บทนำ
"อุแว๊! อุแว๊! อุแว๊! "
เสียงเด็กทารกร้องอยู่ที่หน้าบ้านเศรษฐีในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งกลางเมืองกรุงเทพมหานครฯ ทำให้ชายหนุ่มที่เล่น ROV อยู่ที่ห้องรับแขกของบ้านต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อมีคนสวนรีบวิ่งเข้ามาเพื่อบอกกล่าว
"คุณนนท์ครับคุณนนท์"
"ครับลุง"
บุญมา ทำหน้าที่เป็นคนสวนของบ้านที่ใหญ่โตหลังนี้ก่อนหน้านี้เขากำลังตัดแต่งต้นไม้พุ่มไม้อยู่หน้าบ้าน ทว่าเมื่อตอนที่จะเดินไปเอาน้ำจากกระติกมาดื่มเพื่อดับกระหายหูเขาก็ได้ยินเสียงเด็กน้อยร้องอยู่หน้าบ้านจึงรีบวิ่งไปดู
"ไอ้หนู มาร้องอะไรตรงนี้เนี่ย"
เขามองซ้ายมองขวาหาแม่ของเด็กน้อยที่ร้องไห้จนคอแหบคอแห้งแต่ก็ไม่พบใครจึงถือวิสาสะอุ้มขึ้นแนบอกเพราะสงสารเด็กตัวเล็กที่เพิ่งจะลืมตาดูโลกได้ไม่นาน เพราะตัวยังแดงๆ อยู่เลย
เขาตัดสินใจอุ้มเด็กน้อยเข้ามาในเขตบ้านแล้ววิ่งเข้าไปหมายจะเข้าไปหาเจ้านายหนุ่มที่ในอนาคตจะได้รับช่วงต่อดูแลธุรกิจจากคุณตุลย์ผู้เป็นพ่อ ก่อนเดินเข้าไปหาชายหนุ่มเขาวางเด็กน้อยเอาไว้ทางเข้าประตูหน้าบ้าน เธอดูเป็นเด็กเลี้ยงง่ายเพราะตั้งแต่ที่เขาอุ้มแนบอกเธอก็หยุดร้องไห้ในทันที
"มีอะไรรึเปล่าครับลุง"
ชานนท์ละความสนใจจากเกมในมือถือแล้วเงยหน้ามองลุงบุญที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ ลุงบุญนั่งลงคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเจ้านายหนุ่มก่อนจะเอ่ยคำพูดออกมาที่ทำให้ชานนท์ถึงกับ งง
"มีเด็กแดงๆ มาร้องอยู่หน้าบ้านครับ"
"หะ! เด็กแดงๆ อะไรลุง"
"ผมหมายถึงเด็กน้อยมาร้องอยู่หน้าบ้านครับ"
"เอ้า! ลุงก็ไปตามแม่เด็กสิ อย่าปล่อยให้ร้องนานเดี๋ยวไม่สบาย ไม่มีไรแล้วใช่ไหมลุงผมจะเล่นเกม"
ลุงบุญมาไม่รู้จะทำยังไงจึงเดินคอตกออกไปแต่ทว่าเหมือนโชคเข้าข้างเมื่อเด็กน้อยที่เขาแอบวางเอาไว้หน้าบ้านเปล่งเสียงร้องออกมาอีกครั้งทำให้ชายหนุ่มที่กำลังจะก้มหน้าเล่นเกมอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
เด็กแดงๆ ร้องไห้อยู่หน้าบ้าน คงไม่ได้หมายถึงเด็กทารกหรอกนะ
"อุแว๊ อุแว๊ อุแว๊"
ชานนท์รีบหยัดกายลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงเขาเก็บโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นข้างขวาแล้วรีบเดินแซงหน้าลุงบุญมาออกไปหน้าบ้านทันที
"เด็กแดงๆ หมายถึงตัวนี้หรือเปล่าครับลุง"
"ครับ"
ชานนท์ยกมือกุมขมับทันทีทำไมหนอทำไม เขาต้องมาเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยชานนท์รีบอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกแล้วเดินเข้าไปในบ้าน เด็กน้อยในอ้อมอกของเขานิ่ง และเงียบกริบหลับปุ๋ยราวกับรับรู้ว่าได้อยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้วอย่างไรอย่างนั้น ใบหน้าของเธอจิ้มลิ้มน่ารัก แล้วยิ่งเธอหลับเขายิ่งไม่อยากวาง
ราวกับดวงชะตาต้องกันชานนท์มองหน้าเด็กน้อยราวกับตกอยู่ในภวังค์ ความน่ารัก ความไร้เดียงสาของเธอมันทำให้เขาอดที่จะสงสารเธอไม่ได้ทั้งๆ ที่เธอก็น่ารักตั้งขนาดนี้ แต่ทำไม ทำไมเธอถึงไม่มีใครเอา
"ลุงบุญครับผมรบกวนช่วยไปตามป้าบุษมาที"
บุษบาเป็นแม่บ้านของเขาที่มีลูกติดชื่อสาลี่มาอาศัยอยู่ด้วยชานนท์เห็นว่าบุษบาเคยมีลูกมาก่อนจึงใช้ให้ลุงบุญไปตามเธอมาระหว่างที่กำลังรอ ดวงตาคมของเขาก็เหลือบเห็นแผ่นกระดาษหนึ่งแผ่นแนบมากับอกของหนูน้อยด้วย
'ถึงนนท์
เราเองนะละอองดาวเราขอโทษที่เคยร้ายกับเธอ และเพื่อนๆ ตอนนี้เรากำลังเดือดร้อนเราท้องไม่มีพ่อ และหนีหนี้อย่างหัวซุกหัวซุน เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ เราขอฝากลูกสาวของเราไว้ที่นนท์ก่อนได้ไหม เมื่อไหร่ที่เราใช้หนี้หมดแล้วเราสัญญาเราจะรีบกลับมารับลูกทันทีไม่ต้องห่วงเรื่องกฎหมายเราจัดการทุกอย่าง อย่างถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ขอโทษด้วยนะที่รบกวนแต่เราไม่มีที่พึ่งแล้วจริงๆ แม่เราก็แก่มากแล้วคงดูเด็กไม่ไหว จะให้น้ำพั้นช์ช่วยเราก็ไม่กล้า หน้าเรามันไม่ได้ด้านขนาดนั้นแล้ว นนท์ช่วยเราหน่อยนะถือว่าสงสารลูกหมาลูกแมวก็ได้ แล้วเราจะพยายามหาทางติดต่อมานะ
ละอองดาว'
ทันทีที่ได้อ่านจดหมายจากอดีตเพื่อนชานนท์แทบทรุดลงไปนั่งหากไม่ติดว่าอุ้มเด็กน้อยในอ้อมกอดเอาไว้เขาคงลงไปนอนแดดิ้นอยู่ที่พื้นเรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่เขาตั้งสติมาพักหนึ่งโดยที่ท่อนแขนแกร่งก็ยังคงอุ้มเด็กน้อยเอาไว้ตลอดเวลา เขาได้ส่งข้อความบอกเพื่อนๆ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นจนน้ำพั้นช์ มาร์ติน พาทิศ และวิปครีม มาหาเพราะเป็นห่วง พวกเขาอยู่กันไม่นานก็กลับ ทิ้งไว้เพียงแค่ชายหนุ่มที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็กลายเป็นพ่อคนไปด้วยวัยเพียงยี่สิบห้าปีไปโดยปริยาย
"คุณนนท์จะให้บุษเตรียมห้องนอนให้น้องไหมคะ"
"เตรียมไว้ที่ห้องของผมก็ได้ครับ"
"แล้วเราควรจะเรียกน้องว่าอะไรดีคะ"
"อืมมมม" ชายหนุ่มก้มมองใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กน้อยในอ้อมกอด เขาระบายยิ้มออกมาแล้วกดจมูกโด่งลงไปที่พวงแก้มป่องของเด็กน้อย
"น้องลินครับ น้องพลอยไพลิน"
ชานนท์ตัดสินใจช่วยเหลือละอองดาวแต่ไม่ใช่เพราะมีความรู้สึกดีๆ ให้เธอเขาแค่รู้สึกสงสารเด็กน้อยก็เท่านั้นสงสารที่มีแม่แบบนั้นเธอไม่น่าเกิดมาผิดที่เลย ขณะที่กำลังเดินเข้าห้องนอนของตัวเองพร้อมกับเด็กน้อยพลอยไพลินเขาก็นึกถึงคำพูดที่เคยคุยกับเพื่อนเอาไว้
"สวัสดีค่ะ คุณวิปครีม ป้าชื่อแอนนะคะ เป็นแม่นมของคุณหนูพลอยไพลิน"
"สวัสดีค่ะป้าแอน"
"นนท์แกตั้งชื่อให้น้องเหรอ ชื่อโคตรเพราะเลย"
"ใช่"
"แต่ฉันว่ามันแปลกๆ นะ"
"ยังไง"
"มันเป็นชื่อที่แกเคยพูดว่าจะเอาผู้หญิงชื่อพลอยไพลินทำเมียไม่ใช่เหรอวะ เพราะแกชอบชื่อนี้มันเพราะดี"
- 12:05 AM –
"อุแว๊ อุแว๊ อุแว๊"
น้องพลอยไพลินร้องไห้เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเจอกับความมืดเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่กี่วันต้องพบกับความมืดท้องน้อยๆ ของเธอกำลังร้องเรียกขออาหารโดยที่คุณพ่อยังหนุ่มยังไม่รู้ว่าที่เธอร้องแบบนี้มันหมายความว่ายังไงเขาลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องของลูกเพื่อน
"อือออออ"
ชานนท์ผงกศีรษะขึ้นเพื่อดูว่าน้องพลอยไพลินต้องการอะไรเขาจับร่างเล็กพลิกไปพลิกมาเพื่อดูความเรียบร้อยแต่น้องพลอยไพลินก็ยังไม่หยุดร้องไห้
"ก็ไม่ได้อึนี่ครับ น้องลินร้องทำไมครับ"
"อุแว๊ อุแว๊ อุแว๊"
เขาตัดสินใจวอหาป้าบุษบาทันทีเพราะเขาเองก็จนใจไม่รู้จริงๆ ว่าน้องพลอยไพลินต้องการอะไรจนป้าบุษบาเดินเข้ามาอุ้มคุณหนูน้อยขึ้นเช็กไปเช็กมาถึงได้รู้ว่าเธอหิวนม ป้าบุษบาสอนชานนท์ป้อนนมคุณหนูน้อยจนเขาเข้าใจแล้วให้ป้าบุษบาไปพัก
- บริษัทหมู่บ้านจัดสรรของชานนท์ –
ประธานบริษัทเดินเข้ามาพร้อมกับเด็กน้อยวัยทารกในอ้อมอกต่างเป็นจุดสนใจของพนักงานที่มองเข้ามาแม้จะมีการทำความเคารพเขาตามปกติแต่ก็ไม่วายมีเสียงซุบซิบนินทากันอย่างหนาหู
"เอ้าๆๆๆ ยังอยากมีงานทำกันอยู่ไหม เจ้านายจะพาใครมาก็เรื่องของเขาไปนอนใต้เตียงเขามารึ"
หลังจากวันนั้นหลายเดือนน้องพลอยไพลินต่างก็เป็นที่รักของคนที่บริษัทเพราะชานนท์พาเธอมาทำงานด้วยทุกวัน แม้กระทั่งเข้าประชุมเขาก็พาเธอเข้าไปด้วย และเรื่องราวของเขาก็ถูกแพร่กระจายไปตามโซเชียลที่อยู่ๆ ก็มีลูกจนเขาได้ฉายา
'พ่อม่ายทรงเสน่ห์'