“ อย่าวุ่นวาย อย่าจุ้นจ้าน อย่าเพ่นพ่าน คุณรามท่านเป็นคนเงียบ ๆ สุขุม ชอบความสงบ ถ้าแกอยากมีที่ซุกหัวนอนก็จงรู้จักสงบเสงี่ยมและอยู่ในที่ของตัวเอง วุ้นหวาน ”
นี่คือคำสั่งของป้าจันดีผู้เข้มงวด ผู้เป็นป้าของวุ้นหวาน พี่สาวของแม่ที่เป็นญาติคนสุดท้ายที่เธอจะพึ่งพาได้หลังจากแม่เสียไปด้วยโรคมะเร็งมดลูก ส่วนพ่อนั้นไม่ต้องพูดถึง เธอไม่เคยเห็นเขาตั้งแต่จำความได้ มีแต่ชาวบ้านร้านตลาดที่เขา ร่ำลือกันให้เข้าหูว่าแม่ของเธอท้องไม่มีพ่อตอนที่ไปเรียนในเมือง ดังนั้นป่วยการที่จะไปคาดคั้นว่าพ่อเป็นใครเพราะมันคงเป็นความทรงจำที่ไม่ดีเท่าไรนักแม่จึงไม่เคยปริปากเล่าถึงเรื่องพ่อให้เธอฟัง แต่แม่ก็เลี้ยงเธอมาอย่างดีเท่าที่แม่ค้าขายขนมหวานในตลาดจะทำได้
ป้าจันดีนั้นอายุห่างกับแม่ของเธอถึงสิบห้าปี และป้าได้เสียสละที่จะไม่ได้เรียนหนังสือเพื่อไปทำงานเป็นคนรับใช้ในบ้านของเศรษฐีท่านหนึ่งแล้วส่งเงินมาให้น้องสาวคนเดียวของป้าก็คือแม่ของวุ้นหวานได้ร่ำเรียน ดังนั้นป้าจึงผิดหวังมากที่แม่ตั้งท้องขณะกำลังเรียนอยู่
ปกติแล้วป้าจะกลับไปเยี่ยมบ้านทุกปี แต่หลังจากที่ยายเสียไปเมื่อห้าปีก่อน วุ้นหวานก็ไม่เคยเห็นหน้าป้าอีกเลย แม่บอกว่าป้าว่าคงจะโกรธแม่มากแต่ก็ยังโอนเงินเข้าบัญชีของแม่ทุกปีคราวละหนึ่งหมื่นบาททุกปี วุ้นหวานคิดว่าป้าก็คงรักและห่วงแม่กับเธอ แต่เพราะทิฐิจึงไม่อยากมาพบหน้า
ป้าจันดีเป็นคนเข้มงวด แต่ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยและคำพูดดุดันนั้น วุ้นหวานรู้ดีว่าท่านคงจะเป็นห่วงด้วยเธอก็กำลังแตกเนื้อสาว พึ่งจะจบมัธยมศึกษาปีที่หกด้วยวัยสิบแปดขวบปีที่กำลังสาวสะพรั่ง หลังจากงานศพแม่ ป้าก็สั่งให้เธอเก็บกระเป๋าเพื่อไปอยู่กับป้าที่บ้านของเจ้านายในเมืองหลวงด้วย
แม้จะไม่อยากไป แต่วุ้นหวานจะทำอย่างไรได้ บ้านที่เธออยู่กับแม่นั้นก็เป็นบ้านเช่า อีกทั้งพอแม่จากไปเธอก็ต้อง อยู่เพียงลำพังจะหาความปลอดภัยที่ไหนได้ ตัวเธอเองนับได้ว่าเป็นเด็กสาวที่หน้าตาสะสวยและอวบอัด ผู้ชายในหมู่บ้านที่เธออยู่แม้จะบ้านนอกคอกนาแต่ก็มีทั้งขี้ยาและขี้เมา มักจะจ้องมองเธอด้วยสายตาหื่นกามเสมอ อยู่ที่นั่นไม่ปลอดภัยแน่นอน
“ วุ้นจะทำตัวดี ๆ จ้ะ ป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ สัญญาว่าจะไม่ทำให้ป้าต้องเดือดร้อน ”
เด็กสาวพนมมือขึ้นกระพุ่มไหว้และจ้องมองมาด้วยสายตาใสซื่อ แววตาแข็ง ๆ ของป้าจันดีจึงอ่อนแสงลงบ้าง
“ เออ คิดได้อย่างนั้นก็ดี แล้วคิดหาว่าจะทำยังไงต่อไป จบมอหกแล้วไม่ใช่รึ ”
“ วุ้นอยากจะเรียนต่อจ้ะป้า ”
“ เฮ้ย ๆ แกอย่ามาคิดนะว่าฉันจะมีปัญญาส่งแกเรียนต่อหมาลัยน่ะ ”
“ มหาวิทยาลัยจ้ะป้า ” วุ้นหวานแก้ให้
“ จะอะไรก็ช่างเถอะ ฉันจะเรียกของฉันแบบนี้ เพราะลำพังเงินเดือนคนใช้ของฉันมันก็แค่พอยาไส้ ฉันไม่มีลูกเต้า ก็ต้องเก็บหอมรอมริบเอาไว้เมื่อแก่เฒ่าเผื่อจะเจ็บป่วย ”
นางจันดีบอกแบบนี้ทั้งที่เงินเก็บของนางก็เหลือเฟือ ลึก ๆ ในใจนั้นนางก็อยากให้หลานสาวมีความรู้เพื่อนำไปประกอบอาชีพดี ๆ จะได้สุขสบาย แต่อีกใจก็ไม่อยากให้หลานสาวออกไปเรียนด้วยว่ากลัวจะซ้ำรอยน้องสาว ผู้เป็นแม่ของวุ้นหวานนั่นเอง
“ วุ้นรู้ดีจ้ะ ตอนนี้ก็กำลังหาวิธีที่จะหาเงินส่งตัวเองเรียน วุ้นเขียนนิยายขายอยู่ในเว็บไซต์ก็พอได้อยู่เดือนละ สองสามพันและจะเก็บไว้สมัครเรียนมหาวิทยาลัยเปิด ”
ป้านิ่งไปนานก่อนตอบกลับมา
“ ตามใจ แต่ถ้าจะไปนอนข้างนอกป้าไม่อนุญาต มาอยู่กับป้าก็ต้องเชื่อฟังป้า ”
“ จ้ะป้า วุ้นไม่ไปอยู่ที่อื่นหรอก มหาวิทยาลัยเปิดก็แค่อ่านหนังสืออยู่ที่บ้านแล้วไปสอบเท่านั้นจ้ะ ป้าไม่ต้องห่วง ” ผู้เป็นหลานสาวตอบ
ถึงแม้จะเกิดมาท่ามกลางความขาดแคลนแต่วุ้นหวานก็เป็นเด็กดีและตั้งใจเรียน ไม่ได้เก่งมากมายแต่จัดได้ว่าเรียนดีไม่เคยนอกลู่นอกทาง
เธอเติบโตประสาเด็กสาววัยรุ่นและมีความรักโดยคบหากับกานต์ เด็กหนุ่มอายุเท่ากันในโรงเรียนเดียวกัน เขาเป็นเด็กที่ทั้งเรียนดีและกิจกรรมเด่น เป็นประธานนักเรียน กานต์เกิดมาในครอบครัวข้าราชการที่พ่อเป็นนายอำเภอแม่เป็นครู เขาเข้ามาจีบวุ้นหวานและคบหากันโดยไม่สนความแตกต่างของทั้งคู่
แต่ทางเดินก็เหมือนจะเป็นเส้นขนานเมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก กานต์สอบติดคณะนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยที่ตนต้องการ ขณะที่วุ้นหวานเองไม่มีปัญญาที่จะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยเพราะปัญหาทางด้านการเงิน กระนั้นกานต์ก็ยังยืนยันว่าเขารักเธอและยังคงติดต่อกันทางโทรศัพท์เสมอ
ป้าจันดีให้เธอนอนในห้องด้วยโดยใช้ที่นอนปิกนิกสามฟุตครึ่งปูอีกมุมของห้อง เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับวุ้นหวาน ชีวิตของเธอผจญกับความลำบากมามากจนเห็นมันเป็นเรื่องปกติ เอาเข้าจริงการอยู่ที่นี่มันสะดวกสบายกว่าอยู่ที่ห้องเช่าในสลัมของเธอกับแม่เป็นไหน ๆ เรือนพักสำหรับคนรับใช้ก็ถูกสร้างเป็นห้องแถว แต่ละห้องกว้างถึงแปดคูณสี่เมตรแถมยังมีระเบียงหลังให้ซักตากผ้า มีห้องน้ำเล็ก ๆ ด้านในให้เสร็จสรรพ ข้าวปลาอาหารก็ครบพร้อมอาหารสามมื้อพร้อมทั้งของหวานผลไม้
ที่นั่นมีคนรับใช้สี่คน มีป้าจันดีและพี่ผู้หญิงอีกคนชื่อพลอย รับผิดชอบเรื่องทำความสะอาดบ้าน ป้าสมรเป็นแม่ครัว คนสุดท้ายคือลุงดำ สามีของป้าสมรที่ทำหน้าที่เป็นทั้งคนสวนและคนขับรถให้กับเจ้าของบ้านที่ทุกคนต่างก็เรียกท่านว่า คุณราม แต่ท่านมักจะขับเองเสียเป็นส่วนใหญ่
วุ้นหวานมาอยู่ที่บ้านหลังโตเบ้อเริ่มและสวยงามเหลือเกินอย่างกับที่เคยเห็นในละคร เธอมาอยู่ที่นี่ได้ร่วมสัปดาห์แล้วแต่ก็ยังไม่เคยพบคุณรามเลยสักครั้ง ได้ฟังประวัติของเขาคร่าว ๆ ก็เพียงจากป้าสมรแม่ครัวยามที่เธอเข้าไปช่วยทำกับข้าว นางชอบใจที่สาวรุ่นอย่างวุ้นหวานที่รู้จักประสา ช่วยจับโน่นหยิบนี่ขยันขันแข็ง ทำกับข้าวและขนมเก่ง โดยเฉพาะขนมหวานที่เป็นขนมไทย ๆ ด้วยว่าแม่ของเธอนั้นเป็นแม่ค้าขนมหวาน เธอจึงได้ตำรับนั้นมาโดยปริยายเพราะช่วยแม่อยู่เสมอ
ป้าสมรจึงมักจะเล่าโน่นเล่านี่ให้วุ้นหวานได้ฟังเสมอ