นนี้”เสียงนั่นพูดด้วยความรู้สึกเป็นห่วงพร้อมใช้ชายแขนเสื้อของตัวเองเช็ดน้ำลายที่ไหลออกจากปากของเด็กสาวให้เหือดแห้งไป และนั่นทำให้ฉิงชวนรู้สึกตัวขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “ปลาอ้วน!”หญิงสาวพูดชื่อดังกล่าวออกมาเบาๆ ด้วยความสงสัย คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันทันที “พี่พูดถึงปลาอ้วนเรียกหนูเหรอคะ”ฉิงชวนถามกลับไปเสียงเบา หญิงสาวมองใบหน้าหล่อเหลาที่มีปอยผมตกลงปรกหน้า ก่อนจะสำรวจพบว่าผู้ชายตรงหน้ามีเส้นผมสีดำยาวไปถึงกลางหลังเลยทีเดียว โดยรวบเส้นผมทั้งสองข้างขึ้นสูงผูกด้วยเชือกปล่อยชายยาวทิ้งลง สวมเสื้อผ้าสีขาวทั้งชุดที่เห็นในละครย้อนยุคที่ออกฉายให้เห็นตามจอโทรทัศน์อยู่ทุกวี่วัน ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมา ชายหนุ่มตรงหน้าแม้จะรู้สึกแปลกใจกับถ้อยเจรจาของเด็กสาวที่ฟังแล้วชอบกล แต่ก็ยังพอจะเข้าใจอยู่บ้าง “ข้าเรียกแทนชื่อของเจ้า เพราะมิรู้ว่ามีชื่อเรียงเสียงใด จึงเรียกตามลักษณะเด่นของเจ้าเป็นหลัก” ครั้นหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นเธอเกิดอาการนิ่งงันขึ้นมาทันที “เรียกตามลักษณะเด่นเป็นหลักอย่างนั้นเหรอ! ก็เลยเรียกว่าปลาอ้วนเนี่ยนะ!”ฉิงชวนพูดพึมพำออกมาเบาๆพลางครุ่นคิดตามไปกับประโยคดังกล่าว “เฮ้ยย!!”หญิงสาวอุทานออกมาทันใด ร่างที่กำลังถูกท่อนแขนใหญ่ประคองอยู่ในขณะนั้นกระเด้งลุกขึ้นนั่งหลังตรงอย่างรวดเร็ว พลางรีบสำรวจร่างกายของเธอทันใด มือทั้งสองข้างที่ยังไร้สิ้นเรี่ยวแรงค่อยๆ ยกขึ้นมาอย่างช้าๆ พร้อมดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพบว่าท่อนแขนที่เคยเรียวยาวดั่งลำเทียนจรดไปถึงมือเรียวสวยแปรเปลี่ยนเป็นท่อนแขนอวบเนื้อแน่น ขับผิวขาวอมชมพู นิ้วที่เคยเรียวกลับแลดูป้อม มือที่เคยบอบบางกลับอิ่มฟูและหนาขึ้นอย่างผิดหูผิดตา “ไม่จริง! ทำไมฉันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้!”ฉิงชวนพูดพึมพำพลางมองหาสิ่งที่เรียกว่ากระจกจ้าละหวั่น “กระจก! กระจกอยู่ไหน...ฉันต้องการกระจก!...กระจก!!!”หญิงสาวพูดพลางพยายามจะลุกขึ้นจากเตียงไม้ไผ่ท่ามกลางเสียงร้องห้ามของชายหนุ่ม “เจ้าเรียกหาสิ่งใดอยู่รึ เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาเรี่ยวแรงยังไม่มีให้ข้าช่วยหาจะดีกว่า อยากได้อะไรบอกข้ามาเถอะ”ชายหนุ่มพูดพลางรั้งร่างเด็กสาวที่พยายามจะลุกขึ้นจากเตียงให้นั่งลงตามเดิม “พี่ช่วยหากระจกให้หนูหน่อยได้ไหม! หนูอยากได้กระจก…”ฉิงชวนพูดย้ำสิ่งที่เธอต้องการกลับไป “กระจกอย่างนั้นเหรอ”ชายหนุ่มทวนคำของเด็กสาวที่กำลังนั่งหายใจหอบโยน พร้อมขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายดังแทรกขึ้นพร้อม “กระจกที่ใช้สำหรับส่องหน้า หรืออะไรที่ทำให้เห็นใบหน้าก็ได้”ฉิงชวนพยายามอธิบายลงรายละเอียดมากยิ่งขึ้น และนั่นทำให้ชายหนุ่มคนดังกล่าวเข้าใจขึ้นมาทันที “อ่อ...ถ้าเช่นนั้นเจ้ารอข้าสักเพียงแค่หนึ่งเค่อเท่านั้น”พูดพร้อมร่างใหญ่ลุกขึ้นจากเตียงรีบก้าวเดินออกไปจากห้องนอนอย่างรวดเร็วโดยมีสายตาของฉิงชวนมองตามหลังร่างดังกล่าว “ไม่นะ! มันต้องไม่เป็นอย่างที่ฉันได้ยินสิ! ฉันไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น ป่านนี้เสี่ยวเยี่ยนตามหาแย่แล้ว..”ฉิงชวนพูดพึมพำอยู่เพียงคนเดียวพลางกวาดสายตามองสำรวจไปทั่วบริเวณกระท่อม ครั้นมองออกไปด้านนอกเห็นทิวเขาสูงเสียดฟ้ามีเมฆหมอกปกคุลมเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ท่ามกลางน้ำตกที่ไหลจากยอดเขาสูงลงสู่เบื้องล่างซึ่งเป็นที่ตั้งของกระท่อมดังกล่าว บรรยากาศประดุจอยู่บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าฉันใดก็ฉันนั้น “โอโห่! ที่นี่สวยจังอยากรู้จริงๆ เลยว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศเรา สวยเหมือนอยู่บนสวรรค์เลย”หญิงสาวรำพึงด้วยความตื่นตาตื่นใจ ทันใดนั้นเอง “เฉียนเฉียน!”เสียงเรียกชื่อเล่นของเธอดังขึ้นอยู่ชิดริมหูหญิงสาว และเสียงเรียกดังกล่าวทำให้หวังฉิงชวนหูผึ่งขึ้นมาทันใด “เสียงใครเรียกเรา...หรือว่าจะเป็นเสี่ยวเยี่ยน”ฉิงชวนเอ่ยด้วยความดีใจ หากแต่เพียงครู่กลับต้องเงียบงันชนิดที่ว่าต้องนั่งอึ้งไปทันที เมื่อสายตาของเธอเห็นเงาวูบวาบบางอย่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นและกำลังยืนอยู่ตรงหน้าในขณะนี้ เฮือกก!!! หญิงสาวถึงกับนั่งตัวแข็งเมื่อดวงวิญญาณของ หยางเฉียนเฉียนกำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับเธอ ก่อนจะค่อยๆ ปรากฏกายให้อีกฝ่ายเห็นได้อย่างชัดเจน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD