“เออ คุณเจ้าของ...”
“เอวาค่ะ เรียกเอวาก็ได้ค่ะ” ฉันบอกชื่อตัวเองให้กับเธอที่ดูเหมือนจะมีคำถามอะไรบางอย่าง
“ฝนนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณเอวาค่ะ” เธอแนะนำกลับชื่อฝนเหรอ? ก็เหมาะกับบุคลิกเธอดีนะ ดูบอบบางและใสเหมือนกันน้ำฝนที่ตกลงมาจากฟากฟ้า “คืออยากจะสอบถามน่ะค่ะว่าห้องเสื้อคุณเอวา ตัดชุดสูทผู้ชายไหมคะ?”
“ชุดสูทเหรอคะ”
“พอดีว่าอยากให้พี่ที่คุยด้วยมาตัดสูทใหม่น่ะค่ะ เห็นสูทเขาแล้วเก่ามาก”
“ได้สิคะ” อะไรที่ได้เงินนี่ฉันเอาหมดเลยนะบอกไว้ก่อน “ปกติเอวาตัดให้แต่คนที่รู้จัก แต่ถ้าคุณฝนต้องการเอวายินดีเลยค่ะ”
“ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ต้องกล่อมพี่เขาก่อนว่าจะยอมมาหรือเปล่า”
“ถ้าคุณฝนกับคุณผู้ชายพร้อม ก็มาที่ห้องเสื้อได้ตลอดเลยนะคะ เอวาอยู่ที่ห้องเสื้อตลอดบอกน้องพนักงานได้เลย”
เมื่อคุยกันเรียบร้อยเธอก็ออกจากห้องเสื้อไป นี่ฉันตกลงอะไรลงไปเนี่ย! ปกติฉันไม่คิดจะตัดชุดสูทผู้ชายเลยสักนิด ไม่มีอยู่ในหัวเลยเพราะฉันจะตัดให้แค่พ่อกับเตชินทร์เท่านั้นล่ะ ช่างเถอะเอวา ตกลงไปแล้วจะกลับลำก็ยังไงอยู่เธอเป็นลูกค้าประจำที่ห้องเสื้อด้วยพนักงานบอกฉัน
บ่ายสามแก่ๆ ฉันโทรหายัยปุ้ยที่รีบแจ้นให้ฉันไปรับยัยอุ่นที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ฉันไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาลเลยมันทำให้รู้สึกเวียนหัวและทำให้รู้สึกไม่อยากเข้ามาถ้าไม่จำเป็น อย่างที่บอกฉันไม่อยากไปหาหมอหรือมาโรงพยาบาลเลยสักนิดถ้าหากไม่จำเป็น ยัยอุ่นก็ดันขับรถไปที่ร้านอาหารไม่เป็นฉันก็เลยต้องพาสังขารที่ภูมิแพ้กำเริบมายังชั้นห้าของที่เป็นโซนอายุรกรรมซ้ายมือเป็นห้องพักผู้ป่วยที่อาการหนักพอควร ขวามือเป็นห้องพักผู้ป่วยที่อาการดีขึ้นและยัยอุ่นทำอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยอาการหนัก
ฉันไม่อยากเข้าไปหายัยอุ่นด้านในจึงเคาะกระจกตรงที่พยาบาลทำงานกันอยู่ “มาพบใครคะ?”
“อุ่นฤดีค่ะ”
“นั่งรอที่เก้าอี้สักครู่นะคะ อุ่นกำลังให้น้ำเกลือคนไข้อยู่ค่ะ” ฉันฉีกยิ้มให้กับพยาบาลที่น่าจะรุ่นป้าจึงยกมือไหว้ขอบคุณเธอและเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้สีฟ้าเป็นทางยาว โถงทางเดินเงียบสงัดยังกับป่าช้าทำเอารู้สึกขนหัวลุกยังไงชอบกล คงไม่มีผีโผล่มาใช่ไหม? แล้วฉันจะนึกถึงผีทำหอกไรเนี่ย
“เอวา” เสียงนุ่มที่แสนจะเบาเอ่ยเรียกสายตาฉันที่มองไปยังประตูห้องพักคนไข้อาการหนัก ร่างบอบบางที่สวมชุดพยาบาลสีขาวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเดินมาหาฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “มารอนานหรือยัง?”
“เมื่อกี้เอง เลิกงานยัง”
“เหลืออีกครึ่งชั่วโมง” ยัยปุ้ย! รีบให้ฉันถ่อมาทำไมอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่ายัยอุ่นจะเลิกงานเนี่ย “แกโอเคไหม?”
“มาแล้วจะให้วนรถกลับมารับแกก็เสียเวลา ฉันรอแกตรงนี้ล่ะ”
“ด้านล่างมีร้านกาแฟ แกจะไปรอข้างล่างก็ได้” พยักหน้ารับร่างบอบบางก็เดินเข้าไปในห้องตามเดิม ส่วนฉันก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายจึงหยิบสมาร์ทโฟนมาไถไอจีเล่นและตอบไลน์เตชินทร์ที่ถามว่าตอนนี้ฉันทำอะไรอยู่ที่ไหน พอรู้ก็บ่นเป็นหางว่าวเลยเขารู้ไงว่าฉันไม่ถูกกับโรงพยาบาล ไม่ได้อยู่บ่นตรงนี้ก็ไม่สนใจหรอก ตวัดขาไขว่ห้างพิงหลังกับกำแพงกระทั่งมีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งมานั่งตรงข้ามกับฉัน เหมือนกับว่าเพื่อนของเจ้าพวกนี้มาดูเพื่อนของตัวเองที่เพิ่งถูกเข็นเข้าไปด้านใน พอได้เห็นคนป่วยแวบๆ ก็ทำให้รู้สึกแย่ชะมัด
ฉันผละสายตาจากจอสมาร์ทโฟนจังหวะสบตากับวัยรุ่นสองคนที่มองขาอ่อนของฉัน เจ้าพวกนั้นจึงเบนหน้าหนีไปคุยกับเพื่อนตัวเองส่วนฉันก็ยกข้อมือดูเวลาที่มันโคตรจะเดินช้าเลย เมื่อยขาจึงตวัดเปลี่ยนขาไขว่ห้างวัยรุ่นชายที่น่าจะอายุสิบแปดก็มองขาจนฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ชินกับสายตาพวกนี้แล้วจะมองก็มองไปเถอะ
“พี่สาวครับ” เงยหน้าจากสมาร์ทโฟนมองร่างสูงที่สูงกว่าฉันแน่ๆ เด็กพวกนี้โตไวไปไหน? “ขอไลน์หน่อยดิ”
“...”
“ผมชอบพี่อะ” แล้วก็พูดจาได้แบบกวนประสาทสุด ไหนจะอีรอยยิ้มที่ทำเอาฉันเก็บสมาร์ทโฟนตัวเองลงกระเป๋าสะพายคู่โปรด “พี่ชอบเด็กปะ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่เด็กแล้วนะครับ”
พวกเพื่อนเปรตของเด็กเวรนี้ก็ร้องฮิ้วกันจนดังโถงทางเดินฉันถอนหายใจ “หัดมีมารยาทหน่อยนะน้อง ที่นี่โรงพยาบาล ส่งเสียงดังรบกวนผู้ป่วยระวังยามจะมาลากลงไป”
“พี่ก็ให้ไลน์ผมดิ ให้ปุ๊บผมไปเลย”
“ไม่ให้” ตอบเสียงแข็งเจ้าเด็กที่ยื่นมือถือมาตรงหน้าก็ทำหน้าบูด
“ใจร้าย”
“พี่ไม่ชอบเด็ก ต่อให้น้องจะไม่เด็กแล้วก็ตาม” นิ้วชี้ของฉันจิ้มลงที่หน้าท้องหมอนั้นให้ขยับออกห่างจากตรงหน้า “พอดีว่าพี่ชอบรุ่นใหญ่น่ะ”
“ผมก็รุ่นใหญ่นะ เชื่อปะไม่เชื่อก็ลองดิ” ยังจะกวนประสาทอีกนะเด็กเวรนี้! “ถึงผมจะรุ่นไม่ใหญ่ แต่อย่างอื่นผมโคตรใหญ่ พี่อยากดูไหม?”
อดทนไว้เอวา อดทนไว้! อดทนที่ตัวเองจะไม่ลุกขึ้นไปตบหน้าเด็กห่าเหวที่พูดจาทะลึ่งจนทำเอาประสาทจะเสีย
“คุณเอวา”
น้ำเสียงที่นุ่มลึกคุ้นหูทำให้ฉันค่อยๆ หันไปมองร่างสูงที่สวมชุดกราวน์สีขาวคลุมทับเสื้อเชิ้ตสีดำ พร้อมกับลำคอที่มีหูฟังแพทย์คล้องไว้อยู่สายตาคมตวัดมองฉันที่ลุกขึ้นยืนและตวัดไปมองวัยรุ่นที่มาขอไลน์ฉันจะเงียบปากทันทีทั้งที่เมื่อกี้ยังส่งเสียงอยู่เลย “คุณหมอดินแดน”
“พวกเธอลงไปด้านล่างได้แล้ว”
“แต่ว่าเพื่อนผมอยู่ข้างในนะหมอ”