บรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยเสียงเครื่องยนต์แล่นไปมา กับแสงไฟนีออนที่ส่องสว่างตลอดทางเดิน ชุนและพิพิมเดินจากป้ายรถเมล์มาได้ไม่ไกลก็พบเข้ากับร้านอาหารเล็ก ๆ ริมทางที่มีโต๊ะตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ
“ร้านนี้เหรอ” ดวงตากลมโตจ้องเข้าไปภายในร้านอาหารขนาดเล็กด้วยคำถามมากมายที่อยู่ในหัว ปกติเคยนั่งรถผ่าน แต่ไม่เคยได้ลิ้มลองเลยสักครั้ง
“กินได้มั้ย” ใบหน้าหล่อเหลาของชุนเริ่มเป็นห่วงพิพิม ชายหนุ่มกลัวว่าหญิงสาวจะอึดอัดกับสถานที่ที่ไม่ใช่ของตัวเอง
“ได้อยู่แล้ว สบายมาก” ร่างบางเดินไปนั่งที่โต๊ะ คงไม่ยากอะไรหากเธอจะลองเปิดใจ ทำสิ่งใหม่ ๆ ทานอาหารร้านใหม่ และลองสิ่งใหม่ ๆ ไปพร้อมกับชุน
“อยากทานอะไร ร้านนี้อร่อยทุกอย่าง” เมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มปรับตัวได้ ชุนจึงแนะนำร้านประจำของเขาให้เธอทันที
“อยากกินผัดไทยกุ้งสด” พิพิมเป็นผู้หญิงที่คิดอะไร อยากทำอะไร เธอจะพูดออกมา สร้างความพึงพอใจให้กับชายหนุ่มไม่น้อย เพราะเขาไม่ต้องมานั่งเดาใจของผู้หญิงคนนี้เลยสักครั้ง
“นั่งรออยู่ตรงนี้นะ”
ชุนเดินไปสั่งอาหารได้ไม่นานก็กลับมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพิพิม รอไม่นานอาหารที่สั่งถูกเสิร์ฟโดยมือของป้าเจ้าของร้าน
“อ้าว!! พ่อหนุ่มรูปหล่อ วันนี้พาแฟนมาด้วยเหรอ” ประโยคเอ่ยทักทายของป้าเจ้าของร้าน ทำให้ชุนและพิพิมหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย
“เอ่อ คือ” ชุนพยายามจะเอ่ยปฏิเสธป้าเจ้าของร้านอาหาร แต่กลับถูกพูดแทรกขึ้นมา โดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้อธิบายเลยสักนิด
“แฟนสวยด้วยนะเรา เหมาะสมกันดี ป้าชอบ”
“คือว่าไม่”
“หนูสวยจริงเหรอคะ” เมื่อเห็นว่าปฏิเสธไปก็ไม่เป็นผล แถมป้าเจ้าของร้านพูดจาเข้าหูพิพิม ทำให้เธอไม่อาจหักหาญน้ำใจของป้าได้จึงเออออตามน้ำไป เพราะกลัวป้าจะหน้าแตกที่พูดออกมา
“สวยเหมือนนางฟ้าเลยลูก” ประโยคคำชมอวยพิพิมจนหญิงสาวยิ้มแก้มแทบปริบ เพราะไม่เคยมีใครชมเธอได้โอเวอร์ขนาดนี้มาก่อนด้วยซ้ำ
“แหม!! ป้าก็ชมหนูเกินไปค่ะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มเสแสร้างแกล้งเขินอายต่อหน้าทุกคน เมื่อถูกชมแทบลอยขึ้นอากาศ
“ไม่เชื่อถามแฟนหนูดูสิ แฟนหนูลูกค้าประจำร้านป้าเลยนะ” ป้าเจ้าของร้านเชิดหน้าตัวเองไปทางชุนที่นั่งนิ่งฟังบทสนทนาของสองสาวต่างวัยด้วยใบหน้าเอือมระอากับคำเยินยอ
“จริงมั้ยชุน” พิพิมเอ่ยถามชุนตามคำแนะนำของป้าเจ้าของร้าน แต่คำตอบที่ได้ กลับทำให้ร่างบางเบือนหน้าหนีแสร้งหลบตาอย่างเขิน ๆ
“สวยครับ” เสียงทุ้มตอบกลับคำถามของพิพิมจากใจจริง พิพิมเป็นผู้หญิงที่สวยมาก มองยังไงก็ไม่เคยเบื่อ ยิ่งความเปิ่นของเธอ ยิ่งทำให้เธอมีเสน่ห์เพิ่มมากขึ้นเท่าตัว
“เสือหมอบ วันนี้เหงามั้ยลูก” เสียงหวานของพิพิมเอ่ยเรียกชื่อของเสือหมอบลูกชายที่เธอสถาปนาตัวเองเป็นแม่ของมัน แมวเหมียวตัวอ้วนกำลังนอนหลับตาพริ้ม ๆ อยู่บนตักของพิพิมที่กำลังเกาคางให้ท่าทางสบาย
“รบกวนชุนแย่เลย ต้องเดินเข้าไปเอาเสือหมอบในบ้าน พาออกมาหาพิมข้างนอกอีก”
“ไม่เป็นไร ถือว่าพาเสือหมอบมาเดินเล่น” ปกติเสือหมอบไม่ค่อยออกมาข้างนอกเท่าไรนัก
ข้อนี้เขาก็ไม่แน่ใจ แต่วันนั้นคงเป็นเรื่องบังเอิญที่เสือหมอบอยากออกจากบ้าน จนทำให้เขาและเสือหมอบเจอกับพิพิมในวันนั้น
“ขอบคุณนะ”
“ถ้าอยากเล่นกับเสือหมอบบ่อย ๆ ก็แวะมาเล่นที่บ้านสิ” เมื่อเห็นพิพิมมีความสุขที่ได้เห็นเสือหมอบ ทำให้ชุนตัดสินใจเอ่ยบอกกับพิพิมให้เข้าไปในบ้านที่เขาหวงยิ่งกว่าอะไรดี ยอมเปิดบ้านให้เธอไปเล่นกับเสือหมอบ
“ฮะ!!” พิพิมลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ใบหน้าจิ้มลิ้มอุทานด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินผู้ชายเชื้อเชิญตัวเองเข้าบ้านของเขา
“ก็เห็นอยากเล่นบ่อย ๆ ปกติไม่ค่อยว่างเท่าไร” เพราะกลัวว่าเธอจะคิดมาก กลัวว่าเธอจะไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีก จึงทำให้ชุนรีบอธิบายเจตนาของตัวเองให้พิพิมได้ทราบทันที
“ชุนทำงานพาร์ตไทม์สินะ”
“ใช่ ปกติก็ทำหลายงานอยู่ แต่วันนี้เป็นวันพักน่ะ” จริง ๆ เขาทำงานหนักมากในทุกวัน หลังเลิกเรียนจึงไม่ค่อยมีเวลาเท่าไรนัก แต่ดีที่เสือหมอบเป็นแมวที่โลกส่วนตัวสูงจนอยู่คนเดียวได้ เพียงแค่เทอาหารและน้ำทิ้งไว้ก็พอ
“ทำไมต้องทำเยอะ” พิพิมเอ่ยคำถามที่เธอไม่เข้าใจมาก่อน ชุนเองเป็นเพียงแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งก็ควรจะมีเวลาเที่ยวเล่นเหมือนคนอื่นเขาบ้าง แต่เมื่อได้คำตอบจากชายหนุ่ม ก็ทำให้เธอได้เข้าใจ
“หาเลี้ยงตัวเอง มีภาระหนี้ที่ต้องจ่ายด้วย” ชุนเริ่มเปิดใจพูดเรื่องส่วนตัวของเขาให้กับพิพิมได้ทราบ อย่างน้อยเธอจะได้ไม่งอแงขอเล่นกับเสือหมอบทั้งที่เขาแทบไม่มีเวลาเพราะต้องทำงาน
“เหนื่อยมั้ย” คำถามแรกในรอบหลายเดือนที่เขาได้ยิน พิพิมคงเป็นผู้หญิงคนที่สองที่ถามประโยคนี้กับเขา ซึ่งมันทำให้เขาอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก นอกจากแม่ของเขาที่มักจะถามคำถามนี้ก็มีพิพิมที่เอ่ยถามเช่นกัน
“อืม” ร่างสูงเริ่มสะอึกในอก พยายามกักเก็บความรู้สึกอ่อนแอของตัวเองเอาไว้ให้ลึกที่สุดของหัวใจ แสดงด้านเข้มแข็งของตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุดในเวลานี้
เวลาที่ถูกคนคนหนึ่งตั้งคำถามง่าย ๆ แต่ใครหลายคนเลือกจะไม่ถาม หัวใจแกร่งมักจะอ่อนแอลงเหมือนต้องการที่พึ่งพิง
“ไหวรึเปล่า” เสียงหวานยังคงเอ่ยถามชุนด้วยความเป็นห่วง เธอเห็นแววตาที่แดงก่ำของเขาพยายามกักเก็บน้ำตาเอาไว้ มันทำให้เธอรู้สึกสงสารเขาจับใจ
มือเล็กจับมือหนาของชุนเอาไว้แน่น เธอบีบมือของชุนเบา ๆ เพื่อให้เขารับรู้ว่า ตรงนี้ยังมีเธออยู่ และเขาไม่ได้อยู่คนเดียวใบโลกใบนี้
“อืม”
“พิมจะเป็นกำลังใจให้ชุนเอง ชุนทำได้ ชุนเก่ง” นี่คงเป็นสิ่งที่ดีในรอบหลายเดือน หลายปีที่ฟ้าส่งมาให้กับเขา หญิงสาวตรงหน้าเหมือนน้ำที่ชโลมจิตใจแห้งกร้านของเขาให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“อย่าทิ้งชุนไปไหนนะครับ” เพราะความอ่อนแอของตัวเองบวกกับความไว้ใจคนตรงหน้า ทำให้ชุนเผลอพูดประโยคความในใจของตัวเองออกมาให้พิพิมได้ยิน
รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าสวยของหญิงสาว สายตาอบอุ่นของทั้งสองประสานกัน ทุกอย่างโดยรอบหยุดหมุนเหมือนกำลังมีแรงดึงดูดให้ใบหน้าเข้าใกล้กันเรื่อย ๆ
ปลายจมูกแตะกันจนรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน สายตาหวานเยิ้มยังคงสบตากัน พิพิมค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ เพื่อรับสัมผัสของชุน
เพียงแค่ดวงตากลมโตหลับลง ปากของชุนประกบเข้ากับปากของพิพิมทันที จูบอ่อนหวานละมุนของชุน หล่อหลอมพิพิมจนแทบละลาย หัวใจที่เต้นระส่ำของทั้งคู่ดังขึ้น จูบละมุนแทบไม่อยากผละออกจากกันเคลิบเคลิ้มแทบไร้เรี่ยวแรง
“เหมียว เหมียว” เสียงร้องเรียกของเสือหมอบดังขึ้น เหมือนระฆังที่ดังกลางวง ทำให้พิพิมและชุนต้องรีบผละตัวออกด้วยความเขินอาย
มือไม้ไม่รู้จะวางเอาไว้ตรงไหน รู้สึกเก้อเขินไปหมด จนพิพิมเอ่ยขอตัวกลับ และรีบวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นด้วยความเร็ว
“เอ่อ คือ พิมว่าตอนนี้มันก็ดึกแล้ว พิมขอตัวกลับก่อนนะ”