บทที่ 1.5
ล้วนเป็นนางกระทำตนเอง
ยามที่ได้ยินว่าท่านหญิงฉานอันลักลอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแม่ทัพเกาเฉิงหนางและกุนซือเมิ่งซืออิง องค์รัชทายาทฟ่งเฟยเทียนก็ขบกรามแน่น หากแต่ไม่ใช่เพราะโกรธเคืองที่สหายสนิทดุจพี่น้องร่วมโลหิตกระทำการหักหลัง แต่เป็นเพราะหมากสำคัญของเขาไม่ยินยอมเดินตามที่เขาวางไว้ต่างหาก
“องค์รัชทายาท แม่ทัพเกาและกุนซือเมิ่งมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
สิ้นคำรายงานแม่ทัพเกาเฉิงหนางและกุนซือเมิ่งซืออิง ก็เดินเข้ามาทรุดตัวลงคุกเข่าที่กลางห้องโถงพร้อมกับใช้สองมือยื่นดาบมาเบื้องหน้า
“อาหนาง อาอิง เจ้าทำอะไร”
องค์รัชทายาทฟ่งเฟยเทียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางร้อนรน สำหรับเขาแล้วเกาเฉิงหนางและเมิ่งซืออิง ไม่ใช่แม่ทัพ ไม่ใช่กุนซือ แต่เป็นพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกัน และเขารักดุจพี่น้องร่วมโลหิตที่เกิดร่วมอุทร
“กระหม่อมทั้งสองแตะต้องสตรีของพระองค์ กระหม่อมไม่ขอให้ทรงประทานอภัยแต่ขอชดใช้โทษครั้งนี้ด้วยชีวิต เพียงแต่ท่านแม่ไม่รู้เรื่องนี้ด้วยขอองค์รัชทายาทโปรดละเว้นโทษให้ท่านแม่”
แม่ทัพเกาเฉิงหนางเอ่ยเสียงดังก้องเด็ดเดี่ยวพร้อมกับดึงกระบี่ออกมา ฟ่งเฟยเทียนเร่งทะยานตัวออกมาห้ามผู้ที่เป็นดุจพี่ชาย ดวงตาคมดุจดจ้องตวาดเขาเสียงดังลั่น
“อาหนาง เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นไร ข้าเหมือนคนที่สามารถลงมือทำร้ายพี่น้องเพื่อสตรีนางหนึ่งอย่างนั้นหรือ”
แม่ทัพเกาเฉิงหนางขบกรามแน่นดวงตาแดงก่ำทั้งรู้สึกผิดทั้งโกรธเคือง องค์รัชทายาทฟ่งเฟยเทียนถอนหายใจยาว โยนกระบี่ในมือเกาเฉิงหนางไปไกลตัวแล้วประคองพวกเขาทั้งสองคนลุกขึ้น
“จะอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่อาจปล่อยผ่าน องค์รัชทายาทได้โปรดประทานโทษให้พวกเราเถิด”
กุนซือเมิ่งซืออิงเอ่ยเสียงราบเรียบหนักแน่น เรื่องนี้ท่านหญิงฉานอันจงใจให้เกิดขึ้น แน่นอนว่านางลงทุนลงแรงมากมายเพียงนี้ ต้องมีแผนการชั่วร้ายแอบแฝงแน่นอน
หึ! คงเป็นแผนหญิงงามยุแยงให้แตกคอ
ท่านหญิงผู้นี้ดูแคลนความสัมพันธ์ของพวกเขาสามคนไม่พอ ยังหลงตนเองจนน่ารังเกียจ คงคิดว่าตนเป็นหญิงงามมากคุณค่าชวนให้บุรุษแย่งชิงกันกระมัง
“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้วพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งก็แต่งท่านหญิงฉานอันเป็นฮูหยินเอกเถิด”
สิ้นคำขององค์รัชทายาทฟ่งเฟยเทียน เกาเฉิงหนางและเมิ่งซืออิงก็ตวัดสายตาตื่นตระหนกไปที่อีกฝ่ายในทันที
“สตรีไร้ยางอายเช่นนั้น กระหม่อมไม่มีทางยอมรับ”
แม่ทัพเกาเฉิงหนางเอ่ยบอกเสียงหนักแน่น ขณะที่กุนซือเมิ่งซืออิงทำเพียงข่มกรามแน่นด้วยโทสะล้นอก
“แต่พวกเจ้ากับนาง...”
“ล้วนเป็นนางกระทำตนเอง”
ทันทีที่กุนซือเมิ่งซืออิงเอ่ยจบใบหน้าสีน้ำผึ้งของเขาและบุรุษข้างกายก็ร้อนผ่าว ยามที่นึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนแล้วยิ่งทวีความขุ่นเคืองในใจพวกเขาคนหนึ่งเป็นถึงแม่ทัพทมิฬผู้พิทักษ์อุดร อีกคนเป็นกุนซือหน้าหยกที่ผู้คนต่างยกย่องว่าเป็นยอดอัจฉริยะ ทว่ากลับเสียท่าถูกสตรีไร้ยางอายผู้หนึ่งวางยาปลุกกำหนัดจนทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนั้นออกมา
“อย่างไรนางก็เป็นท่านหญิงเผ่าเหลียง อาหนาง อาอิง เรื่องนี้พวกเจ้าไม่อาจไม่รับผิดชอบ”
องค์รัชทายาทฟ่งเฟยเทียนยังคงเอ่ยเสียงหนักแน่นจริงจัง
“อีกอย่างข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อทรงทราบเรื่องนี้แล้ว คาดว่าอีกไม่นานก็คงมีราชโองการลงมา หนึ่งในพวกเจ้าย่อมต้องรับนางเป็นฮูหยินเอก”
“เช่นนั้นก็ให้นางแต่งกับราชโองการไปเถิด พวกกระหม่อมทูลลา
พ่ะย่ะค่ะ”
เพราะไม่ต้องการถูกเรียกตัวไปรับสมรสพระราชทาน หลังเอ่ยร่ำลามารดา สองจอมทัพแห่งกองทัพพยัคฆ์คำรามก็เร่งควบม้ากลับหัวเมืองเหนือในทันที
เป็นท่านหญิงแล้วอย่างไร คิดใช้วิธีสกปรกบังคับพวกเขา เช่นนั้นก็แต่งกับราชโองการไปเถิด
..................................................
แหมมมม ทำเป็นไม่เอา ไม่สนใจ ไม่อยากได้
ตอนนี้หนีน้อง ตอนหลังอย่ามาง้อก็แล้วกัน ชิ!