บทที่ 4 ขอซื้อทั้งหอเพื่อจะอยู่คนเดียว
“นี่!!!”
ฉันขึ้นเสียง ทำหน้าถมึงทึง เพราะโดยปกติแล้วฉันไม่ชอบให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัวสักเท่าไหร่
….กำลังจะตายแท้ ๆ ยังมาห่วงเรื่องนี้อีก
ฉันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนที่ช่วยฉันเอาไว้ ใบหน้าของเขาคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน จัดว่าเป็นผู้ชายที่หล่อนะ แต่ยังไม่เท่าคูเปอร์ของฉัน
เอ๊! ใบหน้าของเขานี่คุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนอยู่เหมือนกันนะ
“ชู่ววว” หมอนั่นเอามือปิดปากของฉันแล้วส่งเสียงเตือนว่าให้ฉันเงียบเอาไว้
“ไปไหนวะ” เสียงของคนขับรถแท็กซี่สบถอย่างหัวเสีย
“อยู่นี่ก่อนอย่าไปไหนเข้าใจไหม” นายหน้าหล่อนั่นบอกกับฉัน ส่วนฉันได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ ให้อยู่นี่แล้วเขาจะไปไหน
“ดีมาก” เขาพูดพลางเอามือมาลูบหัวฉันเบา ๆ ไม่ใช่แมวนะโว้ย
หลังจากที่นายนั่นพูดจบ เขาเดินออกไปหาคนขับแท็กซี่ แล้วพูดว่า
“มีอะไรหรือเปล่าครับ พอดีว่าผมเป็นลูกชายเจ้าของหอที่นี่ ผมต้องดูแลความปลอดภัยของผู้เช่าด้วย” ผู้ชายหน้าคุ้น ๆ คนนั้นพูดอย่างไม่ตื่นตระหนก
“เห็นผู้หญิงผมสีดำ ตัวเล็ก ๆ ผิวขาวมาทางนี้ไหม”
“ไม่เห็นนะครับ มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”
“ก็นางนั่นนั่งรถของผมมา แล้วชักดาบ ไม่จ่ายค่าแท็กซี่ แถมยังพูดจาหมาไม่รับประทานอีก อ้างว่าเป็นคนรวยกับอีแค่เงิน 40 บาท ไม่มีปัญญาจ่าย”
“แกนั่นแหละพูดจาหมาไม่รับประทาน” ฉันบ่นอุบอิบเบา ๆ อยู่มุมตึก
“อ๋อ ครับ 40 ใช่ไหม เดี๋ยวผมจ่ายให้ครับ ขอโทษด้วยนะครับ”
“เออ ๆ โอเค เสียเวลาจริง ๆ” คนขับรถแท็กซี่รับเงิน แล้วสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก จากนั้นเดินไปขึ้นรถแท็กซี่
บรืนนน…. เสียงเหยียบคันเร่งของรถลากยาวออกไป ดูท่าจะโมโหจริง ๆ
“ฟู่วววว” ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก บอกเลยว่าฉันไม่ขึ้นรถแท็กซี่อีกเด็ดขาด ดีนะไม่โดนมีดสับหัว
“ออกมาได้แล้ว เขาไปแล้วล่ะ” เสียงของผู้ชายที่ช่วยฉันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นิ่มนวล ทำให้ต้องชะโงกหน้าไปหานายนั่นแล้วส่งยิ้มเจื่อน ๆ ไปให้
“40 บาท เดี๋ยวฉันเอามาคืนนะ ตอนนี้ไม่มีเงินสด”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องคืนหรอกครับ…..คุณอยู่หอนี้เหรอ”
“อืม….ไม่เชิง แล้วนายเป็นใครอ่ะ” ฉันเลิกคิ้วถาม
“โห ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงลืมกันแล้วเหรอ ชั่วโมงก่อนก็ไม่ตอบผม แถมยังเมินกันอีก” เขาพูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
“ฉันไม่จำใคร นอกจากคูเปอร์หรอกนะ ว่าแต่นายคือใครล่ะ” ฉันพูดตามความจริง ยังนึกไม่ออกว่าไปรู้จักกันตอนไหน
“ผมเตไง คนที่ปลุกคุณที่หอประชุมปฐมนิเทศอ่ะ”
“อ๋อ ที่แท้ก็คือนาย ไอ้คนไร้มารยาทคนนั้น บังอาจมาปลุกคนกำลังนอนสบาย”
“เฮ้ย ๆ พูดให้มันดี ๆ หน่อยครับ ผมปลุกคุณเพราะกลัวว่าตื่นมาคุณจะไม่เจอใคร แล้วงงเป็นไก่ตาแตก”
ต้องขอบคุณมันไหมเนี่ย….เอ๊ะ! เมื่อกี้แอบได้ยินว่านายนั่นเป็นลูกชายเจ้าของตึกนี่นา พอดีเลยฉันว่าจะซื้อตึกเพื่ออยู่คนเดียว
“นายเป็นลูกชายเจ้าของตึกใช่ไหม” ฉันถาม
“ทีแบบนี้แล้วจำได้นะ” เตพูดเบา ๆ แต่ฉันได้ยินย่ะ
“ว่าไง!!!”
“ครับ ทำไมเหรอ”
“ขายไหม…”
“ถามอะไรของเธอครับเนี่ย”
“ฉันถามว่าขายไหม!!!”
“พูด…อะ…ไร ครับ ผมยังไม่ได้โตถึงขนาดจะขายตัวให้คุณนะ แต่ถ้าคุณอยากได้ ผม….ผมให้ฟรีได้นะ”
“-0-” คิดบ้าอะไรของมันเนี่ย ฉันอยากจะกรี๊ด
“คุณจริงจังไหม…” นายนั่นถามย้ำ
เพี๊ยะ!! ฝ่ามือพิฆาตของฉันฟาดไปที่ไหล่ของในนั่นสะเทือนไปจนถึงตับ
“โอ้ยยย ทำอะไรผมเนี่ย” เตร้องโอดโอย
“ตีไง เผื่อสมองจะได้คิดอะไรที่สร้างสรรค์ขึ้นมาบ้าง ไอ้บ้าเอ้ย นายคิดว่าคนอย่างฉันจะลดตัวไปขอซื้อบริการนายหรือไง คิดบ้างสิ ที่ฉันถามว่าขายไหม นั่นคือถามว่า ตึกนี้นายขายไหมต่างหาก ไอ้ซื่อบื้อ!!!”
ฉันร่ายยาว พูดจนลืมเว้นช่วงการหายใจไปชั่วขณะ เนื่องจากโมโห ส่วนนายนั่นน่าจะช็อคไปแล้ว นิ่งเชียว
เพียงชั่วพริบตา เตก็ยกมือขึ้นมาเอาท้ายทอยเพื่อแก้เขิน จากนั้นพูดว่า
“คือ ผมไม่รู้ว่าตึกนี้ขายหรือเปล่า ลองไปคุยกับแม่ผมดู”
“แม่นายอยู่ไหนล่ะ”
“เดี๋ยวก็มา รออีกสักพัก เห็นบอกว่าไปทำสัญญาเช่าอีกตึกหนึ่งอยู่”
“อืม….” ฉันตอบเพียงสั้น ๆ จากนั้นหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้แถวยาว บริเวณหน้าหอ โดยที่มีนายเตมานั่งด้านข้าง ห่างประมาณ 1 วา
“ว่าแต่เธอชื่ออะไรนะ ยังไม่ได้บอกผมเลย”
ฉันเหลือบตามองเขาเพียงแวบนึง แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความรำคาญเล็กน้อย พร้อมกับพูดว่า
“เบลล์”
“อืม ชื่อเพราะดีนี่ ผมชอบ”
“ชอบกับผีน่ะสิ” ฉันพึมพำ
“คุณจะแรงไปไหนเนี่ย ผมแค่อยากรู้จักคุณเท่านั้น คุณเกลียดอะไรผมหรือเปล่า ทำไมถึงตั้งตัวไม่ชอบผมตั้งแต่แรก”
“ฉันไม่ได้อยากรู้จักนาย ไม่อยากรู้จักใครเพิ่ม ฉันอยากอยู่แต่กับ…”
“คูเปอร์” เขาพูดแทรกฉัน
“อืม”
“ผู้ชายที่หนีคุณไม่มาส่งที่หอ แล้วไปกินข้าวกับผู้หญิงอ่ะนะ”
“ใช่…เอ๊ะ นี่นายแอบดูฉันคุยกันเหรอ”
“ไม่ได้แอบครับ บังเอิญมันเห็นพอดี นั่นที่สาธารณะครับคุณ ว่าแต่คุณไปติดใจอะไรมันนักหนา ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะดูเป็นคนดีสักเท่าไหร่ มีแค่หน้าตาดีเท่านั้น อีกอย่างนายนั่นดูไม่ชอบคุณด้วย”
“อย่ามาว่าคูเปอร์ของฉันนะ นายเงียบไปเลย” ฉันพูดเสียงเข้ม พร้อมกับยื่นมือออกไป ทำท่ารูดซิปปาก ไม่ให้เตพูด
ผ่านไปไม่นาน
ผู้เป็นเจ้าของตึกก็มาประจำการอยู่บริเวณด้านล่าง ฉันรีบลุกขึ้น ปัดเนื้อปัดตัว จัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบ จากนั้นสาวเท้าเข้าไปหาผู้เป็นแม่ของเต
“สวัสดีค่ะ ฉันมีเรื่องจะสอบถาม”
“จ้ะ มีอะไรอย่างนั้นเหรอ” เสียงหญิงวัย 45 ปี เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้า เธอมองหน้าฉันแล้วขยับแว่นยกขึ้นหนึ่งครั้ง
“ฉันจะซื้อตึกนี้ค่ะ”
“ห้ะ!!! ว่าไงนะ”
“ตึกนี้ราคาเท่าไหร่คะ” ฉันถามอีกครั้ง
ผู้เป็นแม่ของเต ถอนหายใจออกมา จากนั้นถามอย่างใจเย็นว่า
“แล้วหนูจะซื้อตึกนี้ไปทำอะไรจ้ะ”
“เพื่ออยู่คนเดียวค่ะ”
“จากนั้นล่ะ” เธอถามอีกรอบ
“ซื้อเสร็จก็ไล่คนที่อยู่ตึกนี้ออกให้หมดค่ะ เพราะฉันอยากอยู่คนเดียว”
“อืม ถ้าอย่างนั้น….” เขาพูดพร้อมกับเว้นจังหวะในการพูดเอาไว้ ฉันจึงใช้โอกาสพูดแทรกขึ้นมา
“เท่าไหร่คะ ฉันยินดีจ่ายค่ะ” ฉันเร่งเร้า
“ไม่ขายจ้ะ”
“ทำไมคะ…”
“ไม่ขายไงจ้ะ”
“ไม่ขายต้องมีเหตุผลสิคะ….เอาอย่างนี้ดีไหมคะ ถ้าไม่ขายทั้งตึกก็ขายให้ฉันทั้งชั้น แล้วไล่คนพวกนั้นออกให้หมด”
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ขาย…”
“อืม ถ้าไม่ให้ฉันซื้อ ก็ให้ฉันเช่าอยู่คนเดียว ไล่รูมเมทออกไป ได้ไหมคะ”
กรอด!!! เหมือนได้ยินเสียงกัดฟันดังกรอด ๆ จากผู้หญิงตรงหน้า
“นังเด็กนี่ ฉันบอกฉันไม่ขายไง เธอคิดว่าเป็นใครกันห๊า!!! เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงไม่อยากรับเด็กรวย ๆ เข้ามาอยู่ในหอ มันมักจะมีปัญหาตามมาภายหลังตลอด” เสียงป้าแกด่าอย่างเดือดดาล
ยัยป้านี่เป็นอะไรอ่ะ!!!
“มานี่เลย ฉันจะดัดนิสัยเด็กอย่างเธอ นิสัยใช้เงินแก้ปัญหาแบบนี้ ฉันล่ะถนัดนัก ต้องมาเจอฉันหน่อย” ผู้เป็นแม่ของเต ถอดแว่น ออกวางไว้บนเต๊ะแล้วหยิบไม้หน้าสามตรงดิ่งมาทางฉัน
-[]- ฉันเผลอไปแหย่อะไรเข้าเนี่ย กรี๊ดดดด เผ่นสิคะรออะไร ฮือ จบแล้วการที่จะซื้อตึกเพื่ออยู่คนเดียว
ผ่านไปสักพัก หลังจากที่วิ่งหนีคุณป้าอย่างเหนื่อยหอบ
“คุกเข่า!!!” คุณป้าเสียงเข้ม ออกคำสั่งให้ฉันคุกเข่าอยู่ต่อหน้าห้องพระ ฉันศาสนาคริสต์นะป้า!!!
ฮึก !! แต่ฉันต้องทำตาม ไม่งั้นโดนตีหัวแบะแน่ ๆทำไมชีวิตสุขสบายเหมือนเจ้าหญิงต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย พอมาอยู่มหาวิทยาลัย ก็ไร้อำนาจเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง
“เธอชื่ออะไร!!”
“ชื่อเบลล์ เบลนิต้า ไพศาลจิรสกุล!!!”
ปึก!!! เสียงป้าเคาะไม้ในมือ ทำเอาฉันหลับตาปี๋สะดุ้งโหยง
“หางเสียงไปไหน พูดใหม่”
“ชื่อเบลล์...ฮึก…เบลนิต้า ไพศาลจิรสกุลค่ะ” ฮืออออ จะร้องไห้
“ยังอยากซื้อตึกอยู่ไหม”
“มะ…ไม่ค่ะ”
“นับต่อจากนี้จะอาศัยอยู่อย่างสงบไม่ก่อเรื่องใช่ไหม”
“ไม่…”
“หือ” ป้าแกถลึงตาใส่อีกครั้ง
“ไม่ก่อเรื่องค่ะ” ฉันตอบรับอย่างจำยอม ฮือ โลกภายนอกมันโหดร้ายชะมัด คนพวกนี้มาเฟียชัด ๆ
“ฉันจดชื่อเธอไว้ในบัญชีดำละ หากทำผิด มีเรื่องในหอ จะถูกไล่ออกทันที เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ” ฉันตอบเสียงแผ่วเบา
“พูดให้ดัง ๆ” เจ้าของตึกออกคำสั่งเสียงดัง ตอนเป็นสาวป้าเคยเป็นหัวหน้าทหารไหมนะ โหดจัง
“เข้าใจค่ะ!!!”
“เอาล่ะ ไปห้องของเธอ เดี๋ยวฉันให้ลูกชายของฉันพาไป”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้าหงึก ๆ ยื่นมือรับกุญแจมา จากนั้นเดินขึ้นลิฟต์ตามนายเตไป