ยิ่งรู้จักยิ่ง....

1227 Words
“ทำไมยังไม่กลับ” ประตูร้านคาเฟถูกเปิดออกโดยฝีมือของชุน ร่างสูงโปร่งในชุดนักเรียนกางเกงขาสั้นสีกรม ตามแบบฉบับนักเรียนมัธยมปลาย ดูผิวเผินเหมือนเด็กมัธยมทั่วไปในชุดนักเรียนแต่ที่ไม่ธรรมดา คือความหล่อเหลาของชายหนุ่มที่สะดุดตาผู้คนที่พบเห็นเขา “รอชุนไง” “ทำไมไม่รีบกลับบ้าน” “อยากไปเล่นกับเสือหมอบ” “ดื้อ” “ไม่ได้ดื้อสักหน่อย สรุปให้ไปมั้ย” “รอนานขนาดนี้ ปฏิเสธก็คงเสียใจ” วันนี้ชุนมีทำพาร์ตไทม์แค่ที่คาเฟไม่ได้มีที่อื่นต่อจากนี้ ทำให้เขาตอบตกลงหญิงสาวอย่างว่าง่าย เพียงแค่เห็นดวงตากลมโตที่ออดอ้อนเหมือนลูกแมวคู่นั้น “ใช่มั้ยล่ะ ถ้าแบบงั้นเราไปหาเสือหมอบกันเถอะ” น้ำเสียงดีใจของพิพิมดังขึ้น เมื่อเห็นชุนพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต มือหนาจับแขนเล็กดึงเข้าหาตัว ร่างบางเซเข้าปะทะแผ่นอกหนาของชุน ชายหนุ่มโอบร่างบางเอาไว้ เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ที่กำลังวิ่งบนทางเท้าเหมือนกำลังจะชนพิพิม “ระวังรถ” เพราะความดีใจเป็นเหตุ ทำให้ร่างบางไม่ทันสังเกตรอบข้าง “ตกใจหมด แต่นี่มันทางเท้านะ” “ปกติ” เป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าหากจะมีมอเตอร์ไซค์บางคันที่ฝ่าฝืนกฎจารจรวิ่งบนทางเท้าโดยไม่สนใจผู้คนที่เดินอยู่ “แย่จริง ๆ อันตรายนะแบบนี้อะ” “ไม่เคยเจอ” “ก็ไม่เคยน่ะสิ นิสัยแย่มาก” “งั้นหลังจากนี้ ก็เดินระวังหน่อย” “รับทราบค่ะ” ร่างบางทำท่าตะเบ๊ะเหมือนตำรวจที่กำลังรับคำสั่งนาย รอยยิ้มและน้ำเสียงทะเล้นของพิพิม ทำให้ชายหนุ่มเผลอยิ้มกว้างจนเผยฟันขาวออกมาให้พิพิมได้เห็น “ชุน นี่นายยิ้มเหรอ” ใบหน้าสวยตกใจไม่น้อย เมื่อเห็นยิ้มมีเสน่ห์ของชุน นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นรอยยิ้มที่มาจากข้างในใจของเขา เพราะปกติชุนเป็นคนนิ่งและเงียบ แถมยังไม่ชอบเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองให้ใครได้รู้ รวมไปถึงเรื่องราวในชีวิตของเขาด้วย “เปล่า” ชุนรีบหุบยิ้มลงทันที เมื่อเห็นใบหน้าช็อกของพิพิมที่ยืนมองใบหน้าเขาด้วยความตะลึงใจ “ชุนรู้ตัวมั้ย ชุนยิ้มแบบนี้แล้ว ชุนหล่อมาก ยิ้มบ่อย ๆ นะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มแฉ่ง เธอเอ่ยชมชุนจากใจจริง รอยยิ้มของชายหนุ่มที่ดูมีความสุขมันทำให้ชุนดูมีเสน่ห์หรือหล่อเหลามากขึ้นเป็นเท่าตัว “ไร้สาระ” ใบหน้าคมคายเห่อร้อน ใบหูเริ่มขึ้นสีจางด้วยความเก้อเขินเมื่อถูกพิพิมเอ่ยชม ซึ่งเขาเองก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมตัวเขาเองถึงหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเอง “พิมพูดจริง ๆ นะ ยิ้มให้พิมดูอีกครั้งได้มั้ย นะ นะ” พิพิมพยายามคะยั้นคะยอให้ชุนยิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มของเขาช่างติดตาตรึงใจเธอไม่หาย และก็แอบแปลกใจที่ชายหนุ่มไม่ค่อยยิ้มสักเท่าไรนัก “หยุดเล่น เดินดูทางด้วย” ชุนใช้มือจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของพิพิมให้หันไปดูทางเดินข้างหน้า เขาและเธอเดินไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดบริเวณป้ายรถเมล์สาธารณะ ชุนเดินไปหย่อนก้นลงเก้าอี้ตัวยาวโดยปล่อยให้พิพิมยืนงุนงง เพื่อรอคำตอบจากเขา “ปกติชุนขึ้นรถเมล์กลับเหรอ แต่ที่นี่กับสวนสาธารณะไม่ไกลกันเท่าไรนี่นา” “เปล่า แค่อยากนั่ง” คำตอบกวนประสาทของชุน