บทที่ 2.2
บรรณาการไร้ค่า
“แต่หากพวกท่านคนไหนทนไม่ได้ก็แต่งให้ข้า เช่นนี้กุนซือเมิ่งเห็นเป็นอย่างไร”
“ตกลง!”
เมิ่งซืออิงเอ่ยขานรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขายอมรับว่าสตรีตรงหน้าเพียงแค่เอ่ยวาจาก็ชวนให้อารมณ์บุรุษปั่นป่วน ไฟปรารถนาตื่นตัว แต่เขาไม่ใช่บุรุษวัยเยาว์ไร้เดียงสา เรื่องควบคุมตนเองสักหนึ่งชั่วยามไม่ใช่เรื่องยากเย็น
ฉานอันเห็นท่าทางและวาจาอันหนักแน่นราวเขาไท่ซานของเมิ่งซืออิงแล้วก็ยิ้มกว้าง ลดแขนงามลงจากลำคอของเขาทิ้งลงข้างลำตัวให้เสื้อคลุมตัวนอกหลุดจากกาย เผยเรือนร่างส่วนบนที่เย้ายวน ดวงตาคมของกุนซือหน้าหยกมองอกอวบอิ่มที่ถูกเสื้อตัวในปกปิดเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่แล้วใจเต้นระรัว ไฟปรารถนาตื่นตัว
ยามที่ท่านหญิงตรงหน้ายกเรียวแขนเปลือยเปล่าโอบรอบต้นคอเขาอีกครั้ง ร่างกายเขาก็ร้อนผ่าว จนต้องสูดลมหายใจควบคุมตนเอง ทว่าสองเท้าเล็กกลับยิ่งขยับตัวแนบชิด จนอกอวบอิ่มบดเบียดกับอกแกร่งของอีกฝ่าย โน้มใบหน้าลงกระซิบด้วยเสียงแหบพร่ายั่วยวน
“ซืออิง ท่านเอ่ยเย็นชากับข้าเช่นนี้ หรือว่าลืมรสรักของข้าในคืนนั้นไปแล้ว”
เอ่ยจบท่านหญิงก็เขย่งปลายเท้า กดใบหน้าลงประชิดลำคอของเขา ยามที่ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดผิวเนื้อขนกายหนุ่มก็รุกชัน ยิ่งนางกดริมฝีปากบางไล้ไปตามลำคอจนถึงตึ่งหู ทั้งตัวของเมิ่งซืออิงก็ราวถูกไฟแผดเผาร้อนผ่าวจนต้องขบกรามหลับตาแน่นใช้ลมหายใจความคุมอารมณ์ของตนเอง สองมือไพล่หลังกำหมัดข่มกลั้นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตน
“ซืออิง... ตัวท่านหอมยิ่งนัก”
หากแต่แม้เขาพยายามปิดตาและยืนนิ่งเป็นหุ่นปั้น แต่สตรีตรงหน้ากลับจงใจเอ่ยเสียงกระสันพร่ายั่วยวน บดเบียดอกอวบอิ่มของนางแนบชิดอกแกร่ง อีกทั้งริมฝีปากบางยังเลื่อนลงซุกไซ้ขบเม้มตามผิวกาย จนทั่วทั้งร่างของเขาสั่นสะท้าน เมิ่งซืออิงสูดลมหายใจลึก พยายามควบคุมอารมณ์ปั่นป่วนในกาย ทว่ายิ่งเขาพยายามควบคุม ร่างกายของเขากลับยิ่งตื่นตัว
น่าโมโหนัก... เหตุใดเขาจึงเสียการควบคุมตนเองได้ง่ายดายเพียงนี้
“ซืออิง ท่านกำลังคิดถึงรสรักของข้า กำลังต้องการกลืนกินข้าใช่หรือไม่”
“ทะ... ท่านหญิง หยุด! ตรงนั้นห้ามแตะต้อง หยุด! อ่ะ... ซี๊ด!”
เมิ่งซืออิงร้องห้ามเสียงสั่นเครือ เมื่อมือเรียวเลื่อนลงสัมผัสในส่วนต้องห้าม มือหนาขยับมาจับข้อมือเรียวเอาไว้ เพียงแต่เขากลับช้ากว่านางไปหนึ่งจังหวะ ยามนี้แม้มีผ้าขวางกั้นแต่มือเรียวกลับจับยึดครอบครองตัวตนของเขาเอาไว้แน่น
“ซืออิง อย่าพยายามเลย ท่านต้องการข้า...”
เสียงหวานแหบพร่าร้องบอกพร้อมกับปลายลิ้นเล็กที่ตวัดลงบนลำคอของเขา ขณะที่มือเรียวอีกข้างเลื่อนลงปลดสายเข็มขัดรัดเอวหนาอย่างช่ำชองรวดเร็ว พริบตาก็สอดมือเข้าไปปลดเชือกกางเกงตัวใน ยามที่มือเรียวปลดปล่อยเขาเป็นอิสระ กางเกงด้านในของเขาก็หลุดลงไปกองที่ข้อเท้า
เมิ่งซืออิงตัวสั่นสะท้านเมื่อร่างกายส่วนล่างถูกนางปลดเปลื้องอย่างรวดเร็ว ไม่ทันเอ่ยตำหนิมือนุ่มก็สัมผัสแนบชิดกอบกุมแก่นกายบุรุษในส่วนต้องห้าม โดยไร้สิ่งใดขวางกั้น
“อ่ะ... ท่านหญิง ปะ... ปล่อยมือเดี๋ยวนี้! ซี๊ด...”
เมิ่งซืออิงกลั้นใจเอ่ยเสียงดุ และเร่งจับยึดข้อมือบางที่ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะปลุกเร้า หากแต่ฉานอันกลับยิ่งขยับมือชักนำเขาถี่ระรัว จวบจนสัมผัสได้ถึงความตื่นตัวเต็มกำลังบุรุษของเขา จึงยอมคลายมือออก
“ซืออิงตอนนี้ข้าปล่อยมือแล้ว เช่นนั้น... ท่านก็ควรปล่อยข้าหรือไม่”
ฉานอันยิ้มยั่วยวนพร้อมกับเอ่ยเสียงแหบพร่า ดวงตาหวานเหลือบลงต่ำมองความเป็นบุรุษของเขาที่ยามนี้ไม่อาจควบคุมให้สงบ แล้วใช้ลิ้นเล็กเลียไล้ริมฝีปากของตนอย่างยั่วยวน
“ท่านมันสตรีชั่วร้าย วันนี้ข้าจะทำให้ท่านสำนึกเสียใจกับการกระทำของตนเอง”
เอ่ยจบเมิ่งซืออิงปล่อยมือบาง พร้อมกับตวัดเรียวแขนช้อนร่างของนางขึ้นแนบอก
“พี่ใหญ่ท่านจะทำอะไรรู้ตัวหรือไม่”
เกาเฉิงหนางลุกขึ้นเดินมาจับไหล่ของผู้เป็นพี่ชาย พร้อมกับเอ่ยห้ามเขาด้วยความร้อนรน
“อาหนาง เรื่องนี้ข้าทบทวนดีแล้ว”
เอ่ยจบเมิ่งซืออิงก็อุ้มท่านหญิงต่างเมืองเดินไปยังห้องด้านหลังชั้นหนังสือ ก่อนจะวางร่างนุ่มลงยืนแล้วดันนางจนแผ่นหลังบางแนบชิดกับกำแพง
“ท่านหญิงข้าให้โอกาสท่านอีกครั้ง จะหยุดเพียงเท่านี้หรือไม่”
“ข้าท่านหญิงฉางอัน เอ่ยคำใดไปแล้วไม่เคยคืนคำ”
“ข้าไม่ใช่บุรุษอ่อนโยน ท่านรู้ดี”
“ข้าย่อมรู้ดีและ... ชื่นชอบมาก”
ฉานอันเอ่ยเสียงหวานส่งสายตายั่วยวน ครั้งก่อนนางต้องรับมือเขาสองพี่น้องพร้อมกันนางยังผ่านมาได้ ตอนนี้ก็แค่กุนซือหนุ่มที่กำลังเลือดร้อนคนเดียวนางจะรับมือไม่ไหวได้อย่างไร คอยดูเถิดนางจะทำให้เขาหมดแรงจนต้องคลานออกจากห้องนี้ไปเลย
“เช่นนั้นก็อย่าได้ร้องให้ข้าหยุดเช่นคืนนั้นอีก”
มุมปากของเมิ่งซืออิงยกขึ้น ใบหน้านิ่งสงบแปรปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ดุร้าย ก่อนที่ริมฝีปากบางจะถูกเขาครอบครองดูดดึง ลิ้นร้อนสอดเข้าเกี่ยวกระหวัดรุกไล่ลิ้นเล็กรุนแรง ยามที่นางดื้อรั้นไม่ยินยอมตามใจก็ขบกัดริมฝีปากบางอย่างเอาแต่ใจ
“ซืออิง... ข้าเจ็บ อื้ม...”
ฉานอันร้องครวญเสียงสั่นเมื่อลำคอขาวถูกคนเอาแต่ใจขบเม้มดูดดึงจนเกิดรอยรักเป็นสีแดงเข้ม เสื้อตัวบางถูกเขาฉีกทึ้งกระโปรงเนื้อดีถูกฉีกขาด มือหยาบสอดเข้ามาบีบเคล้นอกอวบอิ่มทั้งสองข้าง ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ขยับริมฝีปากไล้ลงกลืนกินยอดอกสีหวานของนาง
“อื้ม...”
เสียงกุนซือหนุ่มครวญต่ำอย่างพึงพอใจเมื่อได้ลิ้มรสหวานของยอดอกอวบอิ่มที่เขาคะนึงหามาหลายวัน มือหยาบกร้านข้างหนึ่งเลื่อนลงสอดเข้าใต้กระโปรงตัวบางที่ขาดรุ่งริ่งของนาง ดึงรั้งสายรัดกางเกงด้านในของนางจนหลุดลงไปกองกับพื้นแล้วสอดนิ้วยาวเข้ากลางกายนาง
“อ่ะ... ซืออิง... ข้าเสียว”
ฉานอันครวญในลำคอ ก่อนจะสอดแขนยกเรียวขาของตนข้างหนึ่งขึ้น เปิดเส้นทางให้มือหนาของกุนซือหนุ่มได้เคลื่อนไหวถี่ระรัวตามใจ
“ดีมากอันเอ๋อร์”
“อ่า... ซืออิง เร็วอีก อื้ม... แรงๆ ลึกๆ เลย”
เกาเฉิงหนางกำมือแน่น สูดลมหายใจข่มกลั้นแรงปรารถนาในกายของตน เพียงแต่เสียงจังหวะรุกเร้าของพี่ชายบุญธรรม กับเสียงหวานเย้ายวนของท่านหญิงบรรณาการแห่งเผ่าเหลียงกลับทำให้ร่างกายของเขาปวดร้าวทรมานจนยากจะต้านทาน
“ฉานอัน สตรีร้ายกาจข้าจะสั่งสอนนางให้หราบจำ”
...........................................