เริ่มทำให้พิพิมโวยวายขึ้นมา เพราะเธออยากเจอเสือหมอบหนูน้อยลูกชายที่ไม่ได้เจอกันสองวันเต็ม ๆ “พิมว่าเรารีบเดินเถอะ พิมคิดถึงเสือหมอบจะแย่อยู่แล้ว” พิพิมดึงแขนแกร่งของชุนให้ลุกขึ้นเดินแต่ด้วยแรงอันน้อยนิดของเธอไม่สามารถทำให้ร่างสูงโปร่งที่นั่งมองการกระทำของหญิงสาวเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย “เสือหมอบโลกส่วนตัวสูง” จริง ๆ เสือหมอบเป็นแมวที่โลกส่วนตัวสูงมาก ชอบอยู่คนเดียวเป็นชีวิตจิตใจ นิสัยของเสือหมอบเหมือนเขาไม่มีผิด ถ้าหากไม่มีใครต้องการ เขาก็ไม่จำเป็นต้องการใครเหมือนกัน “แต่ทุกครั้ง เสือหมอบก็เล่นกับพิมนี่” หัวคิ้วพิพิมขมวดกันเป็นปมด้วยความสงสัย ปกติเสือหมอบก็เล่นกับเธอตลอด ถึงแม้บางครั้งจะนอนหลับอยู่ข้าง ๆ ก็ตาม “เธอไปกวนมันน่ะสิ มันเลยจำใจเล่นกับเธอ” “โห!! พิมพึ่งรู้นะว่า ชุนเป็นผู้ชายปากคอเราะรายแบบนี้” พิพิมมองค้อนชุนด้วยความ ขัดใจ “รู้เอาไว้ด้วย” “เจ้าค่ะ จะจำฝังสมองเลย” เสียงหวานเอ่ยประชดประชันชุนที่ยืนมองเธออยู่ ร่างบาง ถอนสายบัวให้กับเขาไปหนึ่งครั้ง เรียกรอยยิ้มมุมปากจากชุนได้เป็นอย่างดี “ชุนทานข้าวเย็นรึยัง” “ยัง” “หาอะไรกินก่อนมั้ย” “ไหนบอกรีบไปหาเสือหมอบ” “ก็รีบ แต่ว่าการเลี้ยงกับแมวต้องมีเอ็นเนอร์จีและใช้พลังเยอะ ถ้าหากพิมไม่มีแรง เสือหมอบคงไม่เข้าใกล้” พิพิมร่ายยาวหาข้ออ้างที่ทำให้ตัวเองไม่ดูเป็นผู้หญิงหิวโหยอาหารอยู่ตลอดเวลา “บอกว่าหิวก็จบ” ชุนถึงกับส่ายหัวเบา ๆ เอือมระอากับข้อแก้ตัวของพิพิมไม่น้อย ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนนิสัยแบบนี้เลยจริง ๆ หรือว่าชีวิตนี้เขาไม่เคยสุงสิงกับผู้หญิงกันนะ “หิว หิวมากตอนนี้ แนะนำร้านที่ชุนชอบกินหน่อยสิ” เมื่อถูกจับได้ พิพิมจึงยอมรับสารภาพว่าตัวเองนั้นหิว มือเล็กลูบหน้าท้องแบนราบของตัวเองเป็นเครื่องยืนยันอีกแรง “ร้านข้างทาง กินได้เหรอ” ชุนเลิกหางคิ้วถามพิพิมที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา ชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่าพิพิมไม่เคยทานอาหารข้างทางอย่างที่เขาทานเป็นประจำ “ได้สิ ขอแค่มีชุนกินด้วยกันก็พอ” กึก!! ร่างสูงชะงักไปเล็กน้อย หัวใจแกร่งเต้นแรงระส่ำทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอเริ่มทำงานหนักมากกว่าเดิม เพียงแค่ได้ยินประโยคคำพูดของพิพิมที่เล็ดลอดออกมาจากปากของเธอ “...” ไร้เสียงตอบรับจากชุน เพียงแค่เห็นใบหน้านิ่งประกายสายตาเลิ่กลั่กออกมา เริ่มทำให้พิพิมมีสติกับประโยคที่ตัวเองเผลอพูดออกไป “เอ่อ คือว่า พิมหมายถึงมีเพื่อนกินข้าวด้วย ต้องอร่อยอยู่แล้ว” เพราะเกรงว่า ชายหนุ่มจะเข้าใจเธอผิดไปมากกว่านี้ ร่างบางจึงรีบเอ่ยแก้ตัวด้วยใบหน้าเงอะงะตามแบบฉบับของเธอ ร่างสูงโปร่งยันตัวลุกจากเก้าอี้ยาว ยันตัวยืนขึ้นตรงหน้าหญิงสาวที่มีส่วนสูงเพียงแค่คางของเขาเท่านั้น “อยากให้เป็นแค่เพื่อนทานข้าวจริง ๆ เหรอ” ก่อนจะเอ่ยประโยคกำกวมของตัวเองออกมา ให้หญิงสาวตรงหน้าได้ใช้สมองและหัวใจทำงาน พร้อมกับสาวเท้าเดินไปด้านหน้า โดยปล่อยพิพิมยืนครุ่นคิดกับประโยคของเขา “ชุน เดี๋ยวก่อน ประโยคที่พูดเมื่อกี้มีความหมายมั้ย” พิพิมเอียงหน้ายืนนิ่งครุ่นคิดกับประโยคของชุนที่พึ่งเอ่ยออกมา และเมื่อได้สติ พิพิมจึงตะโกนถามชุนด้วยความอยากรู้ว่าประโยคที่ชุนเอ่ยออกมามีความหมายรึเปล่า?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